บทที่ 5
ร่างบอบบางของบทมากรถูกมัดมือมัดเท้าติดกับหัวเตียงในคอนโดของติญญานนท์ หญิงสาวกวาดสายตามองไปทั่วห้องก็ไม่พบใครสักคน หล่อนพยายามใช้ความคิด หล่อนต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ แต่หล่อนจะไปยังไงล่ะ มือกับเท้าก็ถูกมัดไว้อย่างนี้ แถมปากของหล่อนก็ยังถูกผ้ามัดเอาไว้อีก
หญิงสาวพยายามจะแกะเชือกที่มือของตนเอง แต่ยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไร ประตูห้องก็ถูกเปิดผัวะเข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย บทมากรตกใจแทบช๊อค หัวใจตกไปกองอยู่กับพื้น ใบหน้าเขาตอนนี้ราวกับปีศาจร้าย เขาเดินเข้ามาช้า ๆ ก่อนที่จะมาหยุดตรงหน้าหล่อน รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมผุดขึ้นที่มุมปากของเขา มันน่ากลัวมาก
“ถึงเวลาที่เธอต้องชดใช้แล้ว นังแพศยา”
เสียงคำรามดังลั่นราวกับฟ้าทล่มลงมาของเขา ทำให้บทมากรสะดุ้งโหย่ง หญิงสาวส่ายหน้าไปมา อย่างต้องการจะอธิบาย แต่หล่อนพูดไม่ได้เพราะเขายังปิดปากหล่อนเอาไว้ และเหมือนเขาจะรู้ เพราะไม่ช้าผ้าปิดปากหล่อนผืนนั้นถูกเขาดึงออกไป
“คะ คุณ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ เรื่องนั้น ฉะ ฉันอธิบายได้ ฉันจำเป็นจริง ๆ ฉันขอโทษนะ ฉันยินดีจะไปอธิบายกับแฟนของคุณ”
พอผ้าหลุดออกมาจากปากได้ คำแก้ตัวต่าง ๆ ก็พรั่งพรูออกมาจากปากอิ่มสีสวยนั้นราวกับสายน้ำ แต่แค่คำขอโทษจากปากคนผิดอย่างหล่อนหรือจะช่วยให้เพลิงแค้นในใจเขาดับลงไปได้ มันมีแต่จะปะทุขึ้นมากไปอีกล่ะไม่ว่า
“หึ หึ... ขอโทษหรือ ขอโทษแล้วมันช่วยทำให้อะไรดีขึ้นมาล่ะ เพราะในเมื่อตอนนี้ฉันกำลังจะเป็นบ้าเพราะการกระทำบ้าบอของเธอ ฉันอยากจะรู้นักว่าเธอทำอย่างนั้นทำไม ทำร้ายฉันทำไม ทั้งที่เราไม่เคยรู้จักกันสักนิด บอกมาซิว่าทำ ทำไม!”
เขาตวาดออกมาเสียงดังลั่น แต่แค่นั้นคงยังไม่สาแก่ใจของเขามั้ง เมื่อเวลาต่อมาเขายื่นมือหนาของเขาเข้ามาคว้าหมับที่ลำคอระหงของหล่อน ก่อนที่จะออกแรงบีบเค้นมันอย่างรุนแรง
“ปละ ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน”
หญิงสาวดิ้นรน แต่หล่อนทำอะไรไม่ได้มาก ในเมื่อทั้งมือและเท้าของหล่อนถูกมัดอยู่ หล่อนเห็นเขาหัวเราะออกมาอย่างชอบใจที่เห็นหล่อนทุกข์ทรมาน
“ฉันทำไปเพราะว่า...”
บทมากรตั้งใจจะสารภาพความจริงกับเขาให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่แล้วคำพูดของเจ้าของเงินก้อนนั้นก็ดังก้องอยู่ในสมอง คำพูดที่น่าหวาดกลัวที่สุดสำหรับหล่อน
“ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปเมื่อไหร่ ชีวิตของแม่เธอก็จะจบสิ้นลงเมื่อนั้น จำเอาไว้ให้ดี”
แม่คือทุกอย่างสำหรับหล่อน ถึงแม้ว่าท่าทีของมารดาที่แสดงต่อหล่อนนั้นจะเหมือนเกลียดชังหล่อนมากมายก็ตาม แต่หล่อนก็ไม่เคยเลย ไม่เคยมีวันไหนไม่รักแม่ของหล่อนเลยสักวัน...
“ฉันแอบชอบคุณมานานแล้ว ฉันเลยทำเรื่องบ้า ๆ นั้นลงไป ฉันขอโทษจริง ๆ ฉันจะชดใช้ให้คุณทั้งชีวิต ถ้าคุณต้องการ”
พูดออกไปแล้ว ก็ต้องตกใจแทบช๊อค ทำไมเหตุผลมีเป็นร้อยเป็นพันข้อ ทำไมหล่อนถึงเลือกที่จะแก้ตัวอย่างนี้กับเขานะ หรือว่า! รักแอบรักเขาจริง ๆ
คำพูดของผู้หญิงตรงหน้าเหมือนหยุดให้ทุกสิ่งในโลกหยุดหมุน เขาคลายมือออก จ้องมองหล่อนอย่าตกใจระคนแปลกใจ บทมากรหายใจเข้าปอดอย่างแรงหลายครั้ง เพื่อชดเชยอากาศหล่อนสูญเสียไปเมื่อครู่
“ชอบฉันอย่างงั้นหรือ...”
เขาทวนคำพูดของหล่อนออกมาช้า ๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อ หญิงสาวจำต้องพยักหน้ารับ เพราะนอกจากนี้แล้ว หล่อนไม่รู้ว่าต้องทำอะไรดี
“ค่ะ ฉะ... ฉันชอบคุณจริง ๆ”
บทมากรพูดออกไปเสียงอ่อย ก้มหน้านิ่ง แก้มนวลแดงระเรื่อขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ตอนนี้ เวลานี้หล่อนอยากจะมุดลงไปใต้เตียงที่หล่อนนั่งอยู่เสียจริง ๆ เพราะความอับอายมันได้แล่นไปทั่วร่างของหล่อน ยิ่งได้เห็นสายตาดูแคลนจากดวงตาคมกล้าคู่นั้นแล้ว มันทำให้หล่อนอยากจะหายตัวไปซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
“ชอบฉัน อยากเป็นเมียฉันอย่างนั้นหรือ”
เขาหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น หญิงสาวถอยกรูดหนีไปจนสุดขอบเตียง เมื่อเขาผู้ชายร่างสูงใหญ่กำลังคุกคามหล่อนเข้ามาเรื่อย ๆ
“จะถอยไปไหนล่ะ หนีทำไม”
น้ำเสียงของเขาราวกับปีศาจร้ายที่มาจากขุมนรกก็ไม่ปาน บทมากรตัวสั่นสะท้านตอนนี้ร่างกายของหล่อนต่อสู้กับเขาไม่ได้เลย มือและเท้าที่ถูกมัดไว้มันทำให้หล่อนเคลื่อนไหวได้ลำบากยิ่งนัก
“จะหนีทำไมฮะ!” ราวกับฟ้าผ่าลงมา เสียงตวาดก้องของเขาทำให้ร่างบางสะดุ้งจนสุดตัว
“อยากได้ฉันเป็นผัวไม่ใช่เหรอ นี่ไง ฉันกำลังจะสนองให้เธอไง” บทมากรส่ายหน้าปฏิเสธ น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม เขาน่ากลัวจริง ๆ ทำไมเขาถึงได้น่ากลัวอย่างนี้
“ไม่ใช่นะ ฉันไม่ต้องการอย่างนี้ ปล่อยฉันไปเถอะ แล้วฉันสัญญาจะไม่มายุ่งกับชีวิตคุณอีก”
คำพูดที่พยายามบังคับไม่ให้สั่นไหวดังออกไป แต่แทนที่เขาจะสงสารหรือเข้าใจ เขากลับแสยะยิ้มน่ากลัวออกมา และคำพูดที่ตามออกมาจากปากเขาต่างหากที่มันน่ากลัวว่ารอยยิ้มของเขาเป็นไหน ๆ
“ฉันจะสนองให้เธอ...!”
ขาดคำ เขาก็กระโจนเข้าใส่ร่างบางออกหล่อนอย่างป่าเถื่อนที่สุด เขากดร่างของหล่อนแนบลงกับเตียงนุ่ม หญิงสาวเจ็บจนน้ำตาซึมเมื่อมือที่ถูกมัดไขว้หลังไว้ต้องรับน้ำหนักตัวของหล่อนและน้ำหนักตัวของเขาที่ทาบทับลงมาด้วย เสียงกระดูกแขนของหล่อนลั่นดังกร๊อบ ทำให้ชายหนุ่มสอดมือเข้าไปกระตุกเชือกที่มัดข้อมือของผู้หญิงใต้ร่างไว้ออก ก่อนจะจับมือทั้งสองข้างของหล่อนกดไว้เหนือศีรษะของหล่อน
“ปล่อยนะ กรุณาเถอะ อย่าทำอะไรฉันเลย”
หญิงสาวดิ้นรน มือถูกรุกรานอย่างหนัก แต่ดูเหมือนว่าการลงทัณฑ์ของเขาจะไม่ยอมหยุดง่าย เมื่อฝ่ามือหนาของเขาบีบเคล้นไปทั่วเรือนร่างของหล่อนอย่างกักขฬะ
“ดิ้นทำไม ไม่ชอบหรือไง อยากมีผัวไม่ใช่เหรอ”
เขาพูดชิดริมฝีปากแดงสดของหล่อน รอยยิ้มและท่าทาง น้ำเสียง คำพูดของเขามันช่างทำให้หล่อนดูไร้ค่าจนต่ำเตี้ยกว่าพื้นดินเสียอีก
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ ฉันไม่ต้องการแบบนี้นะ”
ยิ่งดิ้นรน ก็เหมือนยิ่งเติมเชื้อไฟให้เขาอย่างดี เพราะร่างอวบอิ่มยังคงถูกเขาระรานไม่หยุดมือ และตอนนี้เวลานี้ริมฝีปากของหล่อน กำลังจะถูกเขารุกรานแล้ว
ไม่นะ... ถึงจะร้องปฏิเสธยังไง ใบหน้าของเขาก็ชิดใกล้เข้ามาเรื่อย ริมฝีปากที่มีรอยยิ้มสะใจของเขา เข้ามาใกล้เสียจนลมหายใจเป่ารดกัน หญิงสาวพยายามขยับหนี แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ห่างไกลออกไปได้เลย
“อย่า...”
หล่อนพูดได้แค่นั้นจุมพิตลงทัณฑ์จากปีศาจร้ายของเขาก็กระหน่ำลงมาบนเรียวปากนุ่มของหล่อนอย่างไม่ปราณี เขาจูบอย่างดุดัน บดเคล้า ซอนไซร้ไปทั่วเรียวปากอิ่มนั้น รสเลือดคละเคล้าไปกับความโหดร้ายของเขา น้ำตาของหล่อนไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ จูบแรกของหล่อน ทำไมถึงได้ทรมานอย่างนี้ ความรู้สึกเจ็บปวดอัดแน่นไปทั่วร่าง อากาศที่หล่อเลี้ยงชีวิตของหล่อนเริ่มขาดหายไป สติสัมปชัญญะเริ่มลดน้อยลง และแล้วความมืดมิดก็เข้ามาแทนที่
ติญญานนท์มองร่างบางที่ตอนนี้นอนนิ่งไม่ไหวติงอย่างแค้นใจ
“ทำเป็นสำออย นังแพศยา นี่แค่บทเรียนแรก ๆ เท่านั้น เธอยังต้องเรียนอีกนานกว่าจะจบหลักสูตรนี้”
ดวงตาแข็งกร้าวของเขาเป็นประกายขึ้น ความเคียดแค้นชิงชังที่มีต่อผู้หญิงตรงหน้านั้นซัดถาโถมเข้ามาเป็นระลอกคลื่น มือหนายื่นเข้าไปแก้เชือกที่ข้อเท้าของหล่อนให้เป็นอิสระ ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง