แต่พอเปิดประตูห้องน้ำดู เสียงฝักบัวก็เงียบไป พื้นห้องน้ำแห้งสนิท ไม่มีแม้แต่หยดน้ำสักหยดบนพื้นกระเบื้อง อ่างล้างหน้าก็แห้งสนิท
"ฮืออ มันต้องเป็นผีแน่เลยค่ะ" ปภากรเสียงสั่นสะท้าน หน้าตามีแววหวาดกลัวจนน้ำตาพานจะไหลออกมา
"ไม่เป็นไร ใจเย็นนะ มันแค่เสียงเอง" ชินวุธตบบ่าคนกลัวผีเบา ๆ แล้วเดินกลับไปที่เตียง
"ว้าย!" ปภากรกระโดดไปเกาะแขนชินวุธทันทีเมื่อเห็นเงาอะไรบางอย่างผ่านกระจกโต๊ะเครื่องแป้งหน้าห้องน้ำ
"คุณชิน! ในกระจกนั่น ในกระจก" ปภากรเขย่าแขนชินวุธอย่างแรง ตัวสั่นสะท้านหวาดกลัวจนหน้าซีด
"ในกระจกเหรอ" ชินวุธหันไปมองกระจกโต๊ะเครื่องแป้งที่สะท้อนภาพของตัวเขาเอง แค่พริบตามันก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดของผู้หญิง ดวงตาแดงก่ำดำคล้ำ ผมสีดำกระเซิงยาวสยายระลงมาคลุมสองแก้ม ปากแสยะยิ้มฉีกจนกว้าง แล้วเลือดสีดำก็ไหลออกมาจากปาก
"กรี๊ดดด!" ปภากรปิดหน้ากรีดร้องออกมาด้วยความกลัวจนตัวสั่น แข้งขาอ่อนหมดแรงทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นห้อง ใจหวิวหวั่นไหวคล้ายจะเป็นลม หูอื้ออึงด้วยความหวาดกลัว สติจะหลุดเสียให้ได้
"เปา แข็งใจไว้" ชินวุธกระตุกแขนพนักงานสาวสองแรง ๆ ให้ได้สติ
"คุณชิน" ปภากรเสียงอ่อนระโหยโรยแรงประคองสติแทบไม่ได้ ภาพที่เห็นมันน่ากลัวมากสำหรับเธอ
ชินวุธเห็นสภาพพนักงานของตัวเองแล้วรู้สึกยัวะขึ้นมา เขาหันไปหาภาพผีในกระจกแล้วหรี่ตามองแบบหาเรื่อง
"แน่จริงมึงออกมาสิ อย่าเอาแต่แกล้งพนักงานกู หรือมีปัญญาทำแค่ให้เห็นภาพวะ นังผีขี้เหร่ หน้าตาอุบาทว์ไม่พอ สันดานยังเสียด้วย"
"กรี๊ดดด!" เสียงกรีดร้องด้วยความโกรธดังออกมาจากกระจกจนมันแตกเพล้ง เศษกระจกกระจายเกลื่อนโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้าเปิดแล้วปิดกระแทกอย่างแรง มันโยกเอนเหมือนจะล้มลงมา ผนังห้องกับเพดานเหมือนถูกกำปั้นที่มองไม่เห็นทุบด้วยความโกรธ ผ้าม่านหน้าต่างปลิวสะบัดราวกับมีพายุกรรโชก เตียงเขย่าโยกไหวราวกับจะพัง ข้าวของปลิวว่อนเหมือนมีทอร์นาโดลูกใหญ่อยู่ในห้อง
"ระวัง!" ชินวุธยกมือกันขวดน้ำที่ปลิวใส่ แล้วกดหัวปภากรลงให้พ้นแก้วที่ปลิวมา
เสียงโครมครามดังไปทั่วห้องผสานเสียงกรีดร้องและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ข้าวของตกแตกกระจัดกระจาย แม้แต่ทีวีสี่สิบนิ้วก็ล้มลงมากระแทกพื้นจนหน้าจอแตก
"คุณชิน หนีกันเถอะค่ะ เปาไม่ไหวแล้ว" ปภากรบอกด้วยน้ำตานองสองแก้มที่ขาวซีดด้วยความหวาดกลัว เนื้อตัวอ่อนแรงแทบจะขยับไม่ได้
"ลุกไหวหรือเปล่า แข็งใจไว้" ชินวุธดึงแขนปภากรขึ้นพาดบ่า พยุงให้ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตูห้อง แต่พอกำลังจะจับลูกบิดประตูก็มีอะไรบางอย่างกระแทกอย่างแรงแล้วลูกบิดประตูก็ล็อกดังกริ๊ก เขาจับลูกบิดหมุนแต่มันไม่ยอมปลดล็อกให้
"เวรเอ๊ย" ชินวุธสบถออกมาอย่างหัวเสีย ไม่ว่าจะจับลูกบิดหมุนและกระแทกยังไงมันก็ไม่ยอมปลดล็อกให้
"ฮืออ มันขังเราไว้ในนี้ เราตายแน่" ปภากรร้องไห้ออกมาอย่างใจเสีย จิตใจที่หวาดกลัวอยู่แล้วยิ่งตื่นตระหนกจนเป็นลมทรุดลงกับพื้นห้อง
ชินวุธลากแขนพนักงานสาวที่เป็นลมตัวอ่อนระทวยกลับไปกลางห้องที่ดูแล้วน่าจะปลอดภัยที่สุด เขามองอะไรบางอย่างที่กระแทกโครมครามทั่วห้องด้วยความระวัง
"ชิ! ฤทธิ์มากจริงนะมึง" ชินวุธสบถเบา ๆ ด้วยความหงุดหงิด เขาเสียเปรียบที่มองไม่เห็นตัวมัน แล้วยังมีปภากรที่เป็นลมอีกคน ห้องก็ถูกล็อกจนออกไปไม่ได้ แล้วจะทำยังไงดีนะ
ขณะที่กำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงต่อไปดี ชินวุธก็ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาข้างหู
"เล่นกันสนุกเชียวนะ"
"อินทรา คุณมาแล้วเหรอ" ชินวุธถามออกมาด้วยความดีใจ
"มาสักพักแล้วล่ะ แต่รอดูว่าคุณจะทำยังไงต่อที่ไปด่ามันจนมันโกรธแล้วอาละวาดใส่"
เสียงหัวเราะแผ่วเบาทำชินวุธยัวะขึ้นมา เขาจึงหันไปต่อว่าด้วยความเคือง
"ก็แล้วทำไมไม่ออกมาช่วยผมตั้งแต่แรกล่ะ ปล่อยให้พนักงานผมกลัวจนเป็นลมไปแล้วเนี่ย"
"เป็นลมก็ดีแล้ว จะได้ไม่เห็นอะไรที่น่ากลัวกว่านี้" อินทราว่าแล้วปรากฏตัวออกมาพร้อมหอกเพลิงในมือ เขากระแทกด้ามหอกลงบนพื้นห้องอย่างแรง แล้วเสียงโครมครามที่กำลังอาละวาดอยู่ในห้องก็เงียบกริบทันที ห้องกลับสู่สภาพเดิมเหมือนกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน
"ออกมาเดี๋ยวนี้!"
สิ้นคำสั่งของอินทรา ผีหญิงสาวร่างกายโชกเลือดสามตนก็หมอบอยู่แทบเท้ายมทูต
"สามตัวเลยเหรอ มาจากไหนเยอะแยะเนี่ย ที่เห็นในกระจกมีตัวเดียวเองนี่" ชินวุธมองร่างโชกเลือดเละเทะเน่าเหม็นแล้วขยับถอยออกห่าง ไม่ได้กลัวนะ แต่สะอิดสะเอียนพะอืดพะอมจนมวนท้อง
"ผีผู้หญิงตนนั้นถูกฆ่าทิ้งในห้องน้ำ ตนนั้นถูกฆ่าแล้วยัดศพไว้ใต้เตียง อีกตนถูกฆ่าแล้วยัดศพใส่ตู้เสื้อผ้าน่ะ" ธนินทร์บอกด้วยเสียงแผ่วเบาแล้วปรากฏกายออกมา
"โดนฆ่าพร้อมกันเหรอครับ" ชินวุธถามด้วยความแปลกใจแล้วนึกถึงข่าวฆาตกรรมหญิงสาวในโรงแรมที่จังหวัดนี้ แต่นึกไม่ออก
"เปล่า คนละวาระ คนละเวลา แต่เพราะความอาฆาตแค้นของผีตนแรกทำให้เกิดการฆ่ากันในที่แห่งนี้เพิ่มขึ้น แล้วพวกมันก็ชอบออกมาแกล้งหลอกหลอนมนุษย์แบบนี้แหละ" ธนินทร์อธิบาย
ชินวุธพยักหน้าหงึกหงักแล้วมองผีทั้งสามตนที่หมอบบนพื้นพลางละล่ำละลักขอโทษและขอละเว้นโทษของพวกมันจากยมทูตที่ยืนถือหอกเพลิงค้ำหัวพวกมันอยู่
"พวกเอ็งก่อกรรมทำเข็ญมามาก ถูกฆ่าตายแล้วแทนที่จะปลงกับชีวิตและรอยมทูตมารับเมื่อถึงเวลาสมควร แต่พวกเอ็งกลับคิดอาฆาตแค้นมนุษย์ที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรและดลใจให้ผู้ชายฆ่าผู้หญิงที่มาด้วยกันเพิ่มความแค้นให้ฝังรากลึก พวกเอ็งต้องโดนลงโทษหนัก ข้าจะพาพวกเอ็งลงนรกเดี๋ยวนี้ล่ะ" อินทราว่าแล้วขว้างอะไรบางอย่างใส่ผีสามตนนั้น แล้วพวกมันก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส
ชินวุธมองเห็นเชือกสีแดงเส้นเล็กที่มีเปลวเพลิงลามเลียไหวระริกตามเส้นเชือกสามเส้น ปลายด้านหนึ่งคล้องอยู่ที่คอผีทั้งสามตน ส่วนปลายอีกด้านอยู่ในมืออินทรา ยมทูตกระตุกเชือกอย่างแรง ผีทั้งสามตนนั้นก็ปลิวตามแรงกระตุก แล้วทั้งหมดก็หายวับไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวน
"อูยย รุนแรงจัง" ชินวุธทำหน้าแขยง เขาเพิ่งเคยเห็นอินทราทำตัวน่ากลัวสมกับเป็นยมทูตก็ครั้งนี้แหละ ทั้งคำพูด ทั้งท่าทาง น่าเกรงขามจนเขาไม่กล้าล้อเล่นด้วย
"กับผีชั้นต่ำก็ต้องรุนแรงแบบนี้แหละ" ธนินทร์บอกด้วยความไม่ใส่ใจ
"แล้วอย่างพวกสัมภเวสีอะไรนั่นล่ะครับ ไม่ได้พาลงนรกเหรอ"
"พวกสัมภเวสีมันชั้นต่ำกว่าผีพวกนี้อีกนะ กำจัดทิ้งไปเลยง่ายกว่า"
"งั้นเหรอครับ แล้ว..."
ยังไม่ทันที่ชินวุธจะถามอะไรต่อก็มีเสียงทุบประตูจากข้างนอกห้องและเสียงตะโกนเรียกชื่อเขากับปภากรดังเข้ามา
"คุณชินครับ เป็นอะไรหรือเปล่า"
"คุณชิน ไอ้เปา ใครก็ได้ ตอบหน่อย"
ชินวุธละความสนใจจากเรื่องที่อยากถามแล้วรีบไปที่ประตูห้อง เขาจับลูกบิดประตูหมุนแล้วมันก็ปลดล็อกให้ พอเปิดประตูออกดูก็เห็นนพดล ณัฐพงศ์กับโยธินยืนอยู่หน้าประตู สาว ๆ อีกสามคนยืนเกาะกันด้วยสีหน้าตื่นอยู่ข้างหลังพวกผู้ชาย
"คุณชิน เกิดอะไรขึ้นครับ ผมได้ยินเสียงดังจากห้องคุณ แล้วเปาล่ะครับ" นพดลรีบถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงกังวล
"ก็..."
"ตอบดี ๆ นะชินวุธ" ธนินทร์บอกด้วยเสียงกลั้วหัวเราะข้างหู
"คือ..."