เดี๋ยวแวะซื้อขนมที่เอไลจาห์ชอบไปให้สักหน่อยดีกว่า เขาชอบช็อกโกแลตและคุกกี้รสคาราเมลจากร้านนั้นมาก ทุกครั้งที่ผมบอกว่าจะซื้อไปฝาก เขาจะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ซึ่งมันมีความหมายกับผมมากจริง ๆ
เวลาผ่านพ้นไปจนกระทั่งแสงจากอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ผมกลับเข้ามาในรถอีกครั้ง ป่านนี้เอไลจาห์คงกลับบ้านแล้วละ คิดแล้วก็ขับรถตรงไปยังร้านขนมเจ้าประจำ พนักงานสาวยิ้มแย้มเมื่อเห็นผมและรู้ทันทีว่าผมต้องการอะไร ผมจึงยิ้มให้เธอเล็กน้อย แต่ไม่ได้ขยับตัวเข้าไปใกล้
โรคกลัวผู้หญิง (gynophobia) ของผมทำให้ไม่สามารถอยู่ใกล้ผู้หญิงได้ พวกเธอต้องยืนห่างจากผมออกไปประมาณสี่ฟุตเสมอ มันเป็นอะไรที่ทรมานจริง ๆ
ไม่นานพนักงานสาวก็นำถุงขนมมาให้และฝากสวัสดีเอไลจาห์ด้วย ผมเพียงแค่ยิ้มตอบและเดินออกจากร้านไป เมื่อมาถึงรถความคิดของผมก็พลันล่องลอยไปยังหญิงสาวที่กำลังจะมาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเรา ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าได้อยู่ใกล้เธอจะรู้สึกแบบไหน แต่คาดว่ามีเปอร์เซ็นต์จะข้ามผ่านปัญหานั้นไปได้
การจราจรในตอนเย็นทำให้รถเคลื่อนตัวได้ช้ากว่าปกติ ผมใช้เวลาถึงห้าสิบนาทีกว่าจะมาถึงคฤหาสน์ของเรา คฤหาสน์หลังนี้มีทั้งหมดยี่สิบสองห้องนอน ไม่รวมห้องอื่น ๆ อีกหลายสิบห้อง พร้อมโรงหนังส่วนตัวและสระว่ายน้ำในร่มขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีห้องบอลรูมอยู่ที่ชั้นใต้ดิน ซึ่งเอไลจาห์ชอบมันมากทีเดียว
ผมโบกมือให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้วขับรถเข้าไปในโรงจอด ไม่นานขณะที่ผมกำลังเดินขึ้นบันได เจ้าของบ้านอีกคนก็รู้ว่าผมกลับมาแล้ว เขารีบวิ่งลงบันไดมาอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนจะโถมตัวเข้ามาสวมกอดผมไว้อย่างแนบแน่น
“พระเจ้า!… เบบี๋ รู้ไหมว่าผมกังวลมากแค่ไหน ทำไมคุณไม่รับโทรศัพท์ อย่าทำอย่างนี้อีกนะเบบี๋” เอไลจาห์พูดด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย ผมจึงตบหลังเขาเบา ๆ ขณะที่มืออีกข้างกอดเขาไว้
“โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะที่รัก ตอนนี้ผมกลับมาบ้านแล้วไง” ผมโน้มลงไปจูบลำคอคนรัก ก่อนจะผละออกแล้วเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ให้ทายว่าผมมีอะไรมาฝาก”
“ซื้ออะไรมาเหรอเบบี๋” เอไลจาห์พยายามมองหาสิ่งที่ซ่อนไว้ แต่ผมเอนตัวหนีทัน เรายื้อยุดกันเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เริ่มโวยวายทำหน้ามุ่ยอย่างน่ารักที่สุด ผมหัวเราะแล้วดึงเขามาจูบ ก่อนจะเดินไปที่ห้องนั่งเล่นด้วยกัน
ผมบังคับให้เอไลจาห์นั่งลงบนโซฟาแล้ววางกล่องขนมลงบนตักเขา
“คุกกี้!” ไอไลจาห์พูดอย่างตื่นเต้นก่อนจะเปิดกล่องอย่างรวดเร็ว แล้วหยิบเอาคุกกี้สีน้ำตาลเข้าปาก พร้อมคร่ำครวญถึงความอร่อยของมัน
“ฮื้มมมมม เบบี๋… อร่อยมากกกกก! ว่าแต่ทำไมเบบี๋ถึงซื้อคุกกี้มาให้ผมล่ะ ผมคิดว่าคุณโกรธ...” เขาถามในขณะที่เคี้ยวคุกกี้ตุ้ย ๆ อยู่
ผมมองคนรักก่อนจะจูบจมูกเขาเบา ๆ แล้วนั่งลงบนโซฟาตรงหน้า
“ไม่ที่รัก ผมไม่ได้โกรธ… ไม่ได้โกรธเลยสักนิด!” ผมบอกขณะที่นวดหัวเข่าให้เขาไปด้วย
“จริงนะ? คุณไม่ได้โกรธเรื่องเมดิลีนเหรอ เห็นจู่ ๆ คุณก็ออกไปจากบริษัทแบบนั้น ผมกังวลแทบบ้าแน่ะ” เอไลจาห์พูดพลางเคี้ยวช้า ๆ
ความรู้สึกผิดทิ่มแทงใจผมทันที เพราะแบบนี้ถึงได้เอาขนมมาปลอบใจ “ขอโทษนะที่รักที่ทำให้คิดมาก ผมแค่ตกใจนิดหน่อยน่ะ แต่ผมรู้ดีว่าคุณจะไม่มีทางทำร้ายผมแน่ เมดิลีนก็เป็นคนที่น่าสนใจจริง ๆ เราน่าจะลองให้โอกาสเธอสักหน่อย คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก” ผมอธิบายก่อนจะหยิบกล่องขนมออกจากตักอีกฝ่ายแล้วดึงร่างสูงเข้ามาหา
เอไลจาห์นั่งคุกเข่าลง แล้วเราสองคนก็กอดกันอีกครั้ง
“เบบี๋ ผมขอโทษ! อย่างไรผมก็ผิดอยู่ดีที่ไม่ได้ปรึกษากันก่อน ผมไม่ควร...”
ผมจูบเขาทันทีเป็นการสั่งให้หยุดพูดอะไรที่ไม่เข้าท่าได้แล้ว “ทุกอย่างโอเคแล้ว ตอนนี้หุบปากแล้วจูบผมซะ!”
เขายิ้มก่อนจะสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากอย่างดูดดื่ม ผมครวญครางออกมาและรู้สึกได้ถึงความแข็งขืนที่ขดอยู่ภายใต้กางเกง
ผมวางมือลงบนส่วนอ่อนไหวของคนรัก รับรู้ได้ว่าเขาเองก็มีอารมณ์มากแค่ไหน เอไลจาห์คำรามออกมาด้วยเสียงลุ่มลึกขณะถอดเสื้อสูทออกจากไหล่ผม
จูบของเรารุนแรงขึ้นท่ามกลางเสียงครางกระเส่า และในไม่ช้าเราทั้งคู่ก็เปลือยกายอยู่บนโซฟา ผมฝังแกนกายที่แข็งแกร่งเข้าไปในตัวเขาอย่างช้า ๆ พลางลูบไล้ความแข็งชันของอีกฝ่าย ไม่นานเราก็ถึงจุดไคลแมกซ์ กล้ามเนื้อทุกส่วนเกร็งกระตุก ก่อนผมจะคุกเข่าลง แล้วจับความยาวของอีกฝ่ายเข้ามาในปากพร้อมดันมันลึกลงไปในลำคอ
เอไลจาห์กำผมของผมแน่น ขณะที่ผมดูดดึงมันเข้า ๆ ออก ๆ ส่งผลให้เขาครวญครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน และไม่นานเขาก็ปลดปล่อยครีมขาวข้นออกมา ผมกลืนกินมันทุกหยาดหยด ก่อนจะตวัดลิ้นเลียทำความสะอาด จากนั้นก็ยืดตัวขึ้นไปจูบเขา
“ผมรักคุณ” เขาพึมพำเบา ๆ พร้อมรอยยิ้ม
จากนั้นพวกเราก็ขึ้นไปอาบน้ำด้วยกัน ก่อนจะพากันเข้านอน ผมจูบเขาอีกครั้งก่อนจะผล็อยหลับไปอย่างอิ่มเอม
……