แม้จะอดนอนจนดวงตาอิดโรยแต่จับแต่งองค์ทรงเครื่องสวมชุดไทยแบบผ้าซิ่นห่มสไบก็พร้อมเป็นเจ้าสาวได้แล้ว ขบวนขันหมากแห่มาถึงหล่อนจึงได้เห็นหน้าเจ้าบ่าวครั้งแรก เขาดูดีกว่าที่คิดไว้มาก มากจนคาดไม่ถึงเชียวล่ะ
วงหน้าหล่อคมของเขาเคร่งขรึมจนหนาววาบยามเผลอสบตาคมปลาบนั่นเข้า... ผิวขาวจัดของเขาต่างจากที่จินตนาการไว้ว่าเขาต้องผิวเข้มเพราะทำไร่ทำสวน
เรือนร่างเขาสูงใหญ่ท่วมหัวหล่อนเยอะพอสมควรจึงดูเทอะทะนักเมื่อยามที่ต้องนั่งพับเพียบเข้าพิธีหมั้น หล่อนไม่กล้าสบตามองเขาอีกสักนิดเดียวจากนั้น สายตาจดอยู่แค่บ่ากว้างและแผงอกของเขาเท่านั้นจนพิธีรีตองเท่าที่ใจผู้ใหญ่ปรารถนาจบลง ลุงอินทร์ที่หน้าตาแจ่มใสกว่าลูกชายหลายเท่าเอ่ยบอก
“เหลือแค่ขั้นตอนสุดท้าย ส่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ... รีบๆ เถอะ เดี๋ยวเสียฤกษ์”
“พ่อครับ” เป็นครั้งแรกที่บุลลาได้ยินเสียงทุ้มกังวานของเขา เสียงนั้นเหมือนจะเรียกบิดาอย่างห้ามปราม
“แต่งงานกันก็ต้องเข้าหอตามพิธีให้อยู่เย็นเป็นสุข รีบเข้าเถอะ เดี๋ยวบ่ายๆ เราต้องกลับไร่กันแล้ว”
เหมือนการกลับจะเป็นดั่งประกาศิตสั่งให้เขาทำตามอย่างว่าง่าย หล่อนกังวลเรื่องการเข้าหอและมองมารดาตาละห้อย
“เดี๋ยวค่อยคุยกันนะลูก” มารดากระซิบบอกเพียงเท่านั้น บุลลาจึงจำใจเดินลากขาเข้าไปห้องหอที่หล่อนจัดทำความสะอาดและจัดที่นอนหมอนมุ้งเองกับมือ...
มาถึงขั้นนี้แล้วหล่อนกับเขาก็สถานะไม่ต่างกันผู้ใหญ่บอกอย่างไรจัดแจงอย่างไร ก็ต้องทำตามอย่างนั้น...
ณ วินาทีที่นอนเคียงร่างสูงอยู่บนเตรียมที่โรยกลีบกุหลาบหอมกรุ่น บุลลาอยากหลับตาลงไปแล้วคิดว่าทุกอย่างคือความฝัน... หรืออีกที หลับไปแล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมาเลยก็ดี
“นี่เธอ...หลับจริงหรือไง” ปลายนิ้วของอยุทธ์สะกิดที่ไหล่หล่อนทำให้คนที่เผลอวูบหลับเพราะความเหนื่อยอ่อนสะดุ้งและลุกขึ้นมาขยี้ตา มองสบนัยน์ตาแข็งกร้าวของเขาแล้วก็ตัวอ่อนเกือบทรงตัวไม่อยู่โดยไม่มีเหตุผล ผู้ใหญ่ปล่อยหล่อนกับเขาทิ้งไว้สั่งให้อยู่ก่อนสักครู่ แล้วค่อยตามออกไปหารือกันด้านนอก แต่หล่อนเผลอหลับทันทีที่หัวถึงหมอน เขายืนกอดอกมองอยู่
น่าอายจริงๆ
“ขอโทษค่ะ”
เสียงพูดอุบอิบและอาการหาวหวอดของหล่อนทำให้รอยยิ้มเยาะผุดบนใบหน้าเขา
“แค่นี้ก็เหนื่อย พ่อแม่เธอยังคิดจะส่งไปเป็นเมียชาวไร่ชาวสวน จะรอดหรือยังไงกัน” พูดสบประมาทจนคนที่ไม่คิดว่าเขาจะตั้งตัวเป็นอริด้วยอึ้งงัน เขาหันหลังให้และเดินออกไปก่อนโดยไม่แยแสอะไร...
บุลลาเดินตามออกมาแล้วถึงได้รู้ว่าผู้ใหญ่คุยกันแล้วว่าทางฝ่ายเจ้าบ่าวตกลงกันแล้วว่าจะให้หล่อนลาออกจากงานในสิ้นเดือนนี้แล้วอยุทธ์จะเป็นฝ่ายมารับ
หญิงสาวนิ่งไม่ปริปากเห็นด้วยหรือว่าคัดค้าน อยุทธ์เองก็เช่นกัน ก่อนจะแยกตัวไปผู้ใหญ่ได้สั่งให้เขากับหล่อนแลกนามบัตรกันเอาไว้
“เด็กๆ สมัยนี้เขาไม่ต้องโทรหากันแค่มีเบอร์กันเขาก็คุยกันได้” ลุงอินทร์ผู้เป็นคนสั่งการเอ่ยบอกยิ้มๆ ...
มันก็จริงอย่างที่ท่านว่าแต่แม้จะมีหมายเลขโทรศัพท์และไอดีของโซเชียลออนไลน์ของกันและกัน แต่เขากับหล่อนก็ไม่เคยคุยกันแม้แต่คำเดียว...
จนตอนนี้บุลลาก็ยังคิดไม่ออกว่าจะร่วมหอลงโรงกับเขายังไงกัน
..............