คำเตือน
**นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ชื่อ สกุล สถานที่ ตัวละคร เป็นเพียงเรื่องสมมุติไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงของใครทั้งสิ้น
**นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องทางเพศ ความรุนแรงไม่เหมาะสมสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
**นิยายเรื่องนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก ดัดแปลง ทำซ้ำ สแกนหนังสือหรือกระบวนการอิเล็กทรอนิกซ์ใดๆ ของเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของนิยาย (หากพบเห็นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย)
ตอนที่ 1
ล้มละลาย
“กวินภพ เราแยกทางกันเถอะค่ะ ชีวิตคู่ของเราก็ไปด้วยกันไม่รอดหรอก” หญิงสาวพูดขึ้นหลังจากรู้ตัวว่าสามีของเธอกำลังจะล้มละลายจากสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ สื่อทีวีในตลาดหุ้นปีนี้ กับเม็ดเงินโฆษณาที่ลดลงจนแทบไม่เหลือกำไร
ประธานบริษัทที่เขาไว้ใจมากที่สุดยักยอกเงินในบริษัทไปกว่าหลายล้านบาท และหนีออกนอกประเทศตามจับกุมตัวไม่ได้ เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อนเมื่อธุรกิจโรงแรมที่เขาลงทุนไปเมื่อต้นปีก็เสียหายจนไม่สามารถประเมินค่าได้ เนื่องจากผลกระทบจากโรค โควิด
เงินในบัญชีของเขาต้องเอามาจ่ายค่าจ้างพนักงานบริษัท และเขาก็แทบจะไม่มีเงินเหลือติดตัวเลย
“มินตรา คุณกำลังพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า” กวินภพแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินประโยคนี้จากคนที่เขารัก ชายหนุ่มมีเด็กหญิงวัยสองขวบอยู่ในอ้อมกอด
“รู้ตัวสิคะ ฉันทำอะไรฉันรู้ตัวดีทุกอย่าง ตอนนี้คุณก็มีแต่ตัว คุณจะเอาปัญญามาเลี้ยงฉันได้ยังไง” กวินภพสะอึกกับคำพูดของภรรยาตรงหน้า แววตาที่แสนเหยียดหยามไล่มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
“มินตรา คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“เหอะ คุณอย่าแกล้งโง่ไปหน่อยเลยค่ะ ใครจะอยากมีผัวจน ๆ กัดก้อนเกลือกินละ ตอนนี้คุณไม่มีอะไรเลยสักอย่าง แล้วทำไมฉันจะต้องไปตกระกำลำบากกับคุณด้วย”
มินตราสาวยังสวย อนาคตฉันยังต้องเจอคนอื่นอีกตั้งเยอะแยะ เธอคงไม่อยากเอาชีวิตตัวเองไปจมปลักอยู่กับคนที่มีแต่ตัวหรอก
มินตรายืนมองชายหนุ่มด้วยสายตาที่เอือมระอาเต็มทน ทำไมเธอจะต้องมาอยู่ร่วมกับคนที่มีแต่ตัวอย่างเขาด้วย ถ้าไม่ติดว่ามีลูกด้วยกัน ป่านนี้เธอจะทิ้งเขาไปตั้งนานแล้ว
มินตราติดอันดาที่เธอจะต้องให้นม ถ้าจะทิ้งไปตั้งแต่แรกก็จะหาว่าใจดำเกินไป แต่ตอนนี้อันดาก็สองขวบแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องให้นมลูกอีก มันถึงเวลาที่เธอจะต้องไปเสียที
“แล้วลูกของเราล่ะ..อันดาต้องการแม่นะ”
“ฉันเชื่อค่ะ...ว่าคุณต้องเลี้ยงลูกได้ ฉันไม่เอาลูกไปเป็นภาระฉันหรอกนะ” มินตรารีบบอกชายหนุ่ม แต่เธอรู้ดีว่ากวินภพรักอันดามาก และถ้าเธอจะพาอันดาไปอยู่ด้วยกวินภพต้องไม่ยอมแน่นอน
“เรื่องของธุรกิจที่มันแย่ในตอนนี้ ผมกำลังหาทางออกอยู่ ผมอยากให้คุณลองให้โอกาสผมสักครั้งนะ”
