หกเดือนผ่านไป หน้าฝนเริ่มมาเยือน ข่าวการศึกเริ่มคลี่คลายลงบ้าง แต่ยังไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ และสถานการณ์แถบชายแดนยังคงระอุ เหล่าทหารกล้าต่างยังคงทำหน้าที่อย่างเคร่งครัด หากหน้าฝนผ่านไปไม่แคล้วคงจะเกิดการรบพุ่งที่หนักหน่วงดังเก่า เหล่าผู้อพยพเริ่มตั้งหน้าสร้างรากฐานใหม่ที่เมืองเหนือแห่งนี้ ด้วยบางครอบครัวก็ประสบกับความสูญเสียมากมายเกินกว่าที่จะย้อนกลับไปดังเก่า
”พี่เหลียนเฟย ต้นนี้ใช้ได้มั้ยจ้ะ”เสียงเรียกจากสาวน้อยหน้าตาสดใสดังขึ้น ทำให้นางต้องละมือจากการสัมผัสใบเหยียนหยู่(ต้นเถาเอ็นอ่อน)หันมามองต้นสมุนไพรกอเล็กๆที่อยู่ในมือเด็กสาว
”ใช่แล้วจ้ะ เหยาเอ๋อร์ เจ้าเก่งมาก” เธอยกยิ้มทั้งเอ่ยชมน้องสาวคนใหม่จนนางยิ้มกว้างเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ
“ก็ข้ามีอาจารย์ดีอย่างพี่เหลียนเฟยคอยสอนไงเจ้าคะ จะไม่เก่งได้อย่างไร ว่าแต่สมุนไพรครบหรือยังเจ้าคะ ข้าเริ่มหิวแล้ว”เด็กสาวเอามือลูบท้องแล้วยิ้มอ้อน
”ขาดอีกแค่อย่างเดียวเท่านั้น เจ้าไปนั่งพักรอพี่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงโน้นก่อนเถิด เก็บเจ้าต้นนี้เสร็จแล้วพี่จะตามไป”
”ได้เจ้าค่ะ รีบตามมานะเจ้าคะ”ว่าพลางแบกตะกร้าใส่สมุนไพรใบเล็กขึ้นบ่าแล้วก้าวจากไปตามเส้นทางที่ตั้งอยู่ของต้นไม้ใหญ่
หลังแน่ใจว่าเด็กสาวเดินห่างออกไปมากพอแล้ว หม่าเหลียนเฟยจึงเดินไปนั่งลงตรงกอต้นเหยียนหยู่อีกครั้ง ใช้มือแตะลงบนใบพลางหลับตาลงทำสมาธิ เพียงเสี้ยวลมหายใจเข้าออก เมื่อมองเห็นอย่างชัดเจนถึงประโยชน์และโทษของสมุนไพรชนิดนี้ดีแล้ว นางจึงเด็ดเอาใบใส่ลงในตะกร้าเดินป่าและหันหลังเดินจากมา
หลังกลับออกมาจากป่าหญิงสาวก็เริ่มคัดแยกสมุนไพรชนิดต่างๆออกจากกัน โดยมีหนี่เหยาเอ๋อร์คอยเป็นลูกมือ ซึ่งหลังจากผ่านเหตุการณ์สูญเสียครอบครัว เด็กสาวก็ขอติดตามรับใช้หม่าเหลียนเฟยและฝางฮูหยินเป็นการตอบแทนที่ช่วยชีวิต แต่หญิงสาวขอให้เปลี่ยนจากการติดตามรับใช้เป็นการอยู่ช่วยกันทำมาหากินแทนและให้นางเป็นดั่งน้องสาวที่นางไม่เคยมี ไม่ว่าในชีวิตนี้หรือชีวิตที่เป็นจูจู ความสดใสร่าเริงของเด็กสาวจึงค่อยๆกลับมาอีกครั้ง
หม่าเหลียนเฟยตั้งใจไว้ว่า ต้องการเปิดสปา เพื่อทำงานด้านความงามเหมือนในชีวิตก่อนที่นางถนัด แต่การเปิดร้านต้องใช้เงินมากเอาการอยู่ และพวกนางก็มีเงินทองของมีค่าเหลือเพียงเล็กน้อยพอได้เป็นค่าเช่าบ้านหลังเล็กๆอยู่เท่านั้น ดังนั้นนางจึงเริ่มหาสมุนไพรสำหรับปรุงยาชนิดต่างๆออกขาย โดยเริ่มจากยาชนิดใช้ภายนอกอย่างยาทาแก้ปวดเมื่อย แต่การที่เป็นหมอหน้าใหม่ที่จะขายยาสมุนไพรที่ไม่มีคนรู้จักนั้นยากยิ่งนัก แม้ตอนนี้จะมีคนที่เคยใช้ยานวดของนางแล้วได้ผลดีและบอกต่อกันปากต่อปาก แต่เมืองใหญ่อย่างนี้ก็ยังมีคนรู้จักน้อยยิ่งนัก
นั่งคิดนอนคิดอยู่หลายวันนางจึงตัดสินใจที่จะหาลูกค้ากลุ่มใหม่ ต้องเป็นกลุ่มคนที่กว้างขวางและน่าเชื่อถือ วันหนึ่งนางและเหยาเอ๋อร์เกิดเดินพลัดหลงไปยังตรอกเล็กๆในถนนสายหนึ่ง ตรอกเล็กๆแห่งนี้มีผู้คนเข้าออกไม่ขาดสายเพราะมีร้านเหล้าและหอนางโลมเปิดอยู่เต็มไปหมด และเมื่อเห็นนางโลมเหล่านั้นความคิดก็พลันผุดขึ้นมา
ดังนั้นนางจึงเริ่มสอนให้หนี่เหยาเอ๋อร์รู้จักการทำสปา เริ่มจากการ ขัดทำความสะอาดผิวหน้าและผิวกาย หลังจากนั้นก็นวดกระตุ้นให้เลือดลมวิ่งสะดวก พร้อมทั้งดื่มกินสมุนไพรบำรุงร่างกาย ดังนี้จึงจะเห็นผลที่ดีทันตา โชคดีที่เด็กสาวค่อนข้างจะเฉลียวฉลาดเพียงสอนไม่กี่ครั้งนางก็สามารถจำท่าการนวดหน้านวดตัวแบบง่ายๆได้
เริ่มแรกฝางฮูหยินก็ทักท้วงเนื่องจากไม่เคยรู้เห็นมาก่อนว่าหม่าเหลียนเฟยจะสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ แต่นานวันเข้าก็เริ่มชินกับการเห็นนางนวดหน้าขัดตัวให้กับหนี่เหยาเอ๋อร์ จนบ่อยครั้งที่ต้องกลายเป็นผู้นอนนิ่งๆให้นางกับเด็กสาวรุมกันฝึกปรือฝีมือก่อนออกไปหาลูกค้า
ณ หอเด่นดวง หอนางโลมขนาดใหญ่ของเมืองที่กลางวันเงียบเหงา
แต่พอแสงจากพระอาทิตย์ลาลับเท่านั้นที่นี่ก็กลายเป็นจุดที่บุรุษทั้งหนุ่มทั้งแก่พากันมาพักผ่อนหย่อนใจกับเหล่าโฉมงามที่คอยออดอ้อนเอาใจ บ้างก็มาดื่มด่ำกับบรรยากาศเสียงพิณบรรเลงจากเหล่าเอ๋อเหนียงที่ขายศิลป์ไม่ขายเรือนร่าง หรือหากใครอยากได้สตรีปรนนิบัติพัดวีตลอดจนผ่านราตรีวสันต์ไปด้วยกันก็มีหญิงงามให้เลือกมากหน้าหลายตา
ช่วงเที่ยงของทุกสามวันหม่าเหลียนเฟยจะต้องแวะเวียนมาขัดผิวนวดหน้าไปถึงนวดตัวให้กับเหล่าหญิงงามทั้งหลายที่ต้องการบำรุงผิวพรรณ เพราะความงามย่อมมีราคา ยิ่งงามมากนั่นหมายถึงยิ่งเป็นที่ต้องตาและต้องการของเหล่าบุรุษทั้งหลาย อีกทั้งสมุนไพรเสริมความงามและบำรุงผิวพรรณทั้งหลายที่นางทำออกมาขายนั้นใช้ได้ผลดียิ่งนัก ผสมผสานกันการนวดที่ฝีมือหาตัวจับยาก ทำให้เหล่าหญิงงามทั้งหลายพากันแย่งอุดหนุนอยู่เป็นประจำ
จึงกลายเป็นจากปากต่อปากกระจายเป็นวงกว้างอย่างที่นางต้องการ ยิ่งทำให้ตอนนี้เหล่าฮูหยินทั้งหลาย เร่งพากันเสาะหาซื้อสมุนไพรบำรุงเหล่านั้นเพื่อเอาใจเหล่าพ่อบ้านของตน นางจึงผลิตขายแทบจะไม่ทัน จนตอนนี้ต้องรับเด็กสาวชาวบ้านมาช่วยงานแล้ว