เอไลจาห์ Talk:
ความประทับใจในตัวเมดิลีน โลเปซ ตรึงอยู่ในความคิดผม เธอคือคนที่เราต้องการและตามหามานาน สาวแกร่งที่รู้จักจุดแข็งของตนเอง รู้วิธีการวางตัวขณะพูดคุยกับเราได้อย่างลื่นไหลเป็นธรรมชาติโดยไม่มีการพูดติดอ่างเลยสักนิด ที่สำคัญ… เธอสวยมาก!
ภาพถ่ายบน CV ของเธอว่าสวยแล้ว แต่ตัวจริงนั้นกลับงดงามกว่ามาก ด้วยหุ่นทรงนาฬิกาทรายที่อยู่ในชุดสุภาพเรียบร้อย ใบหน้าได้รูปนั้นปราศจากเครื่องสำอาง แต่ขนตายาวเป็นธรรมชาตินั้นทำให้เธอดูหวานน่ารักจนอดรู้สึกทึ่งไม่ได้ ยังไม่รวมจมูกโด่งเข้ารูป ริมฝีปากอิ่มเฉดสีชมพูธรรมชาติ และผมเผ้าที่ถูกมัดไว้เป็นดังโงะขนาดใหญ่ บ่งบอกว่าเธอมีผมที่ยาวมาก
“ถูกใจ!?” เสียงทุ้มลึกของโจนาธานทำลายความเงียบ
ผมหัวเราะก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหาคนรัก แล้วโน้มตัวลงไปจูบปลายจมูกเขาเบา ๆ ไม่ได้สนใจว่ามีผู้จัดการอีกสองคนอยู่ในห้องนี้ เพราะต้องการให้คนทั้งโลกรับรู้ว่าผมรักโจนาธานมากแค่ไหน
“ใช่!… แล้วคุณคิดว่าไง” ผมตอบตามความจริงและภาวนาให้เขาเห็นด้วย
โจนาธานส่งยิ้มนิด ๆ ที่มีความหมายสำหรับผมมาก เพราะเขาไม่เคยยิ้มแบบนี้ให้ใครนอกจากผม และรอยยิ้มนั้นบอกว่าเขาคิดเหมือนกัน
“ฮื้ม… ก็โอเค… เธอเป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่ตรงกับความต้องการของเราพอดี!” เขาพูดและดึงมือผมไปกุมไว้ ทันใดนั้นผู้จัดการคนหนึ่งก็กระแอมขึ้นมา เพื่อเตือนว่าพวกเขายังอยู่ตรงนี้ ผมเลยหัวเราะเบา ๆ และเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะประชุม
“เอ่อ โอเคครับท่าน ถ้าท่านเห็นด้วยผมจะรีบให้ทางแผนกจัดการทุกอย่างให้พร้อม และจะให้เธอเริ่มงานในอีกสองวัน ผมขอตัวก่อนนะครับ” ผู้จัดการพูดเสร็จก็รีบโค้งคำนับแล้วจัดเก็บเอกสาร
โจนาธานพยักหน้าและเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงออกไปจากห้องประชุม ผมจึงกล่าวขอบคุณผู้จัดการและรีบเดินตามคนรักไปติด ๆ ก่อนจะพบว่าเขายืนรออยู่ข้างนอก จากนั้นเราก็เดินไปยังลิฟต์ส่วนตัวด้วยกัน
ผมรู้สึกได้ว่าบางสิ่งที่อยู่ใต้กางเกงเริ่มแข็งขืนขึ้นมาอีกครั้ง ผมรักโจนาธานมากนะ แต่ก็รู้สึกอะไรบางอย่างกับเมดิลีนด้วย
ลองนึกภาพว่าตัวเองต้องทำงานใกล้ ๆ กับสามีที่หล่อเหลาเหมือนพระเจ้ากรีก และยังมีผู้ช่วยสาวสวยร้อนแรงอยู่ข้าง ๆ อีก
เมื่อเราเข้ามาในลิฟต์ส่วนตัว เขาก็ผลักผมเข้าหากำแพงและบดจูบลงมาทันที ผมเองก็ต้องการให้เขาทำแบบนี้เช่นกัน เหมือนเขาต้องการเตือนว่าผมเป็นของเขา เป็นเจ้าของร่างกาย หัวใจ รวมถึงจิตวิญญาณนี้ด้วย!
ผมคำรามลึกในลำคอ สัมผัสได้ว่าส่วนล่างของเขาแข็งขืนราวกับหิน ที่แข็งพอจะตัดผ่านเพชรได้เลย โจนาธานลากมือหนาลงไปถึงกึ่งกลางกายของผมและลูบไล้ ก่อนจะเลื่อนลงไปที่สะโพกและบีบนวดมันอย่างหนักหน่วง
ให้ตายสิ!… อยากให้เขากระแทกผมแรง ๆ จัง
“ใครทำให้คุณแข็งขนาดนี้ฮึ เด็กน้อยของผม!?” โจนาธานกระซิบชิดลำคอแล้วดูดแอ่งชีพจรของผม ริมฝีปากร้อนลากเลียไปทั่วอย่างซุกซน
“โจนาธาน คุณทำให้ผมแข็ง!” ผมตอบ
เขาหายใจหอบเบา ๆ ขณะที่เคล้นคลึงเป้ากางเกงผม
ติ๊ง!!
เสียงลิฟต์แจ้งเตือนว่าพวกเราขึ้นมาถึงชั้นบนสุดแล้ว
“โกหก!!” โจนาธานพูดพร้อมกับจัดเสื้อผ้าของเขาให้เรียบร้อย ก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออก จากนั้นก็จับมือผมแล้วตรงไปที่ห้องทำงานของเขาอย่างรวดเร็ว และเมื่อเราเดินผ่านโต๊ะทำงานของมิคาอิ เลขาฯ หนุ่มก็มองมาที่เราก่อนจะยกคิ้วขึ้นเพื่อรอผลการสัมภาษณ์
“เราตกลงจ้างเธอ!” โจนาธานแจ้งให้เขาทราบโดยไม่เหลียวมองผม
“ผมรู้ เพราะเธอตอบคำถามได้ดีมากใช่ไหมล่ะ เย่!” มิคาอิชนกำปั้นกับผม
หลังจากนั้นผมก็เดินตามโจนาธานเข้าไปในห้องทำงาน ทันทีที่ปิดประตูเขาก็ดึงผมเข้าไปกอดโดยไม่ได้กดล็อก ‘เขารออะไรอยู่ ทำไมไม่ล็อกประตูล่ะ’ ผมคิดด้วยความสงสัยแต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไป
โจนาธานดึงผมมานั่งลงบนตักที่โซฟาหนังขนาดใหญ่ เขาเป็นหมีเท็ดดีที่น่ารักของผมเสมอ ผมวาดแขนทั้งสองข้างโอบกอดรอบคอเขา ส่วนเขาก็ลูบไล้แผ่นหลังผมเป็นวงกลม ขณะที่มือข้างที่ว่างอยู่เชื่อมโยงกันบนตัก ผมมักรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กเวลาเขาทำแบบนี้
“ไม่รู้ว่าโรคกลัวผู้หญิงของผมจะทำให้เมดิลีนทำงานลำบากหรือเปล่า แม้ว่าเธอจะดูแข็งแกร่ง แต่ผมก็ยังอดกังวลใจไม่ได้” โจนาธานว่า
ผมรู้ว่ามันยากสำหรับเขา ที่ต้องมาทำงานร่วมกับผู้หญิงเป็นครั้งแรก
“มันจะโอเคน่าเบบี๋ เราจะกำหนดกฎเกณฑ์ขึ้นมา ว่าเธอต้องยืนห่างจากคุณอย่างน้อยห้าฟุต และผมจะอยู่กับคุณเสมอเวลาที่ต้องเจอเธอ ผมจะจัดการทุกอย่างเอง คุณไม่ต้องติดต่อกับเธอโดยตรง ไม่ต้องกังวลนะ ผมว่าเดี๋ยวเธอก็คงจะชินไปเอง!” ผมกดจูบลงที่คอของอีกฝ่าย ซึ่งเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ทำเพียงพยักหน้าเล็กน้อยและถูแผ่นหลังของผมต่อไป
“ว่าแต่ทำไมไม่ล็อกประตูล่ะ” ผมถามพลางมองหน้าเขาด้วยอารมณ์ที่ต้องการการปลดปล่อย
โจนาธานได้ยินดังนั้นจึงหัวเราะเยาะผม แล้วเอ่ยถามกลับด้วยรอยยิ้ม
“คุณคิดว่าตัวเองสมควรได้รับมันเหรอ”
ผมบดจูบริมฝีปากเขาทันที ก่อนจะเอ่ยตอบพร้อมหายใจหอบ
“ใช่ โจนาธาน ผมต้องการคุณตอนนี้!”
สิ้นคำพูดโจนาธานก็จูบซ้ำลงมา ก่อนจะปลดเข็มขัดของผมออก ให้ความแข็งชันดีดเด้งออกมาเป็นอิสระ จากนั้นเขาก็กอบกำมันไว้พร้อมขยับฝ่ามือขึ้น ๆ ลง ๆ
“ต… แต่ประตู?” ผมถามเสียงสั่น ทว่าเขากลับเงยหน้าขึ้นมามองและยิ่งเร่งความเร็ว
ผมกัดริมฝีปากล่างไว้เพื่อยับยั้งเสียงครวญคราง พลางมองดวงตาที่เต็มไปด้วยไฟเสน่หาซึ่งกำลังลุกไหม้อย่างดุดันและแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เขาร้อนแรงเช่นนี้เสมอมา
“คุณอยากถึงจุดสุดยอดไหม เด็กน้อยของผม!” เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
“ใช่ ผมอยาก ได้โปรด!” ผมขอร้องด้วยความทรมาน
โจนาธานเลียริมฝีปากล่างของผม ก่อนจะจับผมออกจากตักแล้วโยนลงบนโซฟา พร้อมกับรีบฝังตัวตนเข้ามาในตัวผมทันที
“อ๊า!… โจนาธาน!”
ผมครางด้วยความเสียวซ่านที่ห้ามไม่อยู่ พลางเอี้ยวตัวไปมองอีกฝ่ายให้เขาบดจูบลงมาอย่างหิวกระหาย
ด้านในของผมกำลังปั่นป่วนไปหมด ยิ่งเขาเร่งเคลื่อนสะโพกใส่ผมมากเท่าไรผมยิ่งต้องการเขามากเท่านั้น กระทั่งเขาปลดปล่อยน้ำขุ่นข้นออกมาแล้วก็ดันตัวผมขึ้น ก่อนจะใช้ริมฝีปากอ่อนนุ่มครอบครองความแข็งชันของผม
“ซี้ด โจนาธาน!”
โจนาธานดูดดึงเลียกินไม่หยุดจนผมปลดปล่อยใส่ปากเขาทุกหยาดหยด
“ฮื้มมม” เหมือนว่าเหงื่อผมจะออกมามากกว่าปกติ หลังจากที่เราร่วมรักกันอย่างเร่งรีบ
เขาลุกขึ้นเลียริมฝีปาก ก่อนจะลูบผมและดูแลความเรียบร้อยของชุดสูทตัวเอง จากนั้นก็หันกลับมามองผม
“ออกไปได้แล้ว ก่อนที่ผมจะเอากับคุณต่อ เดี๋ยวคุณจะเดินไม่ได้ไปอีกหลายวัน” โจนาธานพูดขู่แล้วเดินไปที่โต๊ะทำงานเพื่อรวบรวมเอกสารการประชุมกับทางฝ่ายผลิต
ผมนั่งลงบนโซฟาและหัวเราะออกมา อยากจะขัดคำสั่งของเขาอยู่หรอกถ้าเวลานี้เราไม่ยุ่งเรื่องงาน เพราะผมต้องการมันอีก!