หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วกวินก็ขับรถมุ่งหน้ามายังบ้านหินรัญรชต นี่ก็จะครบหนึ่งเดือนแล้ว คาดว่าเหตุผลที่เรียกตัวเขามาคงหนีไม่พ้นเรื่องของโอเมก้าน้อยคนนั้น ไอ้ไตรคงอยากรู้ว่าคู่แห่งโชคชะตาตั้งครรภ์แล้วหรือยังน่ะสิ แต่ถึงเขาไม่ไปตรวจให้ก็น่าจะรู้ผลอยู่แล้ว
ถ้าเล่นปล่อยน้ำเชื้อระหว่างมีเพศสัมพันธ์กันตลอด แล้วยังขยันน็อตใส่อีก มันจะไม่ท้องได้ยังไง
“มาถึงนานรึยัง”
ไตรวิชญ์พาร่างสูงกำยำในชุดเสื้อยืดสีแดงกับกางเกงขายาวสีดำไปนั่งลงตรงโซฟา เส้นผมสีน้ำตาลแดงถูกเซ็ตไปข้างหลังเผยหน้าผากกว้าง ยิ่งทำให้องค์ประกอบบนใบหน้าเด่นชัดขึ้น หล่อจัดยิ่งกว่าทุกวัน อาจเพราะรอยยิ้มมุมปากที่ช่วยให้บรรยากาศไม่หนักอึ้งกดดันเหมือนที่ผ่านมา
“สิบนาทีได้ วันนี้มีเรื่องอะไรให้ตื่นเต้นรึไง สีหน้าดูดีกว่าทุกวัน”
กวินสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางกางเกงสีเทาเข้ม คาดเข็มขัดสีเงิน ใส่นาฬิกาสายรัดหนังสีดำ มาในลุคคุณชายผู้สุภาพอ่อนโยนแลดูภูมิฐานน่าเชื่อถือ เป็นคุณหมอรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลเอกชนในเครือของตระกูลหิรัญรชต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคือพ่อเขาเอง ส่วนพ่อของไตรวิชญ์เป็นเจ้าของโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ในปัจจุบัน
“กูก็ปกติเหมือนกับทุกวัน ตามึงคงมีปัญหา ไปตรวจเช็กซะบ้างนะ”
“ยิ้มอยู่ชัด ๆ ดันมาหาว่าตากูมีปัญหา น้องนิมหลับอยู่เหรอวะ”
“เออ อีกสักพักค่อยขึ้นไปดู ปล่อยให้มันพักผ่อนก่อน”
“อ้อ กูรู้แล้วว่าทำไมมึงถึงอารมณ์ดี จับน้องเขาแดกจนอิ่มแปล้แล้วสิท่าถึงนั่งยิ้มหน้าบานอย่างนี้” กวินเอ่ยแซวเมื่อรับรู้ถึงบรรยากาศแปลก ๆ ที่แผ่ออกมาจากเพื่อนสนิท
“อยากมีปากไว้กินข้าวก็อย่าพูดมาก หรืออยากกินข้าวผสมเลือดก็บอก กูจะสงเคราะห์ให้!”
“ไม่ต้องเลยมึง หาเรื่องต่อยตีกับกูตลอด หัดเกรงใจหน้าหล่อ ๆ ของกูบ้าง นางพยาบาลสาว ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้กูกันหมดแล้ว นึกเป็นนักเลงไม่ใช่หมอ!”
“สมควรโดน หน้าตาทุเรศยังคิดจะจีบสาวไปทั่ว สักวันจะเจอของแข็งตบให้ตื่นจากฝัน เพ้อเจ้อทุกวี่ทุกวัน น่ารำคาญ”
“ด่าซะเสียหมาเลยนะเว้ย! นี่เพื่อนนะเพื่อน!” กวินทำหน้าเหมือนคนใกล้จะร้องไห้เต็มแก่ วันไหนไอ้ไตรไม่ได้ด่าคนคงนอนไม่หลับ อยากถามนักว่ายัดหมาไว้ในปากกี่ตัว ขยันพ่นใส่หน้าคนอื่นซะจริง
“หลอกด่ากูในใจ?”
“ใครจะกล้าวะ ดุยิ่งกว่าหมา กลัวจนอ้าปากพูดไม่ออกแล้ว”
“ป่านนี้มันคงตื่นแล้ว ตรวจเสร็จมึงจะได้รีบไสหัวกลับไป เอาเครื่องตรวจมาแล้วใช่ไหม”
“รีบไล่กูเลยนะ! กูเอาที่ตรวจครรภ์ของพวกผู้หญิงมานี่แหละ ถ้าท้องจริงก็ต้องพาไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล เครื่องมือที่นั่นครบครันกว่า แต่ถ้าไม่สะดวกก็ต้องขนย้ายเครื่องมือทั้งหมดมาไว้ที่นี่แทน เพื่อง่ายต่อการตรวจเช็กสภาพร่างกายตลอดเวลา ช่วงสองสามเดือนแรกต้องระวังยิ่งกว่าช่วงอื่น ส่วนมึงก็เลิกกินน้องเขาสักพักให้ครรภ์แข็งแรงดีก่อนค่อยตะกละแดกทีหลัง”
กวินกล้าฟันธงได้เลยว่านิมมานท้องแล้ว เนื่องจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปทำให้กลิ่นฟีโรโมนที่ถูกปล่อยออกมาต่างไปจากเวลาปกติ ซึ่งคนรอบข้างจะรู้ได้ในทันทีว่าโอเมก้าคนนั้นกำลังตั้งท้องอยู่ แพทย์หนุ่มคลี่ยิ้มบางยื่นมือไปตบอกเพื่อนเบา ๆ พลางยักคิ้วให้ และไอ้ไตรมันก็ทำหน้ายักษ์เหมือนจะแดกหัวเขากลับ ถ้าไม่เพราะเขารู้ทันรีบเผ่นหนีออกมาก่อน คงไม่แคล้วถูกมันกระชากหัวหลุดแน่
ใบหน้าหล่อเหลาดิบเถื่อนถมึงทึงดุดัน คิ้วขมวดแน่นอย่างใช้ความคิด คำพูดของไอ้เพื่อนจอมกวนสะกิดใจเขาให้สับสนว้าวุ่น งดมีเซ็กซ์กับไอ้เด็กมะลิสองสามเดือนแรกจะไปทำได้อย่างไร แค่วันเดียวชีวิตเขาก็เหมือนขาดอะไรบางอย่างไปจนนอนไม่หลับ สามวันอาจมีลงแดงเกิดอาการหงุดหงิดพาลใส่คนอื่นไปทั่ว หนึ่งอาทิตย์อาจขาดใจตายเพราะ
เหี่ยวเฉาเหมือนรากไม้แห้ง ๆ ขาดน้ำ!
บางทีเขาคงต้องคิดหาทางรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายเข้าขั้นวิกฤตเป็นอันตรายถึงชีวิตนี่แล้ว
ใบหน้าคมคายหล่อเหลาเครียดเคร่งยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ดวงตาคมกริบสีน้ำตาลอมแดงฉายแววคุกรุ่นไม่สบอารมณ์นัก ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดจนพาลโมโหไปหมดทุกอย่าง แต่ในใจกลับยินดีมากกว่าที่นิมมานท้อง
แค่คิดว่าจะมีทารกน้อยหน้าตาเหมือนมันโผล่มาอีกคนก็รู้สึกเต็มตื้นในหัวใจแล้ว
เพียงแต่ตอนที่พวกเขามาถึงห้องกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของไอ้เด็กมะลิเจ้าปัญหา ทั้งห้องว่างเปล่าไม่มีเจ้าของกลิ่นหอมเย็นลอยอวลจาง ๆ อยู่เลย และสิ่งที่หายไปก็ไม่ได้มีแค่ตัวมัน หมอนผ้าห่มบนเตียงที่เคยมีอยู่ครบก็หายไปด้วย ขณะที่กวินเดินไปทางตู้เสื้อผ้าเพื่อตรวจสอบว่ามีอะไรหายอีก พอเปิดออกดูก็พบว่าเสื้อผ้าหลายตัวถูกขโมยไป อาจจะช่วงที่พวกเขามัวคุยกันเพลินจนลืมว่ามีเด็กน้อยรออยู่
พฤติกรรมโอเมก้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนขี้น้อยใจขี้แย
บางคนขี้หงุดหงิดโมโหง่าย หรือบางคนเอาแต่ใจขั้นสุด ห้ามขัดใจเด็ดขาดก็มี การที่นิมมานหนีไปทำรังที่อื่นสงสัยจะงอนคู่ตัวเองก็เป็นได้
เล่นออกจากห้องไม่ยอมบอกกล่าว ตื่นมาไม่เจอก็อาจน้อยใจเลยหอบผ้าหอบผ่อนหนีไปนอนห้องอื่น
“มันเป็นบ้าอะไรวะ หนีไปอยู่ที่ไหนอีกแล้ว!”
“มึงอย่าเพิ่งหงุดหงิดสิ รีบตามหาตัวน้องเขาก่อน ปล่อยไว้นาน ๆ มึงไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้รังแน่ กูจะสมน้ำหน้าให้”
“มึงกล้า” ดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยวตวัดมองกวินด้วยแววตาดุดันแข็งกร้าว ให้ความรู้สึกเหมือนราชสีห์ตัวโตทรงพลังยืนผงาดอวดศักดิ์ดา
“กูไม่กล้าครับ กลัวจะตายแล้ว รีบไปหาน้องนิมเถอะมึง ปล่อยนานกว่านี้มึงเตรียมตัวนอนเหงาในห้องคนเดียวได้เลย กูไม่ได้ขู่ด้วย แล้วกูก็ไม่อยากเห็นกระทิงคลั่งรักแถวนี้พาลพาโลใส่คนอื่น กลัวมึงจะสงบสติอารมณ์ไม่ได้ไล่ขวิดชาวบ้านเขาไปทั่วว่ะ”
“เอาลูกตะกั่วยัดปากสักลูกไหม มึงจะได้พูดให้น้อยลงหน่อย หรือไม่ก็ไม่ต้องพูดมันตลอดชีวิต!”
“เวร! กูเพื่อนมึงนะ หัดทำตัวใจดีกับกูบ้าง เอะอะด่า เอะอะจะเอาลูกตะกั่วยัดปากกู น้องเขาทนมึงได้ไงวะ แค่อยู่ด้วยกันแป๊บเดียวก็จะประสาทแดกแล้ว”
“มันอยู่ได้แล้วกัน มึงเสือกอะไร” ไตรวิชญ์หน้าตึงยิ่งรู้สึกเกลียดขี้หน้าเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวเข้าไปอีก
ชายหนุ่มถอนสายตาออกจากใบหน้าหล่อเหลาคมคายออกแนวทะเล้นขี้เล่น แต่บทจะจริงจังก็น่ากลัวไม่แพ้ใคร นัยน์ตาคมดุสีน้ำตาลแดงกวาดมองไปรอบห้องครึ่งหนึ่งก็ตัดสินใจเดินออกไปข้างนอก โดยใช้กลิ่นที่หลงเหลือทิ้งไว้ตามทางเดิน ควานหาลูกแกะหวานนุ่มที่หายตัวไปดื้อ ๆ
จะโกรธจะงอนก็ไม่ควรหนีหานไปอย่างนี้ เจอตัวเมื่อไหร่จะจับฟาดก้นซะให้เข็ด!
เดินไปสำรวจทางปีกซ้ายก็ยังไม่พบเงาคน กระทั่งวนไปทางปีกขวาถึงเพิ่งพบร่องรอย ไอ้เด็กนี่ดันเดินวนไปมาเพื่อหาที่ซ่อนพร้อมกับทิ้งกลิ่นไปทั่วจนต้องไล่หาทีละห้อง
ใบหน้าคมคร้ามแข็งกระด้างเย็นชา คิ้วขมวดแน่นด้วยความไม่สบอารมณ์ ร่างสูงใหญ่เดินมาหยุดหน้าประตูห้องห้องหนึ่ง ไม่ต้องเคาะเรียกให้เสียเวลาก็เปิดพรวดพราดเข้าไป เดิมทีชายหนุ่มตั้งใจจะตวาดเสียงดังใส่จอมดื้อที่แอบหนีมา ทว่าพอเห็นคนน้องนอนขดตัวกลมผล็อยหลับในรังที่สร้างขึ้นเองกับมือก็ปิดปากเงียบสนิท มีเพียงนัยน์ตาคู่คมที่เพ่งมองกองผ้าห่มและเสื้อผ้าหลายสิบตัวของเขาวางสูงทับถมกัน โดยมีฐานเป็นหมอนใบโตสองใบซึ่งพวกเขาใช้หนุนนอนประจำ
“โอ้ ที่แท้ก็มาหลบอยู่ในนี้นี่เอง ดูท่าจะไม่ต้องตรวจแล้วว่าท้องหรือไม่ท้อง โอเมก้าจะทำรังก็ต่อเมื่อท้องแล้วเท่านั้น ยินดีด้วยที่ได้เป็นคุณพ่อแล้ว”
กวินซึ่งเดินตามหลังเข้ามาในห้องพอเห็นภาพน่ารักปนอบอุ่นก็ใช้หลังนิ้วเคาะอกไตรวิชญ์แสดงความยินดีกับเพื่อนรักที่จะได้เป็นพ่อคนแล้ว โดยที่สายตายังคงมองรังของโอเมก้าตัวน้อยที่ก่อสร้างขึ้นคล้ายกำแพงสี่ด้านปิดล้อมมิดชิด เหลือเพียงช่องเล็ก ๆ แค่พอให้มองเห็นว่าข้างในมีตัวอะไรซ่อนอยู่ แล้วถ้าจะมุดออกมาข้างนอกก็คงถล่มลงมาหมด
ไตรวิชญ์ไม่รู้จะพูดหรือทำตัวยังไงกับสถานการณ์นี้ ไอ้เด็กมะลินอนหลับลึกในกองเสื้อที่เต็มไปด้วยกลิ่นของเขา ตัวมันเองก็ขโมยเสื้อเขาไปสวมใส่ ใบหน้าตอนหลับก็ดูสุขใจเหมือนคนกำลังฝันหวานและไม่อยากตื่นขึ้นมา
“กูจะอุ้มมันกลับห้อง”
“ปล่อยไว้แบบนี้น่าจะดีกว่า”
“ดีห่าอะไร กูจะหอบไปทั้งคนทั้งผ้าห่มนี่แหละ มึงออกไปข้างนอกได้แล้ว เกะกะ!”
“มึงนี่มัน...ถ้าไม่กลัวว่าจะทำน้องเขาตื่น กูด่ากลับแน่ นับวันยิ่งปากร้ายอย่างกับผู้หญิง ปากมึงคมกริบยิ่งกว่ากรรไกรแล้ว! “
“ถอย”
“...”
“ไสหัวไป”
“ไอ้ไตร ไอ้เพื่อนเวร” กวินขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถลึงตามองไอ้เถื่อนที่ทำหน้าโหดตาเหี้ยมใส่เขา
ถึงด่าไปมันก็คงไม่สะทกสะท้านหรอก เพื่อนเขามันหน้าหนาทนทานเหมือนพื้นคอนกรีต แถมไปก่นด่ามันมาก ๆ จะโดนลูกตะกั่วเจาะกะโหลกเอาด้วยนี่สิ ไอ้ไตรยิ่งเป็นพวกเลือดร้อนเดือดง่ายอยู่ด้วย ใครทำอะไรขัดใจเข้าหน่อยก็ทำหน้าเหมือนจะกระชากหัวให้หลุดกลิ้งหลุน ๆ ไปกับพื้น เลือดสาดกระจาย
ไตรวิชญ์เดินไปนั่งบนส้นเท้าตรงหน้ารังน้อย ๆ ของไอ้เด็กมะลิ กลิ่นอายของเขาวนเวียนอยู่รอบตัวมันจนฉุนจมูก เขาอยากได้กลิ่นตัวหอมเย็นของมันไม่ใช่กลิ่นตัวเอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นดันเป็นไปตามสัญชาตญาณ
โอเมก้าที่กำลังท้อง จะติดกลิ่นอัลฟ่าที่เป็นคู่ตัวเองก็ไม่แปลก
อุ้งมือใหญ่เอื้อมไปสัมผัสแก้มนิ่ม นิมมานขยับหน้าเข้าหาไออุ่นนั้นทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ส่งเสียงครางด้วยความพอใจเหมือนลูกแมวน้อยที่ถูกเกาคางเป็นสุข เห็นแล้วอยากเอามือดึงแก้มเล่นให้ยืดย้วย
ไตรวิชญ์เลียปากดับความกระหาย หยิบเสื้อที่กองสุม ๆ กันอยู่ออกวางบนพื้นข้างตัว ก่อนจะสอดวงแขนเข้าใต้ข้อพับขาสองข้างของนิมมานช้อนร่างเบาหวิวขึ้นอุ้ม ใช้มือดันศีรษะให้ใบหน้าน่ารักซบลงกับอก แล้วเอื้อมมือไปคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวเด็กอวดดีไว้จนมิดหัว กอดกระชับแนบแน่นอย่างหวงแหน พาตรงกลับห้องนอนที่อยู่ใกล้ ๆ กัน โดยมีกวินคอยตามเก็บข้าวของทุกชิ้นที่ถูกทิ้งไว้แล้วเดินตามมา
แค่ก้าวแรกที่เหยียบเข้าห้องก็ถูกกลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าตีแสกหน้าอย่างจัง ดีที่ก่อนหน้าฉีดยามาแล้วถึงไม่เกิดอาการคลุ้มคลั่งกระโจนใส่นิมมานให้ไอ้ไตรเอาปืนไล่ยิง
“อื้อ…กลับมาแล้วเหรอ หายไปไหนมา” โอเมก้าตัวน้อยลืมตาขึ้นมองปลายคางของคนพี่ ก่อนจะมุดหน้าซุกอกต่อ พร้อมทั้งสูดกลิ่นตัวเฉพาะบุคคลที่เขาหลงใหลเข้าลึกสุดปอด
กลิ่นไอแดดยามบ่ายที่อาบไล้บนทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มของเนินเขาสูง ขับไล่ความชื้นให้เหลือเพียงความอบอุ่นชวนผ่อนคลาย ทุกครั้งที่สูดกลิ่นนี้เข้าไปร่างกายเขาจะรู้สึกสบาย รู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
นอกจากเสน่หาอยากใกล้ชิดคู่ตัวเองแล้วก็ยังมีความอิ่มเอมใจ ไม่ใช่แค่หลงใหลคลั่งไคล้ร่างกายของกันและกัน แต่ความผูกพันทางใจก็เพิ่มมากขึ้นทุกวันด้วย
มันคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้กับแค่คนสองคนเท่านั้น พวกเขารู้ว่ามันคืออะไร เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดออกไป อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในเร็ว ๆ นี้
“กูออกไปรอไอ้วินข้างล่าง มึงเถอะหอบผ้าหอบผ่อนไปนอนห้องอื่นทำไม งอนอะไรกูอีกฮะ”
“เปล่างอน ไม่ได้งอนเลย” นิมมานส่ายหน้าพรืดไม่ยอมรับความจริง
จำได้ว่าตอนตื่นมาแล้วไม่เห็นอัลฟ่าโหดก็หงุดหงิด เกิดความน้อยใจนิด ๆ ที่อีกฝ่ายไม่ยอมอยู่ด้วยกันทิ้งให้เขาอยู่ห้องคนเดียว
ที่แย่สุดก็คือเขาอยากสูดกลิ่นแดดหอม ๆ จากตัวไตรวิชญ์ อยากให้กลิ่นของคนคนนั้นติดอยู่บนตัวเขาจนคันไม้คันมือต้องไปรื้อค้นเสื้อผ้าคนพี่ออกมาจากตู้ จะเอามากองรวมกันในห้องก็กลัวถูกด่า ผสมโรงกับที่น้อยใจด้วยเลยหอบผ้าหนีไปซ่อนห้องอื่น
เดินวนไปวนมาก็ยังไม่เจอห้องไหนถูกใจ สุดท้ายก็ไปหลบอยู่ห้องข้างกัน เพราะรู้สึกว่าปลอดภัยอุ่นใจมากกว่า หลังจากอพยพย้ายตัวเองมาห้องนี้แล้วก็ตั้งถิ่นฐานใหม่ใช้เป็นที่หลบภัยกึ่ง ๆ ซ่อนตัว ทว่าหลับได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถูกคนพี่ตามตัวเจอซะแล้ว
“ไม่งอนก็ดี อย่าไปนอนกับพื้นเย็น ๆ สุขภาพจะแย่เอา อยากนอนซุกกองผ้าก็เอามากองไว้บนเตียง แต่เสื้อผ้ากูหรือจะสู้ตัวจริงได้ มากอดกูดีกว่า”
“แค่ก!”
“ตีนติดคอเหรอ” ดวงตาคมดุตวัดมองอย่างน่ากลัว ถ้าสายตาฆ่าคนให้ตายได้ กวินคงถูกสับเนื้อแหลกไม่มีชิ้นดี
“คืนนี้กูนอนในห้องรับแขก พรุ่งนี้ค่อยมาตรวจน้องเขาแล้วกัน นอกจากทำรังก็ยังไม่เกิดอาการแพ้ท้อง มึงก็อยู่เฝ้าน้องไป กูอาบน้ำหาข้าวกินละ” กวินรีบเนรเทศตัวเองออกจากอาณาเขตของอัลฟ่าโหดเถื่อน กลัวมันจะคว้าปืนมายิงแสกหน้าโทษฐานกวนประสาทผิดเวลา
เมื่อเหลือกันอยู่แค่สองคนนิมมานก็ปีนขึ้นตัวคนพี่แล้วกอดเอวไว้แน่น แถมยังเอาจมูกถู ๆ วนเวียนอยู่กับกล้ามอกแน่นหนั่นไม่ยอมผละไปไหน ขณะที่คนถูกก่อกวนก็ทำหน้าปั้นยากอดหวามไหวร้อนวูบเพราะคนน้องเอาจมูกปัดถูไปมาไม่ได้ เล่นเอาคันยุบยิบเหมือนถูกมดรุมไต่ อากาศก็เหมือนกับจะร้อนขึ้นด้วย ทั้งที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำไม่ต่างจากติดอยู่ในขั้วโลกเหนือ
“หยุดถูจมูกกับอกกูสักที อยากถูกปล้ำ?!”
“อื้ม...ก็มันหอมนี่นาาา”
“ยั่วกู? ไอ้หมอเวรมันยิ่งต่อว่ากูอยู่เรื่องเอามึงตอนท้อง อย่าหาเรื่องใส่ตัวตอนนี้ นอนไป”
“แล้วเฮียจะแอบออกจากห้องไปอีกไหม”
“ทำไม ถ้ากูแอบออกไปอีกจะหนีไปซ่อนอีกรึไง”
“ใครหนี! เปล่าหนีนี่ แค่ไปนอนเล่นห้องอื่นเฉยๆ”
“แอร์ก็ไม่เปิด ขังตัวเองอยู่ในกองผ้า อยากเป็นลมตาย โง่จริง”
“โง่แล้วทำไมอะ ถ้าเฮียหายตัวไปอีกล่ะน่าดู! ไม่ต้องเข้าใกล้นิมอีกเลย ไม่ได้ขู่ด้วย พูดจริงทำจริง”
“สรุปก็งอนกู เด็กน้อยเอ๊ย! พรุ่งนี้ก็ครบรอบฮีท เวลาปกติก็ไม่ค่อยมีสมองอยู่ด้วย ตอนฮีทก็สติสตังไปหมดอีก ลำบากกูให้ต้องดูแลคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ สำนึกบุญคุณกูซะบ้าง”
“ฮึ ใครขอให้เฮียทำให้ล่ะ” นิมมานเบะปากหน้างอ ยกแขนขึ้นกอดอกอีก
ถ้าตอนนั้นคนคนนี้ไม่กัดคอสร้างพันธะกับเขา จะต้องมาลำบากลำบนดูแลกันไหมเล่า ทำไมไม่โทษว่าเป็นความผิดตัวเองบ้างนะคนคนนี้!
“นิมจะนอนแล้ว ง่วงมาก!”
“มึงนอนมาหลายรอบแล้ว ถ้าไม่ง่วงจริง ๆ ก็ไปล้างหน้าให้ตาสว่าง จะได้ลงไปหาอะไรกิน เอาแต่นอนได้อ้วนเป็นหมูเข้าสักวัน”
“หมูก็หมูสิ นิมไม่หิว จะนอน กล่อมหน่อย หาววว” มือเรียวปิดปากหาวหวอด ๆ น้ำตาซึม
“ต่อไปมึงต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังกู ห้ามหนีไปนอนนอกห้องอีก เข้าใจรึเปล่า”
“ถ้าไม่อยากให้หนีก็อย่าหายตัวไปเฉย ๆ สิ ไม่รู้เหรอว่าการอยู่ในห้องคนเดียวลำพังมันน่ากลัว”
“เออ วันหลังกูจะหนีบมึงไปด้วยทุกที่ ไม่ต้องเป็นมันแล้วเมีย เป็นลูกกูไปเลยเถอะ! “
“เป็นลูกทำเรื่องอย่างว่าไม่ได้นะ เฮียทนได้หรอออ~”
นิมมานเงยหน้าขึ้นมายักคิ้วหลิ่วตาท้าทายปนยิ้มเยาะ ทำเอาไตรวิชญ์มุมปากกระตุก นัยน์ตาวาวโรจน์ด้วยเปลวไฟลุกโชน เขาโน้มตัวยื่นหน้าไปใกล้ใบหูเล็ก กระซิบประโยคหนึ่งให้เด็กอวดดีเข้าใจตรงกัน
“ทำไมจะเอากันไม่ได้ ในเมื่อกูเป็นพ่อทูนหัวของมึง”
ปลายนิ้วชี้เชยคางเรียวมนให้ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักแหงนเงยขึ้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ไตรวิชญ์ยกหน้าขึ้นมามองสบดวงตาเรียวสวยดำขลับเหมือนตากวาง รอยยิ้มร้าย ๆ ที่ผุดพรายบนริมฝีปากหนาราวกับจะประกาศให้รู้ชัยชนะ โดยไร้ซึ่งความเห็นใจอย่างสิ้นเชิง
ความมั่นใจเกินร้อยสร้างความเจ็บแค้นเคืองขุ่นให้คนน้องไม่น้อย เมื่อเถียงอย่างไรก็ไม่ชนะก็ไล่กัดนมคนพี่มันซะเลย!
แต่ไล่งับไล่กัดอีท่าไหนไม่รู้ พอรู้สึกตัวตื่นอีกที บนตัวเขาถึงมีแต่รอยดูดรอยกัดที่อีกฝ่ายทิ้งไว้เต็มไปหมด
น่าโมโห…น่าหมั่นไส้จริง ๆ เลย ฮึ่ย!