ในห้องนอนของคาร่า เธอกำลังเจ็บปวดมาก ซึ่งปกติคริสเตียนจะมองคนที่ทรมานด้วยความเจ็บปวดว่าเป็นเรื่องดี และหัวใจของเขาก็ไม่เคยตอบสนองต่อความเจ็บปวดของคนพวกนั้น
ทว่าตอนนี้ เมื่อเขามองดูใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเธอ เขากลับรู้สึกกระสับกระส่ายและวิตกกังวล
‘นรก! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่’ เขาคิดอย่างวุ่นวายใจ
‘ความรู้สึกและอารมณ์เป็นจุดอ่อนนะคริสเตียน’ คำพูดของแด๊ดดังขึ้นในหัวเขา ราวระฆังในโบสถ์
แด๊ดอาจจะโกรธเกรี้ยวอยู่ในหลุมฝังศพด้วยความไม่พอใจแน่ๆ ถ้าได้รับรู้ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ เพราะคริสเตียนคิดทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับคาร่า ซึ่งสวนทางกับสิ่งต้องห้ามที่แด๊ดเคยสอนเขาไว้ทั้งหมด
การกระทำและความรู้สึกเมื่ออยู่ต่อหน้าคาร่า เขามักจะทำมันออกไปโดยไม่รู้ตัว
‘กระต่ายน้อยไร้เดียงสา เกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่ ใครจะไปคิดว่าสิงโตจะอ่อนโยนต่อกระต่ายตัวน้อย โดยยอมให้มันกินอาหารของเขา’
ทันใดนั้นหมอก็เดินทางมาถึง หมอตรวจร่างกายของคาร่าและให้ยาแก้ปวดกับเธอเพื่อบรรเทาอาการปวดท้อง
“เธอไม่สามารถกินอาหารรสเผ็ดได้ แค่ให้เธอทานซุปอ่อนๆ ภายในเวลา 24 ชั่วโมง แล้วเธอก็จะอาการดีขึ้น”
หมออลันแนะนำ ซึ่งหมออลันเป็นหมอประจำของตระกูลฮิลล์ โดยหมออลันอายุ 42 ปีแล้ว และผมตรงกลางศีรษะก็บางลงจนเกือบจะล้าน และเขาก็กลัวคริสเตียนมากกว่าสิ่งใดในโลก เขาจึงต้องยอมติดตามคริสเตียนไปทุกที่ เวลาที่คริสเตียนต้องเดินทางไกล
หลังจากที่หมอจากไป คริสเตียนสังเกตเห็นว่าคาร่าไม่ได้ดูเจ็บปวดแบบเมื่อกี้อีกแล้ว เขาจึงโล่งใจมากขึ้น
“ทำไมเธอถึงกินมัน ในเมื่อเธอกินเผ็ดไม่ได้”
เขาอยากรู้ถึงเหตุผลจริงๆ ขณะที่คาร่าก็รู้สึกผิดที่ทำให้เขาต้องหนักใจ สีหน้าของเธอเลยดูเศร้าสร้อย
“กระต่ายน้อย” เขาเรียกอีกครั้งเพื่อเป็นการกระตุ้น
“ฉันไม่อยากให้คุณมองว่าฉันเป็นคนเรื่องมาก ฉันเลยกินมันเข้าไปโดยไม่บ่น เพราะคุณคือผู้มีพระคุณสำหรับฉัน” คาร่าพึมพำออกมาตามความจริง
ก่อนหน้านี้คริสเตียนคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย แต่สิ่งนี้ไม่ใช่หนึ่งในนั้น คนอื่นๆ มักจะทำสิ่งโง่ๆ ต่อหน้าเขา เพื่อสร้างความประทับใจต่อเขา แต่กระต่ายน้อยโง่ตัวนี้ ต้องทนทุกข์เพียงเพราะเธอต้องการจะแสดงให้เขาเห็นว่าเธอรู้สึกขอบคุณความช่วยเหลือจากเขา
ใจของเขาจึงอ่อนยวบ และมันทำให้เขารู้สึกอึดอัด เพราะไม่อยากจะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง
“อย่าทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้อีก” เขาดุเธออย่างเย็นชาและเดินออกจากห้องไปทันที
เขาลงบันไดมาที่ห้องทำงาน และเก็บเสื้อสูทที่เปื้อนโคลนตัวนั้นลงในถังขยะเปล่าใต้โต๊ะทำงาน
‘นายใจดีกับเธอมากเกินไป’ เขาตำหนิตัวเอง ก่อนจะออกจากคฤหาสน์เขาเดินไปหามาร์ค
“อย่าทำอาหารรสเผ็ดขึ้นโต๊ะอีก!” เขาออกคำสั่งกับมาร์ค ก่อนจะจากไปด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดี
ใช่แล้ว เขาไม่ใช่คนดี ไม่เคยเฉียดเข้าใกล้คำคำนี้เลยสักนิด
เขาได้รับการเลี้ยงดู ให้เดินตามเส้นทางที่แด๊ดของเขาปูไว้ให้ มันไม่เคยมีอะไรสะดุด ทุกอย่างถูกวางไว้ตามที่มันควรจะเป็น เพื่อให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นที่หนึ่ง
และการดำเนินธุรกิจของเขา มันก็มีทั้งผิดกฎหมายและผิดศีลธรรม เขาจึงต้องฆ่าและก็เคยข่มขู่ผู้คนมาแล้วมากมาย แต่เขาไม่ได้ตั้งใจ เพราะธุรกิจพวกนี้มีมาตั้งแต่ต้นตระกูลของเขา ที่จะต้องสืบทอดต่อๆ ไป
ทว่าเขาก็เปลี่ยนธุรกิจหลายๆ อย่างของเขาให้ถูกกฎหมายกว่า 75% แล้ว ที่ถือว่าขาวสะอาดและสามารถตรวจสอบได้
เขาถูกฝึกมาโดยตลอดว่าให้เย็นชา และต้องแยกตัวออกจากสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะจากอารมณ์ของผู้คน ซึ่งเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ร้องไห้ แม้แต่ตอนที่มัมของเขาเสียชีวิต
‘เกิดเป็นลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้!’ แด๊ดของคริสเตียนพูดเสียงแข็งเมื่อเห็นน้ำตาของเขาที่ไหลออกมา เขาจึงต้องรีบปาดมันทันที และยืนใกล้เตียงนอนของมัมแต่ในเวลานั้นไม่มีมัมของเขาอยู่อีกต่อไปแล้ว มันคือห้องนอนที่ว่างเปล่า
ตั้งแต่นั้นมาคริสเตียนก็ไม่เคยรู้สึกผูกพันทางอารมณ์ใดๆ กับใครเลย ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นคนหรือสิ่งของ ทว่าตั้งแต่เจอกับคาร่า เขาก็ค้นพบว่ามันยากมากที่จะรักษากฎของตัวเอง และห้ามตัวเองไม่ให้หันไปมองเธอไม่ได้ เธอทำให้คริสเตียนรู้สึกไม่สบายใจและกระวนกระวายใจ รู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองมันอ่อนไหว
...
“ต่อไป!” คริสเตียนตะคอก
และเอาลูกแอปเปิลไปวางบนหัวของฟรังโก้ ซึ่งเขาเพิ่งยิงลูกล่าสุดด้วยปืนของเขาไป มันจึงถูกแทนที่ด้วยแอปเปิลลูกใหม่ เขาเล็งและยิงลูกแอปเปิลอีกครั้ง และมักจะถูกแทนที่ด้วยลูกใหม่ๆ ทันทีเช่นเดิม
ฟรังโก้เหงื่อออกท่วมตัวด้วยหวาดกลัวกับอารมณ์ของคริสเตียน ทันทีที่พวกเขากลับมาจากคฤหาสน์ ฮิลล์ เจ้านายของเขาก็มักจะมีอารมณ์แปลก ๆ
บรรดาบอดี้การ์ดที่อยู่รอบๆ ก็กำลังพากันมองมาที่ฟรังโก้อย่างหวาดระแวง เพราะเกรงว่าเจ้านายจะยิงพวกเขา เพราะเจ้านายกำลังดูหงุดหงิดมาก
พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังยืนอยู่บนเข็มหมุดเล็มเล็กๆ ที่คอยทิ่มแทง
“นายไปนินทาอะไรฉันกับมาร์คฮะ?” คริสเตียนเอ่ยถามฟรังโก้
ฟรังโก้จึงหน้าซีดทันที
ฟรังโก้คงคิดว่าเขาไม่รู้อะไรเลย แต่เขาไม่ได้เป็นหัวหน้ามาเฟียที่ไร้ประสิทธิภาพแบบนั้น เขามีมันสมองและสติปัญญา พร้อมกับการคำนวณได้อย่างแม่นยำ
คริสเตียนไม่ได้ยินที่พวกนั้นคุยกัน เขาแค่เดาเอาเอง และสีหน้าของฟรังโก้ที่ซีดเผือด ก็เป็นการบ่งบอกว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไม่มีอะไรเลยครับเจ้านาย พวกผมก็แค่ถามข่าวคราวกันตามปกติ” ฟรังโก้ตอบตะกุกตะกัก
“แน่ใจนะ? รู้ใช่ไหมว่าฉันเกลียดคนโกหก!”
คราวนี้คริสเตียนหันกระสุนปืนเข้าไปใกล้หัวของฟรังโก้ ทำให้ฟรังโก้ต้องกระโดดหนีด้วยความตกใจ
“ขอโทษครับเจ้านาย อย่าฆ่าผมเลยนะครับ”
ฟรังโก้เริ่มอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร แต่เสียงของฟรังโก้ก็ไม่ใช่เสียงที่สมองของคริสเตียนจะสั่งให้ได้ยิน
‘ได้โปรด’ มันเป็นคำขอร้องของเธอ ที่นุ่มนวลและไร้เดียงสามาก ใจของเขาจึงปวดร้าว เมื่อได้เห็นสีหน้าของเธอในวันนี้
“บ้าเอ๊ย!!” คริสเตียนโยนปืนทิ้งแล้วเบือนหน้าหนี