“จะไปไหนเหรอคะพี่สุ แต่งตัวซะสวยเลย”
อนงค์เอ่ยถามสุวดี ภรรยาหลวงหรือจะพูดให้ถูกคือภรรยาตีทะเบียนของภคิน สายตากวาดมองเสื้อผ้าอาภรณ์หรูราคาแพง และเครื่องประดับงดงามที่ประดับอยู่บนเรือนร่างอีกฝ่ายด้วยความริษยาจับใจ
“เธอมีอะไร ฉันจะออกไปข้างนอก ช่วยหลีกไปด้วย”
สุวดีข่มความรู้สึกไม่ชอบใจเอาไว้ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเรียบสนิท
อนงค์เหยียดยิ้มเดินไปลูบไหล่ของภรรยาหลวงขณะยืนอยู่ด้วยกันที่เชิงบันไดด้วยอาการยั่วยุอารมณ์ สุวดีปลดออกอย่างสุภาพ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ วันนี้คุณคินไม่อยู่ นงเลยอยากมาทำความสนิทกับพี่สุให้แน่นแฟ้นยิ่งๆ ขึ้นไป อ๊ะๆ ๆ อย่ามองนงด้วยสายตาแบบนั้นสิคะ นงน่ะสงสารคุณคินหรอกนะคะ แล้วก็สงสารพี่สุด้วย” อนงค์ตั้งใจพูดยั่วให้สุวดีโมโห
“เธอมีอะไรพูดมาจะดีกว่า อย่ามาโยกโย้ให้มากความ ฉันไม่มีเวลามากหรอกนะ”
สุวดีพยายามข่มอารมณ์เจ็บลึกในอกเต็มที่ สามีพาหญิงสาวคนนี้เข้ามาในบ้านแล้วโกหก แนะนำว่าเป็นญาติห่างๆ เธอก็เจ็บมากพอแล้ว กลางค่ำกลางคืน ขณะที่ภคินคิดว่าเธอนอนหลับ กลับย่องไปหาญาติที่เขาแอบอ้างจนเธอจับได้คาหนังคาเขา แต่ที่ต้องทนเพราะรติภัทร ลูกชายคนเดียวที่เธอรักมากที่สุด เธอไม่อยากให้บุตรชายผิดหวังเสียใจในการกระทำของพ่อตัวเอง ไม่อยากให้ครอบครัวมีปัญหาจึงเก็บความเสียใจเอาไว้คนเดียว อยู่อย่างหน้าชื่นอกตรมเรื่อยมา
“แหม... พี่สุอย่าโมโหไปสิคะ นงแค่อยากจะมาบอกให้พี่สุรับรู้เอาไว้ว่าทำไมสามีพี่ถึงเอาแต่นอนๆ ๆ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับพี่อีกเลยหลังจากวันนั้น คุณคินน่าสงสารจะแย่ ที่มีภรรยาจืดชืดไร้น้ำยาจนต้องหาน้ำพริกถ้วยใหม่กิน”
“นี่เธอ!!!”
“ต๊ายตาย อย่าโกรธไปนักสิคะ พี่สุน่าจะขอบคุณนงเสียมากกว่าที่มาช่วยรับภาระบนเตียงให้ พี่จะได้ไม่ต้องเหนื่อย อีกอย่าง คุณคินก็ยังอยู่ในสายตาของพี่ ไม่ได้ออกไปนอกลู่นอกทางที่อื่น เย็นปุ๊บกลับบ้านปั๊บ จริงไหมคะ ไม่ได้กลับดึกๆ ดื่นๆ เหมือนแต่ก่อน”
อนงค์แค่อยากจะตอกย้ำว่า เมื่อก่อนที่ภคินกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ นั้นไม่ได้หายไปไหน แต่ไปขลุกอยู่กับเธอนั่นเอง บางทีเธอแกล้งออดอ้อนให้นอนค้าง จนภคินต้องโกหกภรรยาว่าทำงานดึกเลยนอนที่โรงงานทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วไม่ใช่
“มีเรื่องจะพูดเท่านี้ใช่ไหม”
สุวดีหันไปถามอย่างระงับอารมณ์เอาไว้ ก่อนจะเดินผละลงบันไดไป
“เดี๋ยวก่อนสิคะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว พี่สุควรจะแบ่งปันอะไรๆ ให้นงบ้างนะคะ”
อนงค์ฉุดมือสุวดีเอาไว้แต่โดนปลดออกอย่างสุภาพเช่นเดิม อนงค์เหยียดปากเมื่อเห็นกิริยาไว้ตัวของภรรยาหลวง
“อะไรๆ ของเธอมันคืออะไรล่ะ ฉันจะทำทานให้”
“ต๊ายตาย ปากคอเราะรายเหมือนกันนะคะ เห็นหงิมๆ เห็นไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ นงหมายถึงพวกเครื่องเพชร เครื่องทอง เครื่องประดับสวยๆ เสื้อผ้า...”
อนงค์พูดยังไม่ทันขาดคำ สุวดีสวนขึ้นทันควัน
“เธอน่าจะไปขอคุณคินมากกว่านะ เพราะของพวกนี้ฉันไม่คิดบริจาคให้ใคร ที่เธอเอาไปใช้อยู่ มันก็มากเกินพอแล้ว อย่างว่า คนที่เกิดมาไม่มีอะไร เลยอยากไขว่คว้าของคนอื่นไปใช้หรือครอบครอง โดยไม่สนใจว่าจะมีเจ้าของแล้วหรือยัง ไม่สนใจเรื่องศีลธรรมอันดีงาม ไม่สนใจความเหมาะสม เอาแต่ความสบายของตนเองเป็นที่ตั้ง มักจะเอ่ยปากขอโดยไม่รู้สึกสำนึกว่าอะไรควร อะไรไม่ควร”
อนงค์หน้าชาเมื่อถูกตอกกลับ เจ็บลึกเข้าไปในอก ใช่ เธอยอมรับว่าเกิดมาไม่มีอะไร แล้วทำไมล่ะ เธออยากได้อะไรก็ต้องได้ อนงค์บอกตัวเองเช่นนั้นเสมอ
“แหม... ปกติคุณคินซื้อให้อยู่แล้วละค่ะ แต่ของพี่สุน่ะสวยดี นงเลยอยากขอเอาไปใช้บ้าง ไหนๆ เราใช้สามีคนเดียวกันอยู่แล้ว แบ่งๆ กันทุกอย่างก็น่าจะดีนะคะ”
อนงค์ลอยหน้าลอยตาพูดยั่วยุให้สุวดีโมโหมากๆ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าความสะใจเท่านั้น
“หน้าด้านที่สุด”
สุวดีฉุนจัดเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น สุดที่จะทานทน
เผียะ!!!
“พี่ตบฉันเหรอ นึกว่าฉันไม่มีมือมีเท้าหรือไง”
อนงค์หน้าหันไปตามแรงตบมองภรรยาหลวงสายตาวาวโรจน์
“ใช่ ฉันตบเธอ ให้เธอรู้สำนึกว่าเธอเป็นใคร ฉันเป็นใคร”
สุวดีพูดอย่างไม่เกรงใจอีก ก่อนจะเดินลงบันไดบ้านไป
“คิดว่าตบฉันแล้วจะเดินลอยหน้าลอยตาไปง่ายๆ เหรอ”
อนงค์พุ่งตัวเข้าใส่จากด้านบน สุวดีหันมามองอย่างตกใจ เบี่ยงหลบไปที่ราวบันได
“ว้าย!!! กรี๊ดดด...”
โครม!!!
อนงค์เสียหลักล้มกลิ้งตกบันได กุมท้องเอาไว้แน่น เลือดไหลไปตามเรียวขา แต่โชคดีที่บันไดไม่กี่ขั้นไม่สูงมากนัก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
เสียงของภคินตวาดลั่นเมื่อเห็นอนงค์ ภรรยาน้อยที่เขาพาเข้ามาอยู่ในบ้านกลิ้งตกบันได เลือดไหลเป็นทาง ส่วนสุวดีภรรยาหลวงยืนหน้าซีดอยู่ที่บันไดขึ้นไปไม่กี่ก้าว
“คือว่า...สุ”
สุวดียังไม่ทันได้พูดอันใด อนงค์รีบกอดคอภคินเอาไว้ ร้องไห้โฮ บอกว่าสุวดีผลักเธอตกบันได
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะใจร้ายแบบนี้ ฉันทนมานานแล้วนะ นงบอกฉันหมดแล้วว่าเธอรังแกเขาตลอด แต่ฉันไม่เชื่อ คราวนี้ฉันได้เห็นกับตาว่าเธอใจคอโหดเหี้ยมขนาดไหน นงเขาอยู่ส่วนของเขา ไม่เคยมายุ่งเกี่ยวกับเธอ มีแต่เธอนั่นแหละชอบหาเรื่องเขา”
คำพูดของสามีทำให้สุวดีเม้มริมฝีปากที่สั่นระริกเข้าหากัน เธอนี่นะหาเรื่องอนงค์ก่อน
อนงค์เหยียดยิ้มซบที่อกของภคินอย่างสมใจ
“พี่คิน นี่มันบ้านใหญ่นะคะ สุจะหาเรื่องอนงค์ได้ยังไง เขาเข้ามาหาเรื่องสุเอง”
“ไม่ใช่นะคะคุณคิน คุณสุให้คนไปตามนง พอมาถึงก็ด่าว่าสารพัด ก่อนจะตบตีทำร้ายนง ผลักตกบันได ดูสิคะ หน้ายังเป็นรอยฝ่ามืออยู่เลย ฮือๆ ๆ ๆ คุณคินคะ นงเจ็บท้อง ลูกของเรา ฮือๆ ช่วยแกเอาไว้ด้วยนะคะ โอ๊ย” อนงค์ร้องไห้มองขาตัวเองที่มีเลือดไหลนอง
“ลูก!!!”
สองเสียงอุทานพร้อมกัน นั่นก็คือเสียงของภคินกับสุวดี สุวดีเล็บลึกในอก นอกจากสามีจะพาภรรยาน้อยเข้ามาในบ้าน พวกเขาสองคนยังมีลูกด้วยกัน หมดสิ้นแล้วความรักความไว้วางใจ ส่วนภคินมัวแต่กล่าวโทษภรรยาหลวง จนลืมว่าตอนนี้อนงค์นอนเลือดท่วม หน้าซีดอยู่ในอ้อมอกเขา
“เธอทำอะไรลงไปสุวดี เธอนี่มันใจยักษ์ใจมารที่สุด ฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กตาดำๆ ที่ไม่ลืมตาดูโลกด้วยซ้ำ ฉันทนมานานแล้ว เราหย่าขาดจากกัน เธอไสหัวออกไปจากบ้านฉันเลย ไป๊!!!” ภคินตวาดลั่น
“พี่คินพาคุณนงไปโรงพยาบาลก่อนเถอะครับ”
สุรเดชญาติห่างๆ ของภคินที่อาศัยอยู่ในบ้านเอ่ยบอกอย่างร้อนใจ ก่อนจะหันไปยิ้มกับอนงค์อย่างสาสมใจ
“นายก็เห็นใช่ไหมว่าพี่สะใภ้นายมันเหี้ยมโหดที่สุด”
ภคินบอกสุรเดช อีกฝ่ายจำต้องพยักหน้ารับคำ
“เราหย่าขาดจากกันนับตั้งแต่บัดนี้ เดี๋ยวฉันจะให้เธอเซ็นใบหย่า”
ภคินยื่นคำขาด อุ้มร่างภรรยาน้อยออกไปจากบ้าน อนงค์หันมาเหยียดยิ้มใส่สุวดีทั้งที่ยังเจ็บ แต่กัดฟันทนฟังจนสามีเอ่ยประโยคที่เธอต้องการออกมาในที่สุด วันที่เธอรอคอยมาถึงแล้วสินะ
“คุณคิน” สุวดีแทบหมดแรงซวนซบอยู่กับราวบันได
“คุณแม่ ทำไมคุณพ่อใจร้าย ผู้หญิงคนนั้นหาเรื่องคุณแม่ก่อน”
เด็กชายรติภัทรวัยสิบขวบวิ่งมากอดมารดาที่ร้องไห้ระงมด้วยความเสียใจถึงที่สุด หมดสิ้นแล้วความรักความไว้ใจที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาสิบกว่าปี พังลงเพราะผู้หญิงคนนั้นคนเดียว รวมถึงสามีที่สัญญาว่าจะรักและจะดูแลเธอตลอดไป กลับทรยศหักหลังนอกใจไปมีผู้หญิงคนใหม่