แปลงผักสวนครัวแปลงใหญ่หลายๆ แปลงที่ปลูกพืชอย่างหลากหลายดูละลานตาในความรู้สึกของบุลลา ถ้าไม่ติดตรงหน้าบึ้งตึงของคนที่เดินนำทางหล่อนมาที่นี่ อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนบวกกับความเขียวชอุ่มของต้นไม้ใบหญ้าคงน่าภิรมย์กว่านี้...
“คนที่ไร่นี้คงปลูกผักทานกันเอง ถึงว่าดูแข็งแรง ผักที่เอาไปทำอาหารก็ใหม่สดจริงๆ” หญิงสาวพึมพำ มองแปลงผักสลัดสีม่วงเล็กๆ ที่แซมอยู่กับแปลงสีเขียว รวมทั้งผักอื่นๆ คนงานในไร่สองสามคนอยู่อีกด้านของแปลงกำลังช่วยกันรดน้ำและถอนวัชพืชอย่าง ขะมักเขม้นแต่เช้า...
แม้จะก้มทำงาน แต่หลายๆ สายตาก็ทอดมองมาที่อยุทธ์และบุลลาอย่างสนอกสนใจ...
“นายอุ่น ขอบคุณที่พามาดูแปลงผักนะคะ ฉันว่าเราไปแปลงอื่นกันดีกว่า” หญิงสาวเอ่ยชวนคนที่ยืนนิ่งอยู่
“เรียกนายคำเดียวพอ”
“ค่ะ นาย” หญิงสาวเน้นคำ เจ้าของตาดุเขม้นมองหล่อนนานพิเศษเพราะรู้ดีว่าคนตัวเล็กจงใจประชดไม่ได้เรียกด้วยความเคารพเหมือนที่เขาสั่ง แต่จงใจจิกเรียกมากกว่า เขาเข้มงวดกับการเรียกขานชื่อของหล่อนมากนักก็เป็นเพราะว่าต้องการให้หล่อนอยู่ทัดเทียมฐานะกับคนงานคนอื่น เหมือนจะพยายามบอกว่าเขาเป็นนายของหล่อน ไม่ใช่สามี...
“วันนี้เธอไม่ได้ไปแปลงอื่น แต่หน้าที่ของเธออยู่ที่นี่”
“หน้าที่”
“ใช่หน้าที่ เธอคิดว่าฉันจะแต่งงานเอาเธอเข้ามากินนอน แล้วก็เที่ยวชมนกชมไม้งั้นเหรอ ใครทำแบบนั้นก็บ้าเต็มทนเพราะนอกจะไม่คุ้มค่าสินสอดแล้วยังสิ้นเปลืองเปล่าๆ”
“โอเคค่ะ โอเค ไม่ต้องลำเลิกอะไร นายจะให้ฉันทำอะไร ก็ว่ามา”
“ไปถอนหญ้าแล้วก็เก็บผักช่วยคนงาน...”
แม้จะอึ้งกับคำสั่งของเขา ปากที่อ้าค้างก็หุบฉับเพราะดวงตานิ่งๆ ที่มองอย่างหมิ่นแคลนทำให้หล่อนรู้สถานะของตัวเอง หล่อนก็ไม่ต่างจากเป็นลูกไก่ในกำมือเขา เขาจะบีบให้ตายเพราะว่าเกลียดก็ไม่แปลก...
คนร่างเล็กหันหลังให้เขาเดินตัวปลิวไปยังกลุ่มพนักงาน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าจะถามอะไรบางอย่างหล่อนหันไปพร้อมกับเอ่ยคำถาม
“ฉันต้องทำถึง... กี่โมง” คำพูดของหล่อนสะดุด เมื่อเห็นหลังของคนร่างสูงอยู่ไกลแล้ว
คนอะไรไวอย่างกับผี ขี้แกล้งอย่างกับปีศาจ แถมเย็นชาอย่างร้ายกาจไม่มีใครเกิน
“คุณอุ่นให้เอ็งมาช่วยทำงานนี่นะ” พนักงานที่นั่งถอนหญ้าที่ขึ้นแซมแย่งสารอาหารผักคะน้าในแปลงเงยหน้ามาถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหลังจากที่หญิงสาวเดินมาหาและแนะนำตัว
“ใช่จ้ะ... ฉันช่วยนะ” หญิงสาวนั่งลงและช่วยดึงหญ้า
“แปลกจริงๆ” คนงานหญิงอีกคนที่ตัวเล็กแต่ท้องนูนเด่นจนพอเดาได้ว่าเจ้าตัวกำลังตั้งครรภ์เอ่ยขึ้น....
“ฉันก็ว่าแปลก” อีกคนที่นั่งอยู่ด้วยกันสนับสนุน
“แปลกอะไรหรือจ๊ะ” ผู้มาใหม่เกิดคำถามทั้งสีหน้าและคำพูด
“ก็นายไม่เคยให้ผู้หญิงของนายลงมาทำงานคลุกคลีในไร่สักคน มาทีก็เอาแต่นั่งในห้องแอร์คอยออเซาะนาย แต่งตัวสวยไปวันๆ”
“เขาเคยพามาหลายคนหรือจ๊ะ” บุลลาหูผึ่ง รีบถาม
“ก็เคยเจอสองสามคน... แต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้น แต่งตัวโป๊ๆ วับๆ แวมๆ พวกคนงานนี่มองกันตากลับ”
“อ้อ...” หญิงสาวพยักหน้ารับ กำลังเก็บข้อมูลในใจ เขาไม่น่าจะธรรมดา ไม่รู้ว่าชีวิตหลังจากนี้ของหล่อนจะลำบากมากแค่ไหน คงชุลมุนวุ่นวายไปหมดทุกเรื่องแน่ๆ
ยอมรับในชะตากรรมไม่ปริปากและก้มหน้าก้มตาทำงาน
“แล้วนั่นจะดึงหญ้ามือเปล่าได้ไง เดี๋ยวมือสวยๆ ก็พังหมดหรอก เอานี่ไปฉันเพิ่งซื้อมาเก็บไว้พอดี” ถุงมือคู่ใหม่เอี่ยมยังไม่แกะจากซองถูกยืนให้หญิงสาวส่งๆ
“ขอบคุณจ้ะ” สวมถุงมือขนาดใหญ่กว่ามือเล็กพลางมองคนที่มอบให้ส่งๆ ด้วยสายตาขอบคุณ บุลลาได้เรียนรู้ด้วยตัวเองว่าคนต่างจังหวัดนั้นแม้พูดกระโชกโฮกฮากไม่อ่อนหวานแต่ก็จริงใจจนซึ้งในว่าในวันที่อะไรมันก็ย่ำแย่ ยังพอมีเรื่องดีบ้าง “ แล้วว่าแต่พี่ๆ ทำอยู่แปลงนี้กันทุกวันเลยหรือ”
“ใช่ ผักแปลงนี้นายริเริ่มให้ปลูกจะได้กินผักปลอดสารพิษไม่ต้องไปซื้อที่ตลาด ผักเลี้ยงคนงานทั้งไร่เหลือก็ขายบ้างให้เป็นอาหารบ้าง นายบอกว่า คนงานผู้หญิงที่ป่วย มีโรคประจำตัว ท้อง แก่ ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง ก็มาช่วยกันทำแปลงผัก เพราะงานในไร่กาแฟต้องไปไกลจากที่พักแล้วก็หนักกว่าด้วย”
อ้อ... ก็ยังดีที่ให้มาทำงานเบาๆ กับคนงานผู้หญิงเหล่านี้ก่อน... เขาคงคิดว่าคนเมืองอย่างหล่อนไม่สู้งาน ตากแดดวันเดียวก็จะร้องไห้กลับบ้าน ถึงได้แกล้งให้มาทำงานทั้งที่ไม่จำเป็น
ถ้าอยุทธ์คิดว่าหล่อนจะทนทำงานแค่นี้ไม่ได้ เขาก็รู้จักบุลลาน้อยไปซะแล้ว