ฉุกเฉิน 2

1951 Words
“ผมเห็นความเป็นความตายมาตั้งแต่เริ่มเป็นหมอ ไม่เคยเตรียมใจไว้เลยว่าตัวเองต้องมาเจอกับเหตุการณ์สูญเสียแบบนี้” เขาจับมือเย็นชื่ดของแฟนสาวบีบแน่น ยมบาลใจร้ายเกินไป พรากเธอไปจากเขาอย่างโหดร้าย อีกเพียงไม่กี่วันแท้ๆ ที่เธอกับเขาจะมีความสุขร่วมกัน ดูสิฟ้าช่างกลั่นแกล้งให้คนรักกันต้องแยกจาก “ผมทำดีที่สุดแล้ว” หมอนทีพลอยสะเทือนไปด้วย แม้ได้ทำหน้าอย่างสุดความสามารถ ครั้นพอเห็นความเสียใจหมอภาสกร ทำให้รู้สึกว่าตัวเองทำไม่เต็มที่ ตอนที่นมลมาถึงก็อาการหนักแล้ว “ผมไม่โทษหมอ ไม่โทษใคร ผมผิดดูแลมลไม่ดี” หมอภาสกรเฝ้าโทษตัวเอง อยู่ตลอดเวลา “มันเป็นอุบัติเหตุ อย่าโทษตัวเองสิครับ” ไม่มีใครคาดเดาได้ พวกเขาเห็นภาพการเจ็บ การตายแทบทุกวัน ช่วยได้ไม่ได้ทุกเคส “ถ้าผมไปกับเธอช่วยขับรถพาเธอไป เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้น” หมอกล่าวด้วยความอาลัย “เราคาดเดาไม่ได้หรอก คนเห็นเหตุการณ์บอกว่ารถที่ชนรถนมล พุ่งมาจากอีกฝั่ง” หมอนทีบอกเล่าเหตุการณ์จากที่ฟังมาจากกู้ภัย เขาไม่อยากโทษฟ้าโทษดินขอโทษตัวเองดีกว่า ปกป้องคนรักยังทำไม่ได้ พ่อแม่นมลสู้อุตส่าห์วางใจ ยกลูกสาวให้อยู่ในความดูแลของเขา แต่เขากลับทำสิ่งนั้นไม่ได้ “ผมขออยู่กับมลสักครู่นะครับ” หมอหนุ่มกล่าวทั้งน้ำตา นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต หมอภาสกรอยู่ในห้องกับคนรักเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ทันได้กล่าวลา ไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันก่อนนมลจากไปชั่วนิรันดร์ ไม่เลิกโทษตัวเอง ดึงเก้าอี้มาลงนั่งข้างเตียงที่มีร่างไร้ลมหายใจ กุมมือเย็นชืดไว้ ยกขึ้นแตะหน้าผากด้วยความสิ้นหวังเต็มไปด้วยความอาลัย “มล มล มลลูกแม่” นารีรัตน์ก้าวเข้ามาในห้อง คนเป็นแม่น้ำตาเปียกปอน ตั้งแต่รู้ข่าวเจ้าหน้าที่โทรไปแจ้ง นางเห็นหมอนั่งมองลูกสาวด้วยสายตาหม่นหมอง ปราดเข้าไปโอบกอดลูกสาว “มลตื่นสิลูกกลับบ้านเรานะ อย่านอนที่นี่เลยเตียงก็แคบ หนาวก็หนาว ไปนอนสบายๆ บ้านเรากันเถอะ ตื่นสิลูกตื่นขึ้นมาคุยกับแม่” นารีรัตน์โน้มกายโถม สวมกอดร่างไร้ลมหายใจของลูกสาวร่ำไห้ “หมอ” นาทีต่อมานารีรัตน์เงยหน้าขึ้น มองว่าที่ลูกเขย ไม่โทษเขาเข้าใจเรื่องอุบัติเหตุ ตนเคยเตือนลูกเรื่องขับรถ นมลมั่นใจไม่ค่อยเชื่อฟังสักเท่าไร “ฉันจะรับลูกกลับได้เมื่อไหร่คะ” “ยังครับ...” หมอนทีเอ่ยในฐานะแพทย์เจ้าของไข้ “ทำไมละคะ” สุไกรผู้เป็นพ่อสงสัย เช่นไรจึงรับศพลูกไปบำเพ็ญกุศลไม่ได้ ติดปัญหาอะไรอีก คนเสียใจไม่พอหรือ “คุณนมล ดุลยวัตร ได้บริจาคอวัยวะไว้ครับ” หมอนทีกล่าวพร้อมกับหยิบบัตรเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อกาวน์ “วะ...ว่าไงนะ ยายมลบริจาคอวัยวะไว้” นารีรัตน์ตกใจพอได้รับรู้เรื่องดังกล่าว “ครับ” หมอนทียืนยัน “ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน” หมอภาสกรแปลกใจไม่ต่างจากพ่อตาแม่ยาย คบหากับนมลสี่ปี ไม่เคยรู้เรื่องเลยเธอไม่เคยเล่าให้ฟัง นมลเป็นคนค่อนข้างโผงผาง ไม่ค่อยห่วงความรู้สึกคนรอบข้าง กลายเป็นว่าเธอได้ทำเรื่องดีเอาไว้ก่อนเสียชีวิต “อันนี้ฉันไม่รู้ ในกระเป๋าคุณมล มีบัตรผู้บริจาคอวัยวะอยู่ ทางเราติดต่อไปที่สภากาชาดแล้ว เธอบริจาคอวัยวะไว้จริงๆ” ทางเจ้าหน้าที่สภากาชาดยืนยันตามนั้นจริง ดังนั้นทางหมอและทีมต้องมีการผ่าพิสูจน์ ทางโรงพยาบาลจะต้องตรวจร่างกายนมลโดยละเอียดอีกที เพื่อตรวจสอบดูว่าอวัยวะส่วนใดยังใช้งานได้บ้าง จึงจะได้เข้าสู้ขั้นตอนทางการแพทย์ ต่อไป ในการนำอวัยวะไปบริจาคกับผู้ป่วยที่ต้องการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ “โธ่...มล ช่างมีใจกุศลจริงๆ เลยลูก” เรื่องการบริจาคอวัยวะของนมล ไม่มีใครทราบแต่ก็ร่วมดีใจกับกุศลครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องดีๆ “ลูกเสียไปเราก็เสียใจ ยายมลไม่ได้จากไปโดยเปล่าประโยชน์ เราต้องภูมิใจในตัวลูกนะคุณนา” สุไกรปลอบภรรยา เขาเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่ากัน “ฉันทำใจไม่ได้” น้ำเสียงนารีรัตน์สะอื้น แก้มหญิงชราอาบน้ำตาของความอาลัย อันมีต่อลูกสาวผู้ไร้ลมหายใจ นมลเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงรับผิดชอบกิจการครอบครัว ขยันขันแข็ง มาจากไปแบบนี้ยากจะทำใจยอมรับ กำลังจะมีความสุขกับหมอ แต่ต้องมาจากไปไม่มีวันกลับ บุญวาสนานมลคงมีเท่านี้ พ่อแม่ผู้หญิงหลายคนต่างหมายมาดอยากได้หมอภาสกรเป็นลูกเขยทั้งนั้น เพราะเขาสมบูรณ์พร้อมไปทุกอย่าง ดังนั้นวันที่นมลพาหมอภาสกรมาแนะนำต่อพ่อแม่ นารีรัตน์และสุไกร จึงเห็นชอบกับลูกสาว ไม่ขัดขวางความรักของลูกใดๆ พร้อมกับชื่นชนมที่ลูกช่างเลือกคู่ชีวิตได้ตาแหลม ทั้งรูปหล่อ นิสัยดี รวย อาชีพดี เป็นเกียรติเป็นศรี ซ้ำยังจิตใจงดงาม สุภาพอ่อนโยน ที่สำคัญเขาเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ อันส่งผลต่อแรงดึงดูดต่อผู้พบเห็น “ผมเข้าใจ” สุไกรไม่อยากแสดงความอ่อนแออีกคน ถ้าเขาอ่อนแอตามภรรยาใครจะเป็นฝ่ายช่วยจัดการภาระต่างๆ สองสามีภรรยาก้าวออกจากห้องหัวใจระบายไปด้วยความเศร้าแสนหดหู่ “ผมไปส่งนะครับ” หมอภาสกรบริการพ่อตาแม่ยายด้วยดีเสมอต้นเสมอปลาย “ขอบใจมากหมอไทม์” ว่าที่ลูกเขยขันอาสาไปส่งพ่อตาแม่ยาย “จบขั้นตอนของทางโรงพยาบาล สามารรถรับศพกลับไปบำเพ็ญพิธีได้ครับ” หมอหนุ่มบอกแก่พ่อแม่นมล “ฝากด้วยนะหมอ ช่วยเป็นธุระให้พ่อกับแม่ที” นารีรัตน์กุมมือหมอแน่น ฝากเป็นธุระเรื่องร่างกายของนมล ที่ได้ต่อชีวิตคนอื่นให้มีชีวิตต่อไป ประเสริฐแท้ลูกสาวฉัน หมอน้อมรับด้วยความรู้สึกหม่นหมอง นัยน์ตาสีเขียวและสีหน้าไม่หลงเหลือแววความสดใสอยู่เลย เขาส่งพ่อตาแม่ยายขึ้นรถ ค่อยย้อนกลับเข้าไปตัวอาคาร พบหมอนทียืนรออยู่ตรงเคาน์เตอร์ “ไปดื่มกันหน่อยไหมมีเคสตรวจคนไข้เปล่า” หมอนทีเอ่ยชวน เข้าใจว่าหมอไทม์เครียด เขาหวังดีต้องการให้หมอไทม์ผ่อนคลาย ผมว่าจะไปนั่งดูฟีล์มเอ็กซเรย์ซะหน่อย” ตอนนี้เขาแทบไม่มีอารมณ์วินิจฉัยโรคเลยด้วยซ้ำ หดหู่เกินกว่าจะคิดเรื่องงาน เพราะหน้าที่สำคัญกว่าอารมณ์ เขาจึงต้องซ่อนความสูญเสียไวในใจ “ผมอยากให้หมอไทม์ผ่อนคลาย คนเรามีย่อมช่วงเจอกับช่วงเวลาอ่อนแอ มีน้ำตาได้ อย่าทำตัวอบอุ่นเข้มแข็งตลอดเวลา” หมอนทีเกี่ยวคอหมอภาสกร ที่ตัวสูงกว่าเดินไปตรงส่วนห้องอาหารสวัสดิการสำหรับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยุรเวช “แม่ว่านังเมนีจะตายมั้ย” นิหน่าลูกสาวฤดี น้องสาวอรรณนพ เอ่ยถามแม่ด้วยเสียงเครียด สีหน้าแฝงความสะใจไว้อย่างเต็มเปี่ยม พอเอ่ยถึงจันทมณี ลูกของลุงผู้ถูกคนทั้งบ้านเอาใจ ดูท่าจะได้รับมรดกคนเดียวเต็มๆ “อาการหนักขนาดนั้น รอดก็บุญแล้วละ” ใช่ว่าฤดีไม่รักหลาน แต่เมื่อนึกถึงสมบัติมหาศาลพี่ชายดูแลอยู่ ฤดีจึงมีแต่ความคับแค้น อาจจะถูกยกให้หลานสาว พี่ชายยกกิจการให้จันทมณีดูแลนั่งตำแหน่งใหญ่ หล่อนเสียอีกไม่มีอำนาจบริหารใดๆ เลย “นิหน่าอยากให้มันตายค่ะแม่ ถ้ามันตายทุกอย่างจะต้องเป็นของเรา” นิหน่าพูดอย่างเกลียดชังลูกพี่ลูกน้อง ไม่มีมันสักคนพวกเธอก็จะสุขสบาย อยากได้ อยากใช้อะไรไม่ต้องเกรงใจ คนจะคอยขัดคอ “อย่าบอกนะนิหน่าจู่ๆ โรคหัวใจยายเมนีกำเริบ เป็นเพราะนิหน่า” ฤดีเห็นว่าหลายปีให้หลัง อาการจันทมณีทุเลาลงมาก อาการป่วยของหลานสาวตรวจเจอเมื่ออายุสิบห้า เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลดีที่สุด ทำเรื่องขอบริจาคอวัยวะไว้ ยังไม่เจออวัยวะที่เนื้อเยื่อเข้ากันดี จึงไม่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะที่มีปัญหา ทำให้ป่วยกระเสาะกระแสะเรื่อยมา อาการจันทมณีดีขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบเหมือนคนปกติ ไม่มีอาการโรคหัวใจปรากฏในหลายปี จู่ๆ อาการหัวใจวายเฉียบพลันเกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่มีใครทำให้เป็น “จะว่าใช่ก็ใช่นะแม่” นิหน่าเบะปากไม่แยแสอาการป่วยของลูกผู้พี่ “นิหน่าทำยังไง เล่าให้แม่ฟังหน่อยซิ” ฤดีตื่นเต้นที่ลูกวางแผนเขี่ยมารออกไปได้ อยากรู้ว่านิหน่าใช้วิธีไหน จัดการกับเรื่องนี้ “ได้สิคะแม่” นิหน่าเล่าวีรกรรมทำดีให้กับมารดาฟัง “ต๊าย !!!” ฤดียกมือตบอกพอฟังเรื่องราวที่ลูกเล่า “ลงทุนเอาตัวเข้าเสี่ยงมากขนาดนี้เชียวนิหน่า เก่งมากลูก” แทนที่จะเตือนลูก ว่ากล่าวให้ลูกรักษาเนื้อรักษาตัว กลับเห็นดีเห็นงามด้วย “ผู้ชายมันก็เห็นเซ็กซ์ดีกว่ารักทั้งนั้นละแม่” นิหน่าชอบภาคินแฟนพี่สาว แอบยั่วยวน ส่วนภาคินเก็บอาการเอาไว้ทำทีไม่สนใจนิหน่า แต่พอลับหลังก็แอบไปเล่นด้วย “ว่าแต่ลงทุนขนาดนั้น ได้อะไรติดไม้ติดมือไหม หรือได้แค่ความสนุกละลูก” ลงทุนมันต้องได้กำไรคืนมาหน่อย ไม่ใช่ให้เขากินฟรี แถมต้องไปเลี้ยงดูดูแลผู้ชาย “นิหน่าไม่หวังจากพี่คินค่ะ แต่หวังน้ำบ่อใหญ่ คิดดูสิแม่ถ้านังเมนี หัวใจวายตาย ไม่ใช่นิหน่าซะหน่อยที่ทำให้นังเมนีตาย เป็นพี่คินต่างหาก” นิหน่าลอยลม ภายใต้หน้ากากไฮโซ เบื้องหลังภาคินมีแต่เปลือก “แล้วแกล่ะ” ฤดีเป็นห่วงลูกถ้ามีการสืบสาว นิหน่าก็ต้องโดนด้วยสิ โทษฐานเป็นกิ๊กกับแฟนจันทมณี “โธ่แม่ นิหน่าก็บีบน้ำตาโดนพี่คินขืนใจ ล่อหลวงสิ้นเรื่อง” นิหน่าคิดในเรื่องที่คนดีๆ ไม่คิดได้เสมอ “อุ๊ย ! ฉลาดมากลูก” ฤดีดันเห็นดีกับนิหน่าเสียเฉยเลย หล่อนเลี้ยงลูกลูกพ่อแม่รังแกฉัน เห็นลูกทำไม่ดีแต่ไม่ตักเตือน กลับเห็นชอบในการทำสิ่งไม่ถูกต้อง ส่งเสริมกันในทางที่ผิด “ฉลาดเหมือนแม่ใช่มั้ยล๊า” นิหน่ากล่าวอย่ายโส โผเข้าสวมกอดแม่คนที่สั่งสอนให้เธอเกลียดลูกผู้พี่เข้าไส้ หาว่าจะมาแย่งทุกอย่างไป ถ้าจันทมณีได้มรดกส่วนใหญ่ไป สองแม่ลูกจะไม่เหลือสักแดง มีสิทธิ์แค่ซุกหัวนอนในบ้านหลังนี้เท่านั้นเอง สายตาฤดีกร้าวลึกมีแต่ความจิตใจคับแคบ ต่ำตมคิดแต่เรื่องสมบัติ ส่วนที่พี่ชายสร้างเพิ่มด้วย ในขณะที่นิหน่าไม่ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลบริหาร แต่จันทมณีได้ตำแหน่งใหญ่ในบริษัท แถมถือหุ้นใหญ่ในบริษัทอีกด้วย ส่วนหล่อนกับลูกได้แค่หุ้นไม่นิดเดียว เงินปันผลแต่ละปีน้อยนิดไม่พอใช้ หล่ออยากได้คอนโด รถให้กับผัวใหม่รุ่นลูก นี่ถ้าไม่เกรงจะไม่ได้เงินส่วนแบ่ง คงพาการินเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD