ตอนที่ 7/2 ‘ตามล่าตัว’

2081 Words
จากนั้นร่างสูงใหญ่ก็พากลิ่นอายคุกคามอันตรายเดินผ่านหน้าของทั้งสองคนไปยังด้านหลัง ตลอดทางก็ปล่อยกลิ่นน่ายำเกรงให้คละคลุ้งไปทั่วจนพวกที่เพิ่งยอมโผล่หัวมาตัวลีบตัวสั่นแทบทรุดไปกองกับพื้นเพราะแข้งขาอ่อนแรงกะทันหัน แต่ก็พยายามกลั้นใจไว้ยืนกุมมือก้มหน้าหลบสายตาเฉี่ยวคมน่ากลัวของผู้เป็นเจ้านาย ไตรวิชญ์ดึงสายตาดุเหี้ยมกลับไปเริ่มเดินออกหาตัวไอ้เด็กมะลิจอมวุ่นที่หายตัวไปอย่างใจกล้า ต่อให้ประตูหน้าจะไม่มีการ์ดคอยเฝ้าเด็กนั่นก็คงไม่โง่พอวิ่งลิ่วหนีจากทางประตูหน้าหรอก เมื่อตัดตัวเลือกนั้นออกไปก็เหลือแค่ประตูข้างกับประตูหลัง สองขาเพรียวยาวก้าวเร็วไปยังสวนด้านหลัง แต่เท้ากลับหยุดชะงักเมื่อได้กลิ่นตัวเองลอยมาจากด้านข้าง ดวงตาแดงก่ำเจิดจ้าขึ้นวูบหนึ่งก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา หันเหไปยังทิศทางที่ได้กลิ่นหอมหวานเจือปนมากับกลิ่นเขา ประตูข้างมีคนเฝ้าอยู่สองคน จำได้ว่าเป็นเพียงคนงานทำสวนที่ไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบตรงนี้ นี่ก็คงเป็นคำสั่งของแม่อีกสินะ ทั้งสองคนพอเห็นคุณชายรองว่าที่ผู้นำตระกูลคนต่อไปมาเยือนถึงที่ก็ทรุดไปนั่งคุกเข่าที่พื้นตัวสั่นงันงก เพราะกลิ่นอายคุกคามน่าครั่นคร้ามเจือกระแสความกราดเกรี้ยว กดข่มให้อัลฟ่าและเบต้าหางแถวหวาดกลัวจนหัวหด หัวใจเหมือนถูกน้ำแข็งปกคลุมไว้ ไตรวิชญ์ปรายตามองอย่างกรุ่นโกรธ ทั้ง ๆ ที่เด็กนั่นผ่านประตูนี้ออกไปก็ยังไม่รู้ตัว ร่างสูงก้าวผ่านทั้งสองคนไปโดยไม่พูดอะไรเข้าสู่อาณาเขตป่าซึ่งยังอยู่ภายในอาณาจักรของหิรัญรชต แหงนหน้าสูดกลิ่นกายเฉพาะตัวของเขาที่ผสมผสานกับกลิ่นหอมหวานรัญจวนของนิมมาน ในป่าฟ้าจะมืดเร็วกว่าปกติเพราะถูกบดบังด้วยเงาต้นไม้ อากาศจะเย็นลงกว่าด้านนอก แถมบรรยากาศยังวังเวงชวนหวิวโหวงในใจ ไตรวิชญ์คุ้นชินกับพื้นที่แถบป่าผืนนี้แล้ว ตอนเด็ก ๆ พ่อของเขาจะพาลูก ๆ ทั้งสามคนออกมาเดินเล่นทำความคุ้นเคยกับสถานที่ไว้ ทั้งยังฝึกทักษะการเอาตัวรอดในทุกสถานการณ์ ให้ไปบุกน้ำลุยไฟ จำลองเหตุการณ์เวลาถูกลอบทำร้ายหรือโดนลักพาตัว ด้วยความที่พวกเขามาจากตระกูลใหญ่ในเขตกลางที่เหล่าอัลฟ่าชั้นสูงจ้องแต่จะเล่นงานเพื่อช่วงชิงเอาผลประโยชน์ไป จึงตกเป็นเป้าหมายให้พวกศัตรูคิดทำร้าย ลักพาตัวไปเพื่อใช้เป็นข้อต่อรองกับตระกูล และพวกเขาสามคนพี่น้องก็เคยเจอสถานการณ์พวกนั้นมาหมดแล้วในวัยเด็ก ถ้าไม่เพราะพ่อช่วยอบรมสั่งสอนเคี่ยวเข็ญจนเก่งกาจเกินเด็กในตอนนั้น พวกเขาแต่ละคนคงอายุสั้นไปนานแล้ว ไตรวิชญ์พ่นลมหายใจแรง ๆ พยายามควบคุมสติอารมณ์ให้เย็นลง นัยน์ตาคมกล้าสะท้อนแสงเจิดจ้าในความมืดกวาดมองไปรอบด้านอย่างระแวดระวัง ถึงในป่าจะไม่มีสัตว์ใหญ่ดุร้ายเหมือนพวกเสือ แต่ก็ยังมีพวกงู ตะขาบ กระต่ายป่าที่หลบซ่อนอยู่ตามโพรง ส่วนใหญ่อัลฟ่าไม่กลัวพวกสัตว์พิษอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะโดนงูกัดเข้าไปจะไม่ตาย แต่กลิ่นพิเศษของพวกเขาคอยข่มพวกมันไม่ให้เข้าใกล้ แตกต่างจากโอเมก้าอ่อนแอที่พวกมันไม่ได้รู้สึกถึงความน่ากลัว ทำให้อยากพุ่งเข้าหาอย่างเป็นอริศัตรู เดินตามกลิ่นที่ลอยมาเรื่อย ๆ ก็ยิ่งกำหมัดแน่นขึ้น นัยน์ตาคมดุฉายแววอำมหิตเยียบเย็นเหมือนพร้อมจะฆ่าใครสักคนให้ตายคามือ ยิ่งใกล้กลิ่นก็ยิ่งฉุนแรงจนแสบจมูก กลิ่นของความกลัว ความกังวล ความหวาดหวั่น แค่หลับตาลงก็จินตนาการออกถึงใบหน้าเจิ่งนองน้ำตาของอีกคน เพียงเท่านั้นร่างสูงก็เครียดขมึงทวีความดุร้ายเหี้ยมเกรียม คลื่นความกดดันแผ่กระจายข่มขวัญสัตว์เล็ก ๆ ที่ส่งเสียงหวีดแหลมชวนรำคาญหูให้แตกกระเจิงหนีไป ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าตามหาตัวป่วนที่กล้าทำให้เขาคนนี้ร้อนใจจนอยู่ไม่สุข เผลอคิดไปต่าง ๆ นานาว่าอีกฝ่ายจะบังเอิญไปเจอกับอะไรเข้าหรือไม่ จะกำลังร้องไห้หวาดกลัวแค่ไหนในป่าใหญ่แห่งนี้ จนกลายเป็นการออกวิ่งสุดฝีเท้าโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่อยู่รอบข้างวิ่งผ่านสายตาไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมาหยุดลงตรงหลุมกว้างที่ไม่ลึกมาก เพราะกลิ่นทุกอย่างมารวมกระจุกอยู่ตรงนี้ที่เดียว ไตรวิชญ์ขยับปลายเท้าเข้าไปปากหลุมมากขึ้นชะเง้อคอมองลงไปก็เห็นก้อนกลม ๆ ขดตัวอยู่ด้านล่าง ได้ยินเสียงสะอื้นลอยมาไม่หยุด ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว ขนาดเขาเข้ามาใกล้ยังไม่รู้สึกตัวเลย ไม่ได้กลิ่นเขารึไง ไอ้เด็กนี่! ใบหน้าคมเข้มเจือแววคุกรุ่น ดวงตาลึกล้ำสาดประกายเรืองรองดุจเปลวไฟกะพริบวิบไหวด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ถาโถมพุ่งเข้าใส่อย่างกะทันหันจนตั้งตัวไม่ทัน รู้แต่ว่าทั้งดีใจทั้งโกรธจนหัวร้อน พาร่างตัวเองกระโดดลงไปหานิมมานที่เริ่มได้สติรับรู้ถึงการมาของเขา และเมื่อเขาไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาเรียวเล็กวาวใสด้วยหยาดน้ำตา ใบหน้าน่ารักยับย่นแทบดูไม่ได้ ชายหนุ่มย่อตัวนั่งคุกเข่าข้างเดียวเอื้อมมือกระชากแขนคนหนีมาเข้าหาตัว แต่แทนที่อีกฝ่ายจะกลัวดันโถมกายเข้ากอดรัดเขาแน่น ปล่อยโฮออกมาเสียงดังอย่างไม่คิดปิดบังความกลัวที่มีต่อสถานที่แห่งนี้ จนร่างสูงใหญ่ล้มลงไปนั่งโดยมีร่างเล็กบางปีนขึ้นมาคร่อมทับกอดเอวไว้แน่น ไตรวิชญ์ไม่ได้กอดปลอบ แต่กลับดันร่างจอมดื้ออกแล้วจับหันหลังผลักให้คุกเข่าคลานสี่ขา นิมมานถึงกับตกใจหน้าเหวอ น้ำตายังคงไหลลงมาไม่หยุด กางเกงสองสามตัวที่ยัดใส่มาถูกกระชากลงไปจากบั้นท้ายขาวอวบ รู้สึกถึงบางอย่างที่ร้อนลวกเหมือนแท่งเหล็กลนไฟกำลังจ่อประชิดช่องทางหลัง ดวงตาเรียวเบิกกว้างหลุดเสียงร้องครางอย่างกลั้นไม่อยู่ และทันทีที่ร่างกายของพวกเขาผสานกันเป็นหนึ่งเดียวจนแนบสนิทไม่เหลือช่องว่าง คนด้านหลังก็โถมกระหน่ำเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับจะระบายความโกรธเกรี้ยวไม่พอใจที่สุมแน่นอยู่เต็มอกใส่เขา แทนคำดุด่าว่ากล่าว มีเพียงการเคลื่อนไหวหนักหน่วงภายในตัวเขาเท่านั้นที่อธิบายความรู้สึกทั้งหมดของอีกฝ่ายตอนนี้ได้ชัดเจน นิมมานหวีดร้องเสียงแหลมทั้งเจ็บทั้งเสียว น้ำตาร่วงรินลงไม่ขาดสาย ก่อนจะโน้มตัวลงฟุบหน้าบนท่อนแขนครวญครางดังระงม แผ่นหลังแอ่นโค้งยอมรับการลงทัณฑ์แสนเร่าร้อนรุนแรงด้วยความกระสันซ่านคลุ้มคลั่งแต่โดยดี ทั้งร่างโยกคลอนสั่นไหวตามแรงกระแทกกระทั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ตัณหา แม้อัลฟ่าโหดจะไม่ได้สัมผัสเขาด้วยความทะนุถนอม แต่กระแสความห่วงใยเพียงน้อยนิดกลับส่งผ่านมายังร่างกายเขา ปัดเป่าความเจ็บปวดให้กลายเป็นปีติยินดีน้อมรับด้วยความเต็มใจ ตอนที่เขารู้ว่าอีกฝ่ายออกมาตามหา ไม่ว่าจะด้วยความโกรธหรือเสียดาย ทว่าเขากลับรู้สึกดีใจจนหลงลืมไปว่าตัวเองต้องการหนีจากอีกคนไปให้พ้น ๆ ถึงเผลอโถมกายเข้ากอดรัดอย่างลืมตัว ไตรวิชญ์แหงนคอขึ้นคำรามเสียงดังก้องป่าจนฝูงนกแตกกระเจิงตีปีกบินหนีไปจากต้นไม้ สองมือหนาจิกลงบนบั้นท้ายขาวอวบดึงรั้งให้กระแทกเข้าหาตัวสอดรับกับจังหวะโถมกระหน่ำหนักหน่วง นัยน์ตาแดงก่ำราวกับสีเลือดวาวโรจน์จ้องเขม็งแผ่นหลังโค้งเว้า หรี่มองโอเมก้าน้อยที่ฟุบหน้ากับแขนแนบพื้น โก่งตูดขึ้นให้เขากระทำชำเราโดยไร้การขัดขืนกรีดร้องไม่จำนน เหมือนตัวเมียที่ยินยอมให้ตัวผู้เสพสมลิ้มรสร่างกายตัวเองจนกว่าจะพอใจ เรือนกายสูงใหญ่โน้มตัวลงไปทาบทับร่างเพรียวบาง สูดกลิ่นหอมฟุ้งด้วยความกำหนัดเสน่หาลุ่มหลงในรสกาม แววตามืดดำตกอยู่ในห้วงปรารถนาลึกล้ำ จิตวิญญาณกู่ร้องให้บดขยี้ฉีกกระชากทุกสิ่ง ช่วงชิงทุกอย่างที่เป็นของเด็กนี่มาให้หมด ท่ามกลางความเหน็บหนาวร่างกายทั้งสองคนกลับร้อนระอุพลุ่งพล่าน เสียงครางกระเส่าแว่วหวานดังขึ้นต่อเนื่องผสานเสียงครางต่ำแหบพร่า วงแขนแกร่งสอดเข้าใต้รักแร้ของร่างบอบบางรั้งตัวให้ขึ้นมานั่ง โดยที่ท่อนเนื้อแข็งขึงยังโจมตีช่องทางรักไม่หยุด อัดกระแทกครั้งแล้วครั้งเล่าจนนิมมานพุ่งถึงจุดสุดยอดปลดปล่อยออกมาในที่สุด ไตรวิชญ์เร่งความเร็วขึ้นอีก ลมหายใจหอบกระชั้นเสียวซ่าน ยิ่งใกล้แตะขอบสวรรค์ อารมณ์ใคร่ก็ยิ่งกลืนกินสติสัมปชัญญะคิดแต่จะปลดปล่อยความสุขสมนี้ สายตาร้อนแรงลุ่มลึกหรี่มองลำคอขาวที่มีรอยตราของเขาประทับอยู่ ลิ้นสากตวัดเลียเขี้ยวคม ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัว ในเมื่อมันไม่รู้ว่าเป็นของใคร เขาก็จะย้ำเตือนให้รู้ชัด ๆ อีกครั้งว่ามันเป็นของเขา! กึก อัลฟ่าหนุ่มก้มกัดหลังคอโอเมก้าของตนเต็มแรงพร้อมกับฉีดพ่นน้ำเชื้อเต็มรูรักด้านหลังที่ตอดรัดแน่นรีดเคล้นลาวาขุ่นข้นจนหมดทุกหยาดหยด ท่ามกลางเสียงร้องครางเครือด้วยความเจ็บระคนสุขสม แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ไตรวิชญ์น็อต แก่นกายยึดติดกับผนังอ่อนนุ่มจนคับแน่นขยับถอยห่างไม่ได้ ท่อนเนื้อของเขายังคงกระตุกปล่อยน้ำเข้าสู่ร่างกายบอบบางเป็นระยะ ต่างฝ่ายต่างเหน็ดเหนื่อยหอบโยนเพราะเสียพลังงานไปมาก ไตรวิชญ์พรูลมหายใจออกจากปาก มองดูท่อนลำที่ค้างคาในรูสวาทด้วยสีหน้าแววตาอ่านยาก กว่าจะหายติดล็อกก็คงใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง จะให้นั่งค้างในท่านี้ก็ลำบากเกินไป เขาถึงเหยียดขายาวกับพื้น ดันตัวเองให้ถอยไปชิดกับด้านข้างของหลุม แผ่นหลังกว้างเอนพิงในท่วงท่าสบายขึ้น โดยมีร่างบางนั่งทับตักหันหลังให้ ก่อนอีกฝ่ายจะขยับยุกยิกบดบั้นท้ายกับท่อนเนื้อของเขาจนคิ้วเข้มกระตุกขบกรามแน่น ใบหน้าเรียวเล็กหันมองอย่างสงสัยระคนหวั่นกลัว แต่พอเห็นว่าไม่ถูกดุด่าก็พยายามจะหมุนตัวหันไปหาคนร่างสูง ทว่าอวัยวะที่ยึดติดในตัวเขาก็ทำให้เจ็บจนต้องหยุดอยู่นิ่ง ๆ หมุนตัวไปได้แค่หน่อยเดียวเอง นิมมานใช้แขนสองข้างสอดกอดเอวหนาไว้ ซุกหน้ากับอกแกร่งราวกับเจอทีที่ปลอดภัยสำหรับตัวเองแล้ว ไม่นานเปลือกตาก็ค่อย ๆ ปิดลง ความอ่อนเพลียและหวาดกลัวทำให้อ่อนล้าไปทั้งกายใจ หลับใหลไปในอ้อมแขนของอัลฟ่าเถื่อนที่เป็นคู่แห่งโชคชะตาของตัวเองอย่างโล่งใจ ทิ้งให้คนมีโทสะโมโหแทบคลั่งต้องนั่งระงับสติอารมณ์พลุ่งพล่านเดือดดาลไว้ คนก็ได้กลับมาแล้ว ความโกรธก็ระบายออกไปบ้างแล้ว เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลังเถอะ ค่อยจัดการลงโทษอีกที วงแขนแกร่งกอดกระชับร่างน้อยแน่นขึ้น ใบหน้าซุกลงกับซอกคอหอมเย็นกรุ่นกลิ่นหวานละมุนของดอกมะลิช่วยปัดเป่าหอบพาความกังวลไม่สบายใจให้ปลิวหาย กายเนื้ออบอุ่นของอีกคนที่สัมผัสอยู่ในตอนนี้ช่วยให้ความกลัวในใจเบาบางลงจนจังหวะการเต้นหัวใจค่อย ๆ กลับคืนสู่ความปกติ ในราตรีที่ไร้แสงจันทร์และแสงดาวสอดส่องทอดลงมายังเบื้องล่าง ภายในใจของทั้งสองคนกลับรู้สึกถึงความจริงบางอย่างที่แจ่มชัดขึ้น หัวใจขยับเข้าใกล้อีกนิดโดยที่พวกเขาต่างรู้ดีว่านั่นหมายถึงอะไร แต่หากคิดจะหักห้ามไว้คงต้องทนทรมานต่อสัญชาตญาณที่เรียกร้องและโหยหาคู่ของตน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD