ยมทูตสุดเกรียน (1)

1687 Words
เมื่อถึงวันพระที่ต้องไปทำบุญถวายสังฆทานตามสัญญากับไตรภพ ชินวุธก็รู้สึกหวั่นใจไม่น้อยเมื่อนึกถึงวันพระครั้งก่อนที่ทำเขาเกือบตายมาแล้ว โชคดีที่ธนินทร์ปัดเหล็กเส้นนั้นให้พ้นไปจากตัวเขาทัน ไม่งั้นเขาตายแน่ ยังมีเงาดำที่ตามเขาไปถึงอพาร์ตเมนต์แล้วอินทรากับเทพอนูบิสเป็นคนกำจัดมันให้ แล้วครั้งนี้ล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นอีกหรือเปล่า "ชินวุธ ไปทำบุญกัน ก่อนไปทำงาน" อินทราบอกด้วยเสียงห้วนเมื่อเจอหน้ามนุษย์สุดมึนที่เดินลงมาจากชั้นบน "อะไร คุณจะไปกับผมเหรอ" ชินวุธเลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจ "ใช่ ผมจะไปกับคุณ จะอยู่กับคุณทั้งวันจนกลับมาที่นี่เลยล่ะ" อินทราบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ทำไมอยากไปกับผมล่ะ" ชินวุธถามด้วยความไม่เข้าใจ ปกติอินทราไม่ชอบหน้าเขาและมักจะพูดจาหาเรื่องประจำ ทำไมวันนี้ถึงอยากจะออกไปด้วยล่ะ "ผมไม่ได้อยากไปกับคุณ แต่ผมทำตามคำสั่งท่านไตรภพที่ให้ปกป้องคุณจากพวกสัมภเวสี ไม่งั้นมนุษย์ที่อ่อนแอและชอบหาเรื่องใส่ตัวเองอย่างคุณไม่รอดกลับมาที่นี่แน่" อินทราบอกด้วยรอยยิ้มเยาะ "ผมขอเปลี่ยนตัวช่วย ขอเป็นธนินทร์แทน" ชินวุธตอบกลับด้วยความยัวะที่โดนดูถูก แม้ว่ามันจะเป็นความจริงก็เถอะ "ธนินทร์ไม่อยู่ ไปรับวิญญาณที่อื่น อีกนานกว่าจะกลับมา" "ก็ได้ คุณไปกับผมก็ได้" ชินวุธถอนหายใจด้วยความจำยอม เขาไม่ได้อยากมีเรื่องกับอินทรานัก เพราะยังไงอินทราก็คอยปกป้องเขามาตลอดแม้คำพูดจาจะร้ายกาจและหาเรื่องทุกครั้งที่เจอหน้าก็ตาม ชินวุธเดินออกจากอพาร์ตเมนต์ไปที่ลานจอดรถโดยมียมทูตหน้านิ่งเดินตามมา แต่พอเขาเปิดประตูขึ้นไปนั่งตำแหน่งคนขับ อินทราก็เปิดประตูขึ้นมานั่งข้างคนขับ แม้จะอยากถามมากว่าคิดยังไงถึงมานั่งในรถกับเขา แต่ก็ไม่อยากจะถามให้อินทราหงุดหงิดแล้วหันมาด่าเอา เขาจึงขับรถออกจากอพาร์ตเมนต์แล้วแอบชำเลืองมองคนนั่งข้างกันที่มองออกไปนอกหน้าต่างรถด้วยท่าทีเรียบนิ่ง แต่ครั้งก่อนธนินทร์ก็อาจจะตามเขาไปแบบนี้ก็ได้ เพียงแต่เขามองไม่เห็นตัวเท่านั้น "ผมจะแวะกินข้าวเช้าก่อน คุณจะกินด้วยไหม ผมจ่ายให้" ชินวุธหันมาถามขณะขับรถเข้าหมู่บ้าน "ไม่ คุณกินเถอะ ผมจะนั่งรอบนรถ" "โอเค รอผมไม่นานหรอก" ชินวุธขับรถไปจอดแถวตลาด เขาลดกระจกรถฝั่งอินทราลงนิดหน่อยแล้วลงจากรถเดินเข้าร้านอาหารที่มากินทุกเช้า "ลุงครับ โจ๊กใส่ไข่ชามหนึ่งครับ ขอกาแฟด้วย" "รอแป๊บนะ หาที่นั่งก่อน แล้วคนที่มาด้วยไม่ลงมากินเหรอ" ลุงขายโจ๊กทักแล้วหันไปมองรถยนต์ที่จอดไม่ไกล "ใครครับ ผมมาคนเดียวนะ" ชินวุธตอบแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ "ก็คนนั้นไง ที่ใส่เสื้อสีดำนั่งข้างหน้าข้างคนขับน่ะ" ลุงขายโจ๊กพยักพเยิดไปที่รถยนต์สีบรอนซ์เงินป้ายทะเบียนกรุงเทพซึ่งเป็นของลูกค้าผู้ชายชาวกรุง "ไม่นา ลุงตาฝาดละครับ" ชินวุธส่ายหน้าพรืดแล้วหันไปมองในรถที่ตอนนี้อินทราหันมองไปทางตลาดด้วยท่าทีสบายอารมณ์ "ไหนลุงสันต์ ไม่เห็นมีใครเลย" เด็กหนุ่มที่นั่งในร้านคนหนึ่งหันไปมองในรถที่ลุงขายโจ๊กกับคนกรุงคุยกัน แต่ก็ไม่เห็นอะไรสักอย่าง "ก็ข้าเห็นจริงนี่หว่า นั่งอยู่นั่น... อ้าว ไปไหนแล้ว" ลุงขายโจ๊กทำตาปริบ ๆ "ฉันไม่เห็นมีใครเลยนะตาสันต์ คุณคนนี้มาคนเดียวทุกวันเลยนะ" ป้าอีกคนยืนยัน "ใช่ครับ ผมมาคนเดียวครับ ลุงตาฝาดแล้วล่ะ" ชินวุธรีบสนับสนุนแล้วแอบมองในรถที่อินทราหันมาส่งยิ้มและยักคิ้วยียวนให้ ลุงขายโจ๊กหันไปมองรถยนต์สีบรอนซ์อีกสองสามครั้งแต่ก็ไม่เห็นใครนั่งอยู่ในรถแล้ว จึงมีท่าทีผ่อนคลายลงเมื่อคิดว่าตนเองอาจจะตาฝาดไปก็ได้ หลังจากจัดการมื้อเช้าจนอิ่มและจ่ายเงินเรียบร้อย ชินวุธก็กลับไปที่รถโดยมีสายตาลุงขายโจ๊กมองตามไป แต่พอชินวุธขับรถออกไป ลุงขายโจ๊กก็ร้องลั่น "เฮ้ย มันหันมาส่งยิ้มให้ข้าด้วย" "ใครลุง" "ก็ไอ้คนที่นั่งข้างคนขับที่ข้าบอกไง มันหันมาส่งยิ้มให้ข้าด้วย มันต้องเป็นผีแน่" ลุงขายโจ๊กยกมือท่วมหัวพร่ำบอกอย่ามาหลอกมาหลอนกันแบบนี้เลย แล้วเรื่องผีชายชุดดำที่นั่งข้างคนขับรถทะเบียนกรุงเทพก็ถูกเล่าต่อ ๆ กันไปทั่วตลาดเพราะไม่มีใครเห็นสักคนนอกจากลุงขายโจ๊ก แล้ววันนี้เป็นวันพระด้วย ลุงขายโจ๊กจึงเจอแจ็กพอตชุดใหญ่ตั้งแต่เช้า ส่วนคนขับรถที่ไม่รู้เรื่องที่เล่าลือกันหลังออกมาจากร้านขายโจ๊กก็ไปแวะที่ร้านขายของสังฆภัณฑ์ ซื้อสังฆทานเจ็ดชุด จากนั้นไปที่วัดเพื่อทำบุญ เมื่อจอดรถเรียบร้อยอินทราก็เปิดประตูลงไปก่อน คนขับที่กำลังจะลดกระจกลงให้ก็เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่ครั้งนี้อินทราลงรถด้วย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา เขาลงจากรถแล้วเปิดท้ายหิ้วถังสังฆทานทั้งหมดออกมาวางไว้บนพื้น หันไปล็อกประตูรถให้เรียบร้อยแล้วหันกลับมาหิ้วถังสังฆทานทั้งหมดด้วยการสอดหูหิ้วไว้ที่แขน เพราะถังมีขนาดไม่ใหญ่มากจึงไม่มีปัญหาหากเขาจะเอาไปเองทั้งหมด "พะรุงพะรังน่าดูเลยนะ เอามานี่ ผมช่วย" อินทราบอกแล้วดึงถังสังฆทานในมือชินวุธไปสามถัง "เดี๋ยวสิ จะมีคนเห็นตัวคุณเหรอ ไม่ใช่ว่าถังสังฆทานลอยได้นะ มีหวังพระสงฆ์องค์เจ้าวิ่งจีวรปลิวแน่" "ผมทำให้มนุษย์เห็นตัวผมได้น่า คนขายโจ๊กยังเห็นตัวผมเลยนี่" "แล้วไปแกล้งเขาทำไมน่ะ เขาอายุมากแล้วนะ เกิดเป็นลมช็อกตายเพราะเห็นผีในรถจะว่ายังไง" "ผมก็ไปรับวิญญาณเขาไง แปลกตรงไหน มาไม่เสียเที่ยวด้วย" อินทราตอบด้วยสีหน้าไม่ยี่หระกับเรื่องที่เกิด "เกรียนว่ะ" ชินวุธบ่นพึมพำเบา ๆ แล้วเดินไปที่ศาลาการเปรียญ "อยู่ในวัดอย่าพูดจาไม่ดี" ชินวุธเม้มปากกัดฟันหันไปจิกตาใส่ยมทูตสุดเกรียนที่ทำหน้ามึนด้วยความเคืองที่อยากจะด่าออกมา แต่เอาไว้ก่อน ค่อยคิดบัญชีทีหลัง ตอนนี้พระฉันเช้ากันเรียบร้อยหมดแล้ว บรรดาเด็กวัดก็เก็บสำรับภัตตาหารออกไปจนหมดและทำความสะอาดพื้นที่สำหรับคนมาทำบุญฟังเทศน์ฟังธรรมในวันพระ ชินวุธนั่งพับเพียบสงบเรียบร้อยร่วมกับชาวบ้านเพื่อฟังเทศน์ฟังธรรม ทุกคนนุ่งชุดขาวหรือสีอ่อนเรียบร้อยดูสะอาดตา ส่วนคนนั่งข้างชินวุธดูขัดตามากเพราะใส่สีดำทั้งชุดอยู่คนเดียว แม้แต่รองเท้าบูทก็ไม่ถอด แถมนั่งขัดสมาธิกอดอกด้วยท่าทีเชิดดูแปลกแยกสวนทางกับคนอื่น แต่ก็เหมือนจะไม่มีใครสนใจมองหรืออาจจะมองไม่เห็นก็ได้ เพราะยมทูตขี้เก๊กสามารถทำให้ใครมองเห็นหรือมองไม่เห็นตัวเองได้ตามชอบใจ หลังจากฟังเทศน์ฟังธรรมรับศีลรับพรแล้วชาวบ้านหลายคนก็ทยอยกลับ บางคนก็ถวายสังฆทาน ถวายปัจจัย กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลตามแต่ที่ตัวเองตั้งจุดประสงค์เอาไว้ ชินวุธรอให้ชาวบ้านกลับกันหมดแล้วจึงเข้าไปถวายสังฆทานกับพระสงฆ์ทั้งเจ็ดรูป ส่วนอินทรายังนั่งกอดอกอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนเลย "ท่านผู้นั้น..." เจ้าอาวาสเปรยเบา ๆ แล้วมองผ่านไหล่ชินวุธไปข้างหลัง ชินวุธนิ่งเงียบทำไม่สนใจกับคำของเจ้าอาวาส เขาไม่มั่นใจว่ามีใครมองเห็นอินทราบ้าง แต่ตอนที่หิ้วถังสังฆทานเดินเข้ามาที่นี่ด้วยกันชาวบ้านก็น่าจะมองเห็นตัวอินทราด้วย ไม่งั้นคงวิ่งกันป่าราบไปแล้วถ้าเห็นถังสังฆทานลอยได้ "เราเพียงแค่มากับชายผู้นี้ ไม่ได้มาเพื่อจุดประสงค์อื่น" อินทราบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เจ้าอาวาสพยักหน้าเล็กน้อยแล้วให้ศีลให้พรกับชินวุธไปตามปกติ เมื่อทำบุญถวายสังฆทานเรียบร้อยก็กลับไปที่รถด้วยกัน ชินวุธแอบโล่งใจที่เหมือนว่าจะมีเพียงเจ้าอาวาสรูปเดียวที่มองเห็นยมทูต แต่เขาก็โล่งใจได้ไม่นานเมื่ออินทราคำรามเสียงต่ำแล้วยกนิ้วดีดออกไป "ไปให้พ้น อย่ามายุ่ง" ชินวุธเห็นเงาสีดำที่ถูกอินทราดีดเพียงแวบเดียวมันก็หายไป "ในวัดก็มีตัวพวกนี้ด้วยเหรอ" "มันก็มีทุกที่นั่นล่ะ ในวัดก็ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์จนตัวพวกนี้เข้ามาไม่ได้นะ พระที่ดูน่านับถือก็มีกิเลสหนาไม่ต่างกับคนทั่วไปหรอก บางทีมีเยอะกว่าด้วย เพียงแค่ใช้ผ้าเหลืองบังหน้าปกปิดความเลวร้ายของตนเองเท่านั้น มีลงข่าวอยู่บ่อยเลยนี่ เรื่องพระทำอะไรไม่ดีน่ะ" "ก็ใช่นะครับ" ชินวุธไม่เถียงในข้อนี้ พระที่หลอกใช้ความศรัทธาของชาวบ้านหากินมีเยอะมากจนมองไม่ออกใครดีใครเลว ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรมที่ทำมาเท่านั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD