คาร่าพูดและสังเกตว่าโมนิก้าได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนคาร่าจะมองไปรอบๆ มหาวิทยาลัย เพื่อดูเหล่านักศึกษาที่กำลังยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขไปด้วยกัน ซึ่งนั่นคงเป็นกิจวัตรปกติของพวกเขา
แล้วคาร่าก็มองดูเงาของบอดี้การ์ดทั้งสองของเธอ
‘นี่คือชีวิตปกติของฉัน ฉันต้องทำใจยอมรับมันให้ได้ โลกที่ไม่เหมือนวัยรุ่นคนอื่น ฉันจะไม่มีวันไร้กังวลเหมือนนักเรียนพวกนั้น เพราะโลกปกติของฉันได้ตายจากไปนานแล้ว’
เธอนึกถึงเด็กหนุ่มที่นั่งข้างเธอ เธอเข้าใจว่าเขาคงชอบเธอ แต่ในตอนนี้ เธอไม่ใช่คาร่า แอนเดอร์สันแล้ว เธอคือ คาร่า ฮิลล์ เด็กหนุ่มคนนั้นจึงไม่มีที่ให้ยืนในชีวิตของเธอ มันไม่ยุติธรรมสำหรับใครก็ตามที่จะถูกดึงเข้ามาตรงนี้
คาร่ารู้สึกเศร้าใจขึ้นมา ไม่ใช่ว่าเธอชอบเด็กหนุ่มคนนั้น แต่เธอปรารถนาและอยากใช้ชีวิตปกติแบบเด็กสาวคนอื่นทั่วไป
ทว่าคาร่ารู้... ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้
เธอมองดูเวลา ตอนนี้จะบ่ายสี่โมง ‘คริสเตียนอาจจะกลับบ้านมาตอนเที่ยงคืนเหมือนเดิม’ เธอคิด
คริสเตียนได้กลายมาเป็นสมอเรือของเธอในทะเลแห่งความไม่แน่นอนอันกว้างใหญ่ ตอนนี้เธอกำลังอยากได้ความมั่นใจจากเขา เธอรู้สึกขมขื่นและเศร้า แต่เขาเป็นคนเดียวที่จะช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นได้ เขาคือเดียวที่จะช่วยให้เธอสบายใจ
“พวกคุณรู้ไหม ว่าตอนนี้คริสเตียนอยู่ที่ไหน”
คาร่าถามกาสปาโรที่กำลังขับรถอยู่ โดยมีดาวิเด้นั่งอยู่ข้างเขา ส่วนโมนิก้าและคาร่าก็นั่งที่เบาะหลัง เหมือนที่พวกเธอทำทุกวัน
โมนิก้ามองคาร่าด้วยสายตาสับสน
“ทำไม?” โมนิก้าถามคาร่าอย่างกล้าๆ กลัว ๆ
คาร่ายิ้มให้กับท่าทางของโมนิก้าที่ดูขยาดคริสเตียน
“ฉันต้องคุยกับเขา หลังจากไปส่งฉันเสร็จ ฉันจะบอกให้ดาวิเด้พาเธอกลับบ้าน เธอไม่ต้องอยู่กับฉัน” คาร่าบอกโมนิก้าให้สบายใจ
“ขอบคุณพระเจ้า” โมนิก้าถอนหายใจอย่างโล่งอก
ดาวิเด้จึงส่งข้อความหาฟรังโก้ทันที ว่าคาร่าต้องการคุยกับเจ้านาย และพวกเขากำลังจะพาเธอไปที่ The Red
……
ด้านคริสเตียน เขากำลังประชุมทางวิดีโอคอลกับหัวหน้ามาเฟียทั้งสิบเอ็ดอยู่ บนหน้าจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ ที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์ของคริสเตียน มีอีก 11 คนที่จ้องมองมาที่เขา
พวกเขาเป็นสิบสองคนในโลกมาเฟียที่คอยช่วยเหลือและสนับสนุนกันมาโดยตลอด ถ้าคนหนึ่งกำลังมีปัญหา คนอื่นๆ ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือ เหมือนเมื่อรวมกันเป็นหนึ่ง ก็เป็นมากกว่าขุมพลังอันยิ่งใหญ่ กว่าตอนที่ต้องอยู่คนเดียว
ดังนั้นสิบสองคนที่รวมกันจึงมีอำนาจมากขึ้น
“ตอนนี้มีข่าวว่าพวกรัสเซียเหล่านี้ เริ่มทำตัวมีปัญหามากเกินไปแล้ว” เชนบ่นออกมา
“ทำไม? คราวนี้พวกเขาทำอะไร” ไมเคิลถามขึ้น
“พวกเขากำลังใช้ท่าเรือแห่งหนึ่งของผม เพื่อจำหน่ายสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผม”
เชนตอบ คริสเตียนจึงเอ่ยขึ้นบ้าง หลังจากนั่งฟังมานาน
“คุณจับสินค้าของพวกเขาได้ไหม”
“ใช่ คนของผมจับได้มากกว่าหนึ่งลัง พอผมถามพวกเขา พวกเขาก็ดันไม่ให้ความร่วมมือ และปฏิเสธการมีส่วนร่วม... พวกเขาบอกว่าของที่ส่งมานั้นไม่ใช่ของของพวกเขา”
เชนพูดอย่างโกรธแค้น
คนอื่นๆ ทั้งหมดที่เงียบฟัง ก็คิดหาวิธีช่วยในการจัดการกับปัญหาเหล่านี้
“ตอนนี้ของอยู่ที่ไหน” คริสเตียนถามเชน
“อยู่ในโกดังแห่งหนึ่งของผม พวกเขาพยายามจะมาขโมยมันกลับคืนไป แต่คนของผมก็เฝ้าระวังอย่างดี พวกมันถึงไม่สามารถจะเอาของออกไปได้”
“มีอะไรอยู่ในพัสดุนั่น” อดัมถาม เชนจึงแจกแจง
“อาวุธ AK 47 ปืนกล กับปืนพก”
“ทำไมคุณถึงปกป้องสินค้าพวกนั้นไว้ ทำไมคุณไม่ขายของออกและทำกำไรล่ะ? วิธีนี้จะทำให้พวกเขาคิดได้ ถ้าจะใช้พอร์ตของคุณขนส่งสินค้าแล้วไม่จ่ายเงิน” คริสเตียนแนะนำ
“บ้าจริง ทำไมก่อนหน้านี้ผมถึงคิดไม่ได้กันนะ” เชนขมวดคิ้ว
“เพราะคุณกำลังยุ่งกับเด็กของคุณอยู่หรือเปล่า ถึงได้ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป” อเล็กถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“หุบปากน่ะอเล็ก มีผู้หญิงคนไหนบ้าง ที่จะมองมาที่พวกเราแล้วไม่กลัว” เชนพูดขึ้นก่อนจะสูดลมหายใจ
รอยยิ้มที่เลือนรางของคาร่า ก็แวบเข้ามาในความคิดของคริสเตียนทันที แต่เขายังคงเงียบเมื่อเชนและอเล็กยังพูดแหย่กันเล่นไปมา
ฟรังโก้ได้รับข้อความของดาวิเด้ แต่ตอนนี้เขาออกมาทำงานบางอย่างให้เจ้านายอยู่ และเขากำลังจะรีบกลับหลังจากเสร็จงานแล้ว เพื่อที่จะได้ไปรายงานเจ้านายว่าดาวิเด้กำลังจะพาคาร่ามาที่นี่
เขารู้ว่าตอนนี้เจ้านายกำลังประชุมกับทั้งสิบเอ็ดคนอยู่ ดังนั้นคริสเตียนจะไม่รับสายอื่นเด็ดขาด เขาเลยต้องขับรถให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่พอมาถึงก็สายเกินไป เขาเห็นคาร่าเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับกาสปาโรเสียแล้ว ส่วนดาวิเด้ก็กำลังขับรถพาโมนิก้ากลับบ้าน
คาร่าจำทางเดินไปยังห้องทำงานของคริสเตียนได้
“คุณรออยู่ที่นี่ก็ได้ เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปเอง” เธอบอกกับกาสปาโร
ในเวลานี้นอกจากพนักงานไม่กี่คน ในไนต์คลับก็ไม่ค่อยมีใคร เพราะยังไม่ถึงเวลาเข้างาน จึงค่อนข้างโล่งมากไม่เหมือนครั้งก่อนที่เธอมา
กาสปาโรพยักหน้าเป็นการรับทราบ ก่อนจะนั่งบนเก้าอี้หน้าบาร์ และปล่อยให้คาร่าขึ้นไปชั้นบนสุด ยังห้องทำงานของคริสเตียน
คริสเตียนฟังเชน ไมเคิล และอเล็ก โต้เถียงกันไปมาอย่างเงียบๆ เมื่อประตูห้องทำงานของเขาถูกเปิดเข้ามาโดยไม่มีการเคาะ คริสเตียนโกรธมาก เขากำลังจะหันไปด่าใส่คนที่เปิดประตูเข้ามา ทว่าคาร่าก็เดินมาถึงตัวเขาเสียก่อน เธอนั่งลงบนตักเขาอย่างที่ชอบทำเสมอเวลาที่อยู่ด้วยกันสองคน ก่อนซุกหน้าลงกับอกเขา โดยไม่ได้มองสิ่งอื่น จึงไม่รู้ว่าเขากำลังประชุมกันอยู่
“กระต่ายน้อย!” เขาพูดเรียกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน โดยลืมว่าตัวเองยังอยู่ในระหว่างการประชุมทางวิดีโอคอลอยู่
เขาโอบกอดเธอ พลางลูบหลังของเธอด้วยสายตาอ่อนโยนที่ทอดมองเธอ ทำให้หัวหน้ามาเฟียทั้ง 11 คนเงียบสนิท ต่างอ้าปากค้างด้วยอาการช็อก
ทุกคนตกอยู่ในอาการ Blank ชั่วขณะ เพราะไม่เคยเห็นคริสเตียนในภาพนี้มาก่อน เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนแบบออกหน้าออกตา เขาไม่เคยใจดีกับผู้หญิงคนไหนด้วย
ทุกคนกำลังคิดว่า ผู้หญิงที่นั่งตักคริสเตียนอยู่ตอนนี้เป็นใคร ทำไมถึงทำให้ราชาน้ำแข็งอย่างคริสเตียนหลอมละลายได้
ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นเปิดประตูเข้ามา ตอนที่เขายังติดประชุมแบบนี้ละก็... ต้องโดนลากไปตัดหัวสถานเดียว
ซึ่งพวกเขาทุกคนที่นี่เคยเห็นคริสเตียนฆ่าคนมานับไม่ถ้วน ถ้าเขาไม่โหดจริง เขาคงดูแลทุกคนไม่ได้
“ใครคือกระต่ายน้อย!” หนึ่งในนั้นถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“หุบปาก! … อย่าได้เรียกชื่อนั้นอีก แล้วฉันจะคุยกับพวกนายทีหลัง” คริสเตียนตัดการเชื่อมต่อไปทันที
แต่ทั้ง 11 คนต่างได้ยินเสียงที่คริสเตียนประกาศกร้าวออกมา เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ คริสเตียนมี ‘กระต่ายน้อย’ ซ่อนตัวอยู่ พวกเขาคิดแล้วเผยรอยยิ้มกว้าง
“ฉันขอโทษ ฉันมารบกวนคุณหรือเปล่า” เธอถามออกมาอู้อี้อยู่กับอกของเขา เพราะรู้สึกไม่ดีที่มารบกวนในเวลาที่เขากำลังทำงาน
“เปล่า ไม่มีอะไรสำคัญ” คริสเตียนโกหกให้เธอสบายใจ และคาร่าก็ดูเหมือนจะมีเรื่องที่กังวล จนคริสเตียนสังเกตเห็นได้
“กระต่ายน้อย!” เขาเอ่ยเรียก คาร่าก็บังคับให้ตัวเองฝืนยิ้มออกมา ทว่าคริสเตียนกลับดูออก เพราะดวงตาของเธอดูเศร้ามาก แถมลักยิ้มที่เขาชื่นชอบ ก็ซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง
‘ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ๆ’ เขาคิด
“ตอนนี้บอกฉันมาได้แล้ว ว่ามีอะไรเกิดอะไรขึ้นกับเธอ กระต่ายน้อย” เขาถามเธอย้ำอีกครั้ง