“ไม่มีโอกาสนั้นสำหรับคุณแล้ว...กวินภพ ลาก่อนนะคะ”
“ไม่ได้ ผมจะไม่ยอมให้คุณหรือลูกจากผมไปแน่นอน มินตรา...คุณก็รู้ว่าการทำธุรกิจมันก็ต้องมีขึ้นมีลงกันเป็นธรรมดา อีกไม่นานก็ถอนทุนขึ้นเอง คุณจะทิ้งผมไว้คนเดียวหรือไง คุณไม่สงสารผมบ้างเหรอ” น้ำเสียงเว้าวอนนั้นช่างน่ารำคาญสำหรับมินตราเหลือเกิน เธอเบื่อที่จะฟังเสียงผู้ชายคนนี้แล้ว
“ฉันสงสารคุณไงคะ ฉันถึงต้องแยกทางกับคุณ ถ้าฉันอยู่ฉันก็ต้องเป็นภาระให้กับคุณ คุณก็รู้ว่าฉันเป็นคนใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือย จะให้ฉันมานั่งประหยัดทนใช้ของเดิม ๆ ต้องทนมานั่งเก็บเงินมันเป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่มีฉันรายจ่ายคุณก็จะน้อยลง ฉันคิดว่าคุณคงจะเข้าใจ”
“ผมไม่เข้าใจ!!! ผมรักคุณ เราอยู่ด้วยกันมาตั้งสามปีแล้วนะมินตรา คุณจะทิ้งผมไปหาคนอื่นอย่างนั้นเหรอ คุณไม่สงสารผมกับลูกหรือไง คุณทำแบบนี้ได้ยังไงมินตรา” น้ำตาชายหนุ่มไหลลงมาอาบณิชา อันดาร้องไห้ตกใจกับน้ำเสียงของกวินภพ
มินตราเองก็ตกใจไม่น้อยที่เห็นน้ำตาของชายหนุ่ม เธอเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็คราวนี้
“ผมรักคุณ ผมทำได้ทุกอย่างเพื่อคุณกับลูก ตอนนี้ผมขอแค่เวลา ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมสามารถเลี้ยงคุณกับลูกให้สุขสบายได้ ขอแค่คุณอยู่เคียงข้างผม” อันดาร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของกวินภพ
ชายวัยสามสิบหกคุกเข่าลงไปกับพื้นทั้งที่อุ้มลูกอยู่เพื่อขอร้องภรรยาเป็นครั้งสุดท้าย มินตรามองชายหนุ่มเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังให้โดยไม่มองกลับมาอีกเลย พร้อมกับประโยคที่ทำร้ายจิตใจเขาจวบจนตอนนี้
“ฉันรู้ว่าคุณรักฉัน แต่ฉันไม่ได้รักคุณแล้ว ฉันเชื่อว่าคุณจะเจอผู้หญิงที่รักคุณมากกว่าฉัน เราเลิกกันเถอะค่ะ ฝากดูแลอันดาให้ดีๆ ด้วยนะคะ” เธอหันหลังให้เขาแล้วหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่เดินไปข้างหน้า เรี่ยวแรงที่จะยื้อเธอไว้เหือดหายไปหมด เขาวางอันดาให้ยืนกับพื้น ลูกสาวตัวน้อยร้องไห้ไม่หยุด ไม่ต่างอะไรจากเขา
“แม่ จาหาแม่” อันดาวิ่งจะตามมินตราไป แต่กวินภพก็ต้องรั้งอันดาเอาไว้เพราะเธอขับรถยนต์คันหรูที่กวินภพซื้อให้เธอเมื่อไม่นานมานี้ออกไปแล้ว และนั่นเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เขาคิดว่าจะนำมันมาต่อทุน ตอนนี้แทบสิ้นหวังแล้ว
“แม่ จาปายหนาย อย่าทิ้งหนูปาย” อันดาร้องไห้ตามมินตรา รถยนต์คันนั้นวิ่งไปจนลับตาแล้ว เหลือแต่สองพ่อลูกที่ยังยืนกอดกันอยู่หน้าบ้าน ไม่มีอีกแล้วผู้หญิงที่เขารักหมดใจ
ผู้หญิงที่เขามั่นใจว่าสามารถเป็นแม่ที่ดีของลูกได้ แต่ทำไมเธอกลับทิ้งเขาไปเพียงเพราะว่าเขาไม่เหลือเงินให้เธอใช้จ่ายอย่างสุขสบาย ทำไมเธอไม่อยู่เพื่อเป็นกำลังใจให้เขาต้องต่อสู้กับอุปสรรค ทำไมเธอต้องทิ้งเขากับลูกไปด้วย
“แม่เขาไปแล้วลูก หนูต้องอยู่กับพ่อนะคะ”
“แล้วแม่ จากลับมามายคะ”
“ต้องรอก่อนนะคะ เดี๋ยวอีกไม่นานแม่คงกลับมา” กวินภพได้แต่ปลอบใจลูกสาวของตัวเอง เธอร้องไห้หนักมากจนหลับไป
กวินภพนั่งคิดหลังจากที่เข้ามานั่งบนเตียงนุ่มในห้องตัวเอง เขาเฝ้าถามตัวเองมาตลอดว่าทำไมเธอต้องทิ้งเขาไปด้วย
เขามือดูปืนสั้นบนหัวเตียง เขากำลังจะเล็งมันไปที่สมอง
พยายามหลับตาลง
กริ้ง!!!!!.. เสียงโทรศัพท์ดัง เขารีบคว้ามารับสายก่อนที่อันดาจะตื่น
“สวัสดีครับพี่รัฐ”
4 ปีต่อมา…
กวีนภพนั่งคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลาห้าปีแล้วที่เขาทุ่มเทตัวเองให้กับงานและลูก มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะให้เขาต้องทำงานไปด้วยเลี้ยงลูกไปด้วย ถึงแม้เขาจะจ้างแม่บ้านวัยกลางคนมาช่วยเลี้ยงดูอันดา แต่กวินภพก็อยากจะเลี้ยงลูกด้วยตัวเองมากกว่า
เขาไม่อยากให้อันดาเป็นเด็กที่มีปมด้อยเรื่องครอบครัว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีแม่ แต่กวินภพเชื่อว่าเขาสามารถให้ความอบอุ่น เป็นทั้งพ่อและแม่ในคราวเดียวกัน
บางครั้งงานไม่เสร็จเขาก็ต้องหอบงานกลับมาทำที่บ้าน และดูแลอันดาไปด้วย ตลอดเวลาห้าปีมีคนบอกให้กวินภพหาแม่ให้กับอันดา แต่เขาไม่คิดจะทำแบบนั้นเลย
อดีตสอนให้เขารู้ว่าอย่าไว้ใจผู้หญิง กวินภพอยู่คนเดียวมาตลอดและเลี้ยงอันดามาจนอายุได้หกขวบ
เขาเลี้ยงลูกด้วยความรักทั้งหมดที่เขามีให้ การทำงานที่หนักหนาสาหัสนั้นทำให้เขาไม่มีเวลาว่างที่จะมานั่งเสียใจให้กับผู้หญิงที่ชื่อมินตราอีก
กวินภพคิดเพียงว่าจะต้องทำงานเพื่อให้ลูกสาวคนเดียวของเขาสุขสบายไม่ต้องลำบาก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำก็เพื่อลูก เพื่อลูกคนเดียวเท่านั้น
ชายหนุ่มพบกับมินตราเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อสามปีก่อนในงานเลี้ยงฉลองของช่องทีวีดิจิตอลชื่อดังที่สามีใหม่ของเธอเป็นเจ้าของ
มินตรานัดพบกับเขาเพียงเพราะต้องการใบหย่าเท่านั้น เขาก็ไปทำตามหน้าที่นั้น เพราะไม่มีอะไรจะต้องยื้อกันไว้อีก
มินตราดูสุขสบายบนกองเงินกองทองที่ชายวัยกลางคนมอบให้ ชีวิตรักสบายเป็นสิ่งที่เธอใฝ่ฝันและตามหามันมาตลอด ตอนนี้เขาเห็นแล้วว่าเธอสุขสบายเขาก็หมดห่วง
“คุณไม่คิดจะไปหาลูกบ้างเหรอ...มินตรา”
“คุณคิดว่าลูกโตขนาดนี้แล้ว..ยังจะจำฉันได้หรือไง”
“เปล่าหรอก ผมถามเพราะเห็นว่าคุณเป็นแม่ ถ้าคุณไม่อยากเจออันดาก็ไม่เป็น”
“ฉันไม่ค่อยว่าง เอาไว้โอกาสหน้าล่ะกันนะ”
บางเวลาที่เขาว่างก็อยากให้อันดาได้เจอกันแม่บ้าง หรือแค่ช่วงเวลาเลิกเรียนให้มินตราไปหาที่โรงเรียนบ้างก็ยังดี แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ คิดแล้วเขาก็เสียใจแทนลูกไม่ได้
ความน้อยใจมันยังคงหลงเหลืออยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ แต่เพราะผู้หญิงคนนั้นที่ทำให้เขาต้องต่อสู้ และตอนนี้เขาก็ทำสำเร็จแล้ว เขาลงทุนทำธุรกิจโรงแรมใหม่ และกำลังจะขยายไปที่ต่างประเทศ เพราะมีคนเสนอให้เขาไปเปิดโรงแรมเพิ่มที่นั่น
ตอนนี้กำลังก้าวหน้า ปีนึงมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจับจองที่พักมากมาย
“สวัสดีครับพี่รัฐ”
“ว่าไงนะพี่ ผมยินดีด้วยนะครับ ที่พี่จะแต่งงาน”