เมียสาวสวยเกินไป(หวง)

1925 Words
ยามเหมาจูเหมยลี่ตื่นมาทำอาหารเช้า ช่วงนี้หน้าฝนแต่เซียวจ้านเป่ยกลับจะพาคนขึ้นเขา เมื่อวานนางสั่งเขาซื้อของมามากมาย จูเหมยลี่สับหมูปรุงรสพักไว้ จากนั้นก็มาเคี่ยวโจ๊ก ก่อนจะนำแป้งมานวดเพื่อทำซาลาเปา มีเสียงเรียกที่รั้วบ้านนางจึงออกไปดู ปรากฏว่าเป็นจางลู่เหลียน พอเห็นหน้าจูเหมยลี่ก็ตรงเข้ามากอดทันที "ลี่เอ๋อร์ คิดถึงเหลือเกิน เมื่อคืนพี่นอนไม่หลับเอาแต่คิดถึงเจ้า ว่าแต่เมื่อคืนเจ้านอนห้องเดียวกับเซียวจ้านเป่ยหรือไม่" "พี่ลู่เหลียน ท่านพี่เป็นสามีข้าย่อมต้องนอนด้วยกัน เอ่อพี่ปล่อยข้าก่อนเถอะ ใครมาเห็นจะนินทาเอาได้นะ" "ช่างหัวปะไร พี่ชอบเจ้าคนอื่นคิดอย่างไรก็ช่าง พี่ตื่นแต่เช้ามาช่วยงานเจ้า ปวดใจนักที่เห็นเจ้าต้องลูกขึ้นมารับใช้ผู้ชายอัปลักษณ์คนนั้น" จูเหมยลี่ยืนงงเลย ตอนคนบ้านนั่นไว้หนวดเป็นตาแก่ เจ้าคลังไคล้นักหนา พอโกนหนวดหล่อราวเทพเซียนเจ้ากับรังเกียจบอกว่าเซียวจ้านเป่ยอัปลักษณ์ เฮ้อจำได้ว่าข้าตีหัวเฉิงอี้นี่นา ไม่ได้ตีเจ้าสักหน่อยนะ เสียวเซียวจ้านเป่ยตื่นแล้ว พอเห็นจางลู่เหลียนกอดเมียสาวอยู่ก็โมโห เดินมาทันที เซียวจ้านเป่ยคว้าแขนจางลู่เหลียนลากกลับบ้าน จูเหมยลี่ส่ายหน้า "นี่มันอะไรกันวะเนี่ย เจ๊ต้องมาเจออะไรบ้างอยู่ไม่ถึงสิบวันเลยนะโว้ย อย่างกับอยู่มาสามปี" จูเหมยลี่นวดแป้งเสร็จแล้วก็พักไว้ จากนั้นก็นำไหที่นึ่งเสร็จเรียบร้อยเมื่อวานนี้มาวางเรียง นำตระแกรงใบเล็กมาวางปากไห ใช้ผ้าสะอาดสีขาวที่เซียวจ้ายเป่ยซื้อมาวางรอง ก่อนจะนำรวงผึ้งมาบี้ทีละน้อย ให้น้ำผึ้งค่อยๆไหลลงในไห รวงผึ้งใหญ่มาก ได้น้ำผึ้งถึงห้าไหๆละสองชั่ง เซียวจ้านเป่ยเดินกลับมาแล้ว เขาโมโหน้องสาวจางรั่วสุ่ยนัก เด็กบ้านนั่นบอกให้เขาหย่ากับจูเหมยลี่ อีกทั้งแช่งชักหักกระดูกเขา "เจ้าเป็นทหารเดี๋ยวก็ตายในสนามรม อย่ามาทำเหมยลี่คนดีของข้าเป็นหม้ายสามีตาย เจ้ามันอัปลักษณ์เซียวจ้านเป่ย" "ลู่เหลียน เหตุใดพูดจาไม่น่าฟัง พี่เซียวข้าขออภัยแทนนางด้วย ไม่รู้ว่าเมื่อวานข้าลงมือหนักเกินไปไหม ข้าตบหน้านางไปสองทีประสาทนางเลยกลับกระมัง" จางรั่วสุ่ยจะบ้าตาย อยู่ๆน้องสาวก็จะเอาเมียคนอื่นหรือเมื่อวานเขาตบนางแรงเกินไปกันนะ "พี่ใหญ่ เรื่องที่ท่านตบตีข้ายังกล้าเอ่ยต่อคนนอกอีกหรือ เซียวจ้านเป่ยน้องลี่เอ๋อร์ของข้าไม่เหมาะสมกับเจ้าหรอก หย่าซะเถอะ" จากนั้นก็เดินเข้าห้องปิดประตู เมื่อกี้ไหนว่าจะมาช่วยงานที่บ้านเขา อยู่ๆเข้าห้องนอนเฉย พี่สะใภ้เจ้ายังไม่ได้หุงข้าวเลยนะไอ้น้องบ้านนี่ จางรัาวสุ่ยออยากรู้น้องสาวไปหกล้มหัวฟาดที่ไหนมาหรือเปล่า "ดูน้องสาวเจ้าหน่อยรั่วสุ่ย เมียข้าๆหวง" จากนั้นเซียวจ้านเป่ยก็เดินกลับบ้านไม่สนใจสองพี่น้องอีก มีอย่างที่ไหนมาสั่งให้เขาหย่าเมีย จูเหมยลี่ที่ได้น้ำผึ้งเรียบร้อยก็นำฝามาปิด จากนั้นหาหม้อเก่าๆมาต้มไขผึ้งเอาไว้ใช้งาน จากนั้นก็ทำมื้อเช้าต่อนำแป้งที่พักได้ที่แล้วมาห่อหมูสับทำซาลาเปา เรียงใส่เข่านำไปนึ่งแล้วก็บ่นงึมงำ "เข่งใช้นึ่งเล็กไปหน่อย กระทะก็เล็ก ไม่คิดจะทำกินเองบ้างหรือไงนะตาเฒ่าข้าวของมีเต็มบ้าน ไปจ้างคนอื่นทำให้กินเชื่อเขาเลยตาแก่นี่ ฟืนก็หมดแล้ว สงสัยวันนี้ต้องขึ้นเขาเก็บฟืนก่อน หินปูนเดี๋ยวค่อยว่ากัน " เซียวจ้านเป่ยยืนมองคนตัวเล็กที่หันรีหันขวางหยิบจับงานในครัว ภาพนี้ช่างงดงามนัก นางคือภรรยาตัวน้อยที่กำลังทำอาหารเช้าให้สามีและลูก "เมียจ๋าเจ้าเหนื่อยไหม อยากให้ช่วยอะไรบ้าง" "ท่านพี่ ท่านทำอะไรพี่ลู่เหลียนหรือเปล่าเจ้าคะ นางไม่ได้ตั้งใจนะคงเพราะเอ่อ ท่านช่วยไปปลุกลูกหน่อย ข้าต้มน้ำเสร็จแล้วจะได้ให้นางล้างหน้า นี่เป็นน้ำอุ่นข้าผสมน้ำผึ้งด้วย กินตอนเช้าจะได้ช่วยเรื่องขับถ่าย ท่านดื่มเสร็จแล้วไปปลุกผิงผิงด้วยเจ้าค่ะ" "เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เฉิงอี้ทำอะไรเหตุใดจางลู่เหลียนถึงได้กลายเป็นแบบนี้บอกพี่มาเถอะ พี่ใช่บุรุษปากมาก" "เอ่อ เขาลวนลามนาง เก็บจะทำสำเร็จหากข้าไปไม่ทัน นางคงตกใจและเกิดอาการรังเกียจบุรุษน่ะเจ้าค่ะ ให้เวลานางสักหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้นเองแหละเจ้าค่ะ ท่านอย่าไปแสดงทีท่าเล่า นางยิ่งเกลียดผู้ชายหากท่านแสดงออกว่าไม่ชอบหรือข่มขู่นางบางทีนางอาจตกใจหนักกว่าเดิม" "เฉิงอี้คนสารเลวนั่น คงต้องกำจัด ภัยของสตรีจริงๆ ได้ยินมาว่าแอบไปหลับนอนกับเด็กสาวคนนึงจนนางตั้งครรภ์ พอทางปู่ของเด็กคนนั้นไปเอาเรื่องแต่เพราะเขาเป็นซิ่วไฉเลยไม่สามารถทำอะไรเขาได้ กลายเป็นว่าเด็กคนนั้นกระโดดน้ำตายเสียเอง สงสารปู่ของนางหลานสาวไม่อยู่แล้วไม่นานก็ตรอมใจตาย" "มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ ช่างเป็นคนเลวจริงๆด้วย ข้าเห็นสายตาของเขาวันก่อนที่ไปซื้อของบ้านบิดาเขา ข้าขยะแขยงนักอยากควักลูกตามันออกจริงๆ สายตาลามกเกินทน เป็นบัณฑิตได้อย่างไรกัน" จูเหมยลี่บ่นไปเรื่อยแต่คนฟังไม่ฟังไปเรื่อยแล้ว ใช้สายตาลามกมองเมียเขาหรือ เฉิงอี้อายุยังไม่ยี่สิบก็ทำเรื่องเลวทรามมากมาย อยู่นานก็เป็นภัยชาวบ้าน เซียวจ้านเป่ยมองจูเหมยลี่ที่กำลังนึ่งซาลาเปา ไม่ได้เมียเขาสวยเกินไป ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว "ท่านพี่ๆๆ เหม่ออะไรเจ้าคะ ไปปลุกลูกจะได้รีบกินมื้อเช้า วันนี้ท่านอยู่กับลูกนะเจ้าคะ ข้าจะขึ้นเขาเก็บฟืนสักหน่อย ฟืนในบ้านหมดแล้ว ครอบครัวลุงใหญ่ถูกโบยขนาดนั้น คงไม่มาหาเรื่องอีกเป็นเดือนข้าอยากเตรียมพร้อมก่อนท่านไปทัพ อยากให้ฟืนมีใช้ เสบียงพร้อมไม่ต้องทิ้งลูกไว้บ้าน ข้าไม่อยากทิ้งผิงผิงไว้คนเดียว หรือพาไปบนเขาบ่อยๆ สัตว์ป่าไม่อาจเดาใจได้" "เจ้าอยู่บ้านเถอะ เรื่องเก็บฟืนพี่จัดการเอง พี่ไปปลุกลูกก่อนนะ กลิ่นซาลาเปาเจ้าหอมยิ่งนัก ชักหิวเสียแล้วสิ" จากนั้นก็เดินเข้าบ้านเพื่อไปปลุกเซียวลี่ผิง ยังไม่ทันจะเข้าเด็กน้อยก็วิ่งออกมาตรงไปหามารดาทันที "ท่านแม่ หอมจังเลยเจ้าค่ะท่านแม่ทำอะไรกินหรือเจ้าคะ" เซียวลี่ผิงกอดต้นขาจูเหมยลี่แน่น เงยหน้าทำสายตาน่ารักจนจูเหมยลี่ทนไม่ไหวอุ้มนางขึ้นมาห้องแก้มไปสองที "ผิงผิงเด็กดี ตื่นมาแล้วต้องคารวะท่านพ่อก่อน ไหนแม่สอนเมื่อวานลืมแล้วหรือ" ผิงผิงลงจากอกจูเหมยลี่ก่อนจะย่อตัวเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้ว "ผิงผิงคารวะท่านพ่อ ขอท่านพ่อสุขภาพแข็งแรง ผิงผิงคารวะท่านแม่ขอท่านแม่สุขภาพแข็งแรงงดงามตลอดไปเจ้าค่ะ" เซียวจ้านเป่ยอุ้มบุตรสาวขึ้นมาหอมแก้มเช่นกัน เขาต้องไปชายแดน ต้องหาทางขึ้นเป็นแม่ทัพให้ได้ เพื่อขอพระราชทานจวนจากฮ่องเต้ เขาไม่ต้องการสืบทอดจวนอ๋องต่อจากเสด็จพ่อ หากเขาสร้างเองและมีกองกำลังของตนเองในมือย่อมต่อกรกับคนสกุลฉู่ได้ แม้แต่บิดาก็ไม่กล้ากับเขา อีกอย่างก็เพื่ออนาคตสตรีสองคนตรงหน้ามีเพียงเขาได้เป็นแม่ทัพเท่านั้น ถึงจะทำให้พวกนางปลอดภัยได้ เซียวลี่ผิงที่เพิ่งจะได้ดื่มน้ำผึ้งครั้งแรกก็ดีใจ นางชอบมามันทั้งหวานทั้งหอมเลย "ท่านแม่ใจดีที่สุดท่านแม่น่ารักที่สุดอีกด้วย ข้ารักท่านแม่เจ้าค่ะ " "ผิงผิง วันนี้อยู่บ้านกับท่านแม่นะ พ่อจะไปเก็บฟืนๆที่บ้านเราหมดแล้ว ฝนตกทุกวันเดี๋ยวไม่มีฟืนใช้" "เจ้าค่ะท่านพ่อ ผิงผิงจะไม่ดื้อ อืมท่านแม่โจ๊กอร่อยมากเจ้าค่ะ ซาลาเปาก็อร่อยท่านแม่ทำอาหารเก่งที่สุดเลยลูกชอบมากเจ้าค่ะ" "ชอบก็ต้องกินแต่พอดี หากกินมากไปจะปวดท้องเอาได้รู้หรือเปล่า เดี๋ยวท่านพ่อไปแล้วมาช่วยแม่ล้างไหเหล่านั้นดีกว่า แม่จะทำลูกท้อแช่อิ่มให้กิน อีกทั้งยังมีผักดองด้วย" "เจ้าค่ะ ข้าจะช่วยงานท่านแม่เอง" ข้ามลำธารไปก็สามารถหาฟืนได้แล้ว แต่ในเมื่อเซียวจ้านเป่ยเป็นคนอยากหานางก็ไม่ขัด หลังจากกินอาหารเช้าเรียบร้อย เซียวจ้านเป่ยก็ขึ้นเขา ส่วนจูเหมยลี่ก็ลงมือนำไหมาล้าง จากนั้นก็คว่ำจนแห้ง มีไหเพียงสิบกว่าใบเท่านั้นเอง จูเหมยลี่เห็นหน่อไม้กับผักป่าเยอะมาก คงต้องให้เซียวจ้านเป่ยไปซื้อไหเพิ่งจริงๆ จูเหมยลี่บอกเซียวผิงผิงว่านางจะไปบ้านเซี่ยตงหยางเพื่อขอยืมเครื่องมือเกษตร อยู่บ้านดีๆจะรีบกลับ บริเวณบ้านมีเนื้อที่ไม่น้อยร่วมหกหมู่ หากถางหญ้าจนหมด สามารถปลูกผักได้มากมายหลายสิบแปลง "ท่านพี่เซี่ย อาซ้อพวกท่านอยู่หรือไม่เจ้าคะ ข้าเองภรรยาพี่จ้านเป่ยเจ้าค่ะ" เซี่ยตงหยางที่อยู่ในครัวกำลังจะทำมื้อเช้าก็เดินออกมา เห็นจูเหมยลี่ก็เอ่ยทักทาย "อ้าว น้องสะใภ้รึ มีอะไรให้ช่วยเล่า จ้านเป่ยล่ะไม่มาด้วยกันหรือ" "ท่านพี่ไปเก็บฟืนน่ะเจ้าค่ะ ฟืนที่บ้านหมดแล้ว เขาเกรงว่าหากเขาไม่อยู่ข้ากับลูกจะไม่สะดวกเลยเก็บเยอะหน่อย" "อ้อ เป็นเช่นนั้น ว่าแต่มาหาข้ามมีธุระอะไรหรือเปล่า พอดีข้าทำอาหารเช้าอยู่นะเมียข้านางแพ้ท้อง ข้าเลยต้องลงมือเอง" "อ้อ พอดีเลยท่านพี่เซี่ยเมื่อเช้าข้านึ่งซาลาเปาไว้หลายลูก แล้วก็นี่เป็นโจ๊กให้เด็กทานตอนเช้า ข้ามีเรื่องมารบกวนท่านจริงๆ ข้าอยากยืมจอมกับเสียมเล็กๆไปถางหญ้าที่บ้านเจ้าค่ะ ข้าอยากปลูกผักกินเองบ้าง ที่ดินที่บ้านกว้างขวางมนักไม่ใช้ประโยชน์ก็น่เสียดาย" "อ้อ เดี๋ยวข้าไปหยิบให้ เอ่อขอบใจสำหรับมื้อเช้านะน้องสะใภ้ " "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านเองก็ช่วยเหลือสามีข้าบ่อยๆ" จากนั้นเซี่ยตงหยางก็หยิบเครื่องมือเกษตรมาให้จูเหมยลี่ ก่อนจะเอ่ยลากัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD