ตอนที่ 4 'เรียกพี่หรือเฮีย'

3212 Words
นิมมานสะดุ้งตื่นตกใจใบหน้าซีดเผือด หลังจากฝันว่าตัวเองวิ่งหนีหมาป่าสีน้ำตาลเข้มตัวใหญ่สุดชีวิต ก่อนจะถูกมันตะปบหลังล้มลงบนพื้นแล้วโดนอุ้งเท้าหน้ากดไหล่ไว้ หลังคอถูกกัดจมเขี้ยวเลือดอาบ ความเจ็บปวดหลั่งไหลเข้ามาจนน้ำตาไหลพราก สติเลือนรางเต็มทน แต่ที่เลวร้ายยิ่งกว่าคืออะไรบางอย่างที่ร้อนลวกกำลังจดจ่ออยู่ช่องทางหลัง เขาเบิกโพลงรีบดิ้นหนีอีกครั้ง ลางสังหรณ์บอกว่าบางสิ่งที่น่ากลัวกว่ากำลังจะเกิดขึ้น สัญชาตญาณของเขาร้องเตือนให้ทำทุกทางเพื่อปกป้องสิ่งสำคัญของตัวเองเอาไว้ เพียงแต่พละกำลังของหมาป่าดุร้ายด้านหลังมีมากเกินไป ไม่ว่าจะถีบตัวหนียังไงก็ดิ้นไม่หลุด แล้วท่อนเนื้อร้อนระอุก็กดแทรกเข้ามาในโพรงนุ่ม ราวกับถูกมีดกรีดเฉือนเนื้อ เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างกายสั่นเทาเหมือนลูกนกพลัดตกจากที่สูง หัวใจเต้นระรัวดังอื้ออึงอยู่ในหัว การกระทำรุนแรงป่าเถื่อนยังคงดำเนินต่อไป ยิ่งนานยิ่งก็เหมือนมีบางอย่างเชื่อมติดเข้าด้วยกัน ความเจ็บลดทอนลงถูกแทนที่ด้วยความเสียวซ่าน ความต้องการเอ่อล้นออกมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ โหยหาการรุกรานจากเรือนร่างหนาหนักด้านหลัง อยากสัมผัสได้ถึงความอิ่มเอมยามที่หมาป่าตัวนั้นเคลื่อนไหวจดจ่ออยู่บนตัวเขา นี่มันฝันร้ายชัดๆ เขาจะไปอยากมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสัตว์ป่าขนฟูฟ่องแบบนั้นได้ยังไง! ดวงตาเรียวสวยกะพริบถี่ๆ กวาดมองเพดานสีขาวสะอาดตาปราศจากหยากไย่ ฝุ่นที่เกาะติดตามหลอดไฟก็ไม่มี แต่ว่าห้องนี้ดูไม่เหมือนกับห้องที่เขาเช่าอยู่เลย แอร์เย็นๆ แบบนี้ก็ไม่มีในห้องเขาด้วย แปลว่าตอนนี้เขาอยู่ที่อื่น แล้วนี่มันห้องของใคร? แล้วความทรงจำก็ไหลบ่าเข้ามาในหัวราวกับถูกน้ำป่าซัด ปวดหัวจี๊ดๆ จนต้องยกมือกุมขมับหน้าเหยเก ถึงภาพทุกอย่างจะพร่าเบลอเหมือนมีหมอกปกคลุมบางๆ แต่ทั้งสัมผัสรุนแรง น้ำเสียงดุดัน ลมหายใจหนักหน่วง และความร้อนที่ถ่ายทอดมาจากร่างกำยำด้านหลัง ทุกอย่างคือเรื่องจริง ความจริงที่ว่าเขาเพิ่งถูกอัลฟ่าที่ไหนไม่รู้ข่มขืน มิหนำซ้ำยังถูกกัดคอผูกพันธะไปแล้วด้วย ความสะเทือนใจทำให้เด็กหนุ่มน้ำตาไหลพรากเป็นสาย แววสิ้นหวังปรากฏชัดในดวงตาเรียวสวย เสียใจอย่างสุดจะบรรยาย ห้องนี้มีแต่กลิ่นของอัลฟ่าคนนั้นกระจายอยู่เต็มไปหมด ทั้งเตียงที่เขานอนอยู่ ทั้งหมอน ทั้งผ้าห่มที่คลุมบนร่าง ถึงจะรู้สึกรังเกียจจนอยากสะบัดออกไป แต่กลิ่นอบอุ่นเข้มแข็งและทรงพลังกลับทำให้เขารู้สึกปลอดภัยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ร่างเพรียวบางพลิกตัวไปกอดหมอนใบโตซุกจมูกสูดกลิ่นหอมของไอแดดยามบ่าย น้ำตาหลั่งรินไม่ขาดสายด้วยความสับสนว้าวุ่นใจ ไม่รู้จะทำยังไงกับความรู้สึกของตัวเองดี ตลอดเจ็ดวันที่ฮีทเขาจำได้เลือนรางว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง วันแรกอาจพูดได้ว่าเขาถูกขืนใจ แต่วันต่อๆ มาใครจะนึกว่าเขาจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เต็มอกเต็มใจให้ผู้ชายคนนั้นรังแกซะเอง โอเมก้ามันน่าสมเพชแบบนี้แหละ ต่อต้านสัญชาตญาณเพรียกหาคู่ของตัวเองไม่ได้เลย แก๊ก เสียงลูกบิดประตูที่ดังลอดเข้ามาทำให้นิมมานสะดุ้งรีบพลิกตัวกลับมาจ้องเป๋งไปยังทางเข้า แค่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแข็งแกร่งคุ้นเคยทั้งร่างก็สั่นสะท้านขึ้นมาดื้อๆ รีบกระถดตัวหนีไปจนสุดขอบเตียงของอีกฝั่ง ผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาแล้ว เสียงฝีเท้าหนักแน่นมั่นคงดังสะท้อนในความเงียบแข่งกับเสียงหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำของเขา กลัวจนเหงื่อแตกซิก ฝ่ามือเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็ง ไตรวิชญ์มองไปทางร่างบางที่นอนกอดผ้าห่มอยู่ริมเตียงด้านใน ดวงตาดำขลับสั่นไหวหวาดหวั่น แผ่กลิ่นของสัตว์ตัวเล็กที่กำลังตื่นกลัว แต่แทนที่จะให้ความรู้สึกสงสารอยากโอบกอดไว้อย่างทะนุถนอม กลับกระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนในกายให้พลุ่งพล่านจนอยากกระโจนเข้าขย้ำซะมากกว่า นันย์ตาสีน้ำตาลแดงหรี่ต่ำพลางแค่นเสียงหัวเราะผ่านลำคอหนา ทุกครั้งที่เห็นโอเมก้าตัวสั่นด้วยความกลัวจนหลุดร้องไห้ออกมาเพราะทนแรงกดดันไม่ไหว เป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหล่าอัลฟ่ารู้สึกสนุกมากที่สุด แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องไร้สาระ แต่มันคือความพึงพอใจในฐานะผู้นำที่ข่มให้พวกชั้นล่างยอมเชื่อฟังและทำตามอย่างไร้เงื่อนไข “ได้สติสักที กูรอให้มึงหมดฮีทจะได้พูดคุยกันอย่างจริงจัง แล้วก็เลิกทำท่าเหมือนกูจะไปฆ่าแกงมึงสักที ถ้าคิดจะฆ่ามึงคงไม่มีลมหายใจอยู่จนถึงตอนนี้หรอก” ร่างสูงใหญ่สวมเสื้อยืดคอวีสีดำกับกางเกงขาสั้นสีขาว เส้นผมสีน้ำตาลเซ็ตไปด้านหลังเปิดหน้าผากกว้างทำให้โครงหน้าหล่อเถื่อนชัดเจน ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ข้างเตียงมองคู่แห่งโชคชะตาที่ขมวดคิ้วหน้าเครียดแทบจะลุกหนีลงจากเตียงไปหลบอยู่ตรงประตูระเบียง ถ้าไม่ติดว่าถูกมือเขาคว้าตัวไว้ได้ทัน เด็กนี่คงกระโจนหนีกระโดดออกนอกหน้าต่างไปแล้ว “ปล่อยกูนะ มึงจะทำอะไร!” “เฮ้ยๆ พูดจาแบบนี้กับคนที่อายุมากกว่ามึงงั้นเหรอ จะหยาบคายเกินไปหน่อยมั้ง กูไม่ใช่เพื่อนเล่นของมึง ถ้ายังพูดหยาบคายกับกูอีก กูจะเลาะฟันมึงออกมาตามจำนวนครั้งที่มึงพูด” “อื้อ จะ เจ็บ!” ไตรวิชญ์มองด้วยสายตาดุดันแข็งกร้าว อุ้งมือใหญ่ยังคงบีบกรามของเด็กหนุ่มหน้าสวยไม่ยอมคลายแรงลงแม้แต่นิด นิมมานเจ็บกรามจนน้ำตาซึม ใช้สองมือจับมือหนาของอีกฝ่ายออก พยายามจะงัดแงะจิกเล็บแรงๆ ให้หลุดจากคางแต่กลับไม่ขยับเลยสักนิด มันแน่นหนาราวกับคีมเหล็ก เรี่ยวแรงก็มากกว่าเขาไม่รู้กี่สิบเท่า นี่เขากำลังเผชิญหน้ากับคนประเภทไหนอยู่ แรงกดดันที่แผ่ออกมามากมายมหาศาลอย่างที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน รุนแรงยิ่งกว่าอัลฟ่าทุกคนที่เขาเคยเฉียดเข้าใกล้ เหล่าอัลฟ่าและโอเมก้าต่างมีสัญชาตญาณของสัตว์ป่าแฝงอยู่ในกาย หมาป่าจะมีจ่าฝูงที่คอยนำกลุ่ม คนคนนี้มีกลิ่นพิเศษแบบนั้น ดูยิ่งใหญ่กว่าหมาป่าตัวอื่น น่ากลัวยิ่งกว่าใครทั้งหมด…แค่อยู่ใกล้ก็แทบหายใจไม่ออกแล้ว ทำไมโลกนี้ต้องมีเพศรองด้วย เขาไม่ได้อยากอ่อนแอแต่เพราะร่างกายของโอเมก้าถูกกำหนดมาให้เป็นอย่างนี้ ให้ต้องกลายเป็นผู้แพ้ตั้งแต่เริ่มต้น จะให้ไปต่อกรกับอัลฟ่าที่มีพละกำลังมากกว่า แล้วยังแข็งแกร่งโดยที่ไม่ต้องพยายามทำอะไรได้ยังไงไหว สติชักจะพร่าเลือนแล้วสิ เวียนหัวมากขึ้นทุกทีแล้ว แต่ก่อนที่นิมมานจะหมดสติไป แรงบีบที่ปลายคางก็ยอมคลายลงเล็กน้อย ความกดดันที่ถูกส่งมาก็เบาบางลงแค่พอให้ได้หายใจง่ายขึ้น นิมมานกะพริบตาเลิกกลั้นหายใจ หัวก็ไม่มีอาการวิงเวียนแล้วด้วย แม้จะรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยที่อีกฝ่ายยอมลงให้ แต่คนคนนี้รู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าเมื่อกี้เกือบทำเขาสลบแล้วนะ ใช่คู่แห่งโชคชะตาเขาแน่เหรอ เปลี่ยนตัวตอนนี้ยังทันไหม ไตรวิชญ์ยอมคลายมือออกก็จริง แต่ไม่ได้คิดจะปล่อยมือ เพราะถ้าหากอีกฝ่ายยังกล้าท้าทายขีดความอดทนของเขาด้วยการพูดจาหยาบคายไม่รู้จักพี่จักน้องอีก คงต้องมีการสั่งสอนกันบ้าง ถ้าไม่เผลอบีบกรามเด็กนี่จนแตกละเอียดคามือก็คงดี “เลือกมา จะเรียกกูว่า ‘พี่’ หรือ ‘เฮีย’ นอกจากสองตัวเลือกนี้กูไม่รับฟังคำอื่น และถ้ามึงยังขึ้น ‘กูมึง’ กับกูอีก บางทีพรุ่งนี้ศพมึงคงไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง” นิมมานถึงกับลมหายใจสะดุด มีใครที่ไหนพูดจาข่มขู่คนอื่นได้หน้าตาเฉยเหมือนกับเป็นเรื่องปกติอย่างนี้บ้าง น้ำเสียงแววตาไม่ได้บอกถึงการล้อเล่น ไม่ได้แค่แกล้งขู่ให้กลัวไปงั้นๆ คนคนนี้เอาจริงแน่ถ้าเขายังพูดจาหยาบคายเหมือนเดิม นิมมานเป็นคนฉลาดรู้จักปรับตัวไปตามสถานการณ์ หากเห็นว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงจะถูกทำร้าย จะรีบหาทางออกด้วยความเร็ว เมื่อรู้ว่าไม่สามารถต่อกรกับคนตรงหน้าในเวลานี้ได้ ก็ครุ่นคิดว่าควรจะเลือกตัวเลือกไหนที่ถูกเสนอมาดี “พี่…เฮีย…” เสียงหวานหลุดดังออกมาเบาๆ เมื่อลองพิจารณาดูแล้วเรียกพี่น่าจะเหมาะสมกว่า เพราะคำว่าเฮียดูจะสนิทสนมกับคนคนนี้มากเกินไป พวกเขาเพิ่งเจอกันเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน แต่ถึงกระนั้นนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้มองหน้าผู้ชายคนนี้เต็มตา หลังจากตัดสินใจได้เด็กหนุ่มก็อ้าปากเตรียมจะตอบ หากแต่อีกฝ่ายกลับใจร้อนโพล่งตัวเลือกที่ตัวเองต้องการออกมาซะอย่างนั้น แล้วจะเสียเวลาถามเขาไปเพื่ออะไร “เรียกเฮียแล้วกัน น้องชายกูก็เรียกแบบนี้ อายุน่าจะพอๆ กับมึง ส่วนคำใช้เรียกแทนตัวให้แทนด้วยชื่อเล่น อยู่กับกูต้องตามใจกูทุกอย่าง กูพูดอะไรต้องฟัง กูห้ามอะไรต้องหยุด เพราะกูคือกฎ คนที่คิดแหกกฎกูไม่เลี้ยงไว้ ต่อให้มึงไม่เต็มใจจะอยู่ที่นี่ แต่ถ้ากูไม่อนุญาตให้มึงไป มึงก็ต้องอยู่ที่นี่ไปจนตาย ถ้าคิดจะขัดขืนไม่ยอมทำตาม เตรียมตัวเตรียมใจรับผลลัพธ์ที่จะตามมาได้เลย” ไตรวิชญ์ปล่อยมือออกจากคางเรียวมนของคนตัวบางพลางยืดตัวขึ้นเต็มความสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซ็นต์ ทำให้นิมมานที่กำลังขยับฟันกรามไปมาเพราะถูกบีบจนเจ็บต้องเงยหน้าขึ้นมองตาม ดวงตาคมกริบเหมือนใบมีดพร้อมตัดเฉือนทุกสิ่งดูน่ากลัวเหลือเกิน ถ้าสายตาสามารถฆ่าคนให้ตายได้ คนตรงหน้าเขาคงกลายเป็นฆาตกรพันศพ ทั้งป่าเถื่อนและโหดร้าย ไม่มีความปรานีให้กับใครทั้งนั้น สายตาช่างเปี่ยมด้วยพลังแห่งการฆ่าฟัน คนที่คิดเป็นศัตรูย่อมถูกปฏิบัติอย่างเลวร้าย ผู้ชายคนนี้เลือดเย็นได้มากกว่านี้ เขารับรู้ผ่านกลิ่นที่ปล่อยออกมา ถึงอีกฝ่ายจะพยายามกดไว้เพื่อไม่ให้เขาตื่นกลัวมากเกินไปจนพูดจาไม่รู้เรื่อง “ไปอาบน้ำแต่งตัวซะ อีกสักพักจะมีคนขึ้นมาตามมึงลงไปกินข้าว พ่อแม่กูอยากเห็นหน้ามึงด้วย อย่าทำตัวแย่ๆ ให้พวกท่านตำหนิ วางตัวให้ถูกกาลเทศะ รู้ว่าสิ่งไหนควรทำและไม่ควรทำ กูคงไม่ต้องสอนหรอกใช่ไหมว่าควรปฏิบัติตัวเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกท่านยังไง” นิมมานกัดริมฝีปากล่างมองดูคนพูดจาดูหมิ่นดูแคลนเขาเหมือนกับไม่รู้เรื่องอะไร ความจริงเขาควรต้องโกรธเกลียดทุกคนที่อยู่ที่นี่ แต่แค่ผู้ชายคนนี้คนเดียวก็ทำเขากลัวจนตัวสั่นไปหมด กว่าจะทำใจกล้าสบตาตรงๆ ได้ก็นานเกือบสิบนาที ถ้าต้องเจออัลฟ่าคนอื่นอีก เขาที่เป็นโอเมก้าจะรับแรงกดดันจากคนพวกนั้นไหวเหรอ แปะ “กูอยู่ทั้งคนจะกลัวอะไร ตราบเท่าที่มึงทำตัวน่ารัก เข้าใจอะไรง่ายๆ กูไม่คิดจะทำลายมึงทิ้งตอนนี้หรอก พ่อแม่กูใจดีประมาณหนึ่ง ท่านชอบเด็กพูดจาเพราะ รู้จักสัมมาคารวะเจอพ่อแม่กูอย่ามือไม้แข็งไหว้ไม่เป็น วันนี้มึงอาจเจอพี่กับน้องกูด้วย ยังไงซะก็เป็นวันแรกที่มึงรู้สึกตัว พวกมันไม่พลาดเรื่องสนุกหรอก” ฝ่ามือใหญ่ที่วางบนหัวช่างอบอุ่นเหลือเกิน ช่วยปัดเป่าความกลัวและความไม่สบายใจไปจนหมด หรือแม้กระทั่งคำพูดที่คล้ายกับจะปลอบใจของคนคนนี้ก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น แต่สัมผัสอ่อนโยนนั้นก็อยู่ได้ไม่นานเพราะเจ้าของมือนั้นชักกลับไป เหลือทิ้งไว้เพียงไออุ่นจางๆ ไตรวิชญ์หันหลังเตรียมเดินออกจากห้อง แต่ก็ไม่ลืมเหลือบตามองคนบนเตียงทิ้งท้าย อีกฝ่ายไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวเขาอย่างที่คิดไว้ เพียงแค่ชั่วระยะสั้นๆ ก็ปรับตัวให้เข้ากับเขาได้ น่าชื่นชม “ชื่อ…ชื่อของคุณ” “เรียกเฮียสิ” ตาดุๆ ตวัดมองอย่างไม่สบอารมณ์ นิมมานกัดปากนิ่วหน้า ไม่คุ้นชินกับคำเรียกอะไรพวกนี้เลย จะเรียกพี่ก็ไม่เอา ให้เรียกเฮียกลัวรีบๆ แล้วจะเผลอเรียกเหี้ยน่ะสิ “เฮีย…ชื่ออะไร?” ตรงคำว่าเฮียเขาพูดเสียงเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน แล้วก็รู้ด้วยว่าคนตรงหน้าไม่พอใจ สีหน้าถึงได้ดูดุดันขึ้นมาอีก เขาเลยแกล้งทำเป็นไม่มองหน้า ไม่รับรู้ถึงอารมณ์คุกรุ่นนั้นด้วย ก็ทำตัวเป็นผู้ใหญ่นี่ เรื่องแค่นี้คนโตๆ กันแล้วคงไม่ถือสาหรอกมั้ง “ไตรวิชญ์ ถ้าครั้งหน้าพูดจาไม่รู้ฟังอีกโดนดีแน่” นิมมานกลอกตาไปมองทางซ้ายไม่ได้พูดโต้อะไร จะว่ากลัวอีกฝ่ายก็ใช่อยู่ แต่แบบอยากกวนประสาทกลับบ้าง หลังจากถูกพูดข่มให้กลัวไปหลายประโยค ไหนจะท่าทางที่แสดงออกว่าเหนือกว่าเขาเสียเต็มประดานั่นอีก อัลฟ่านี่เย่อหยิ่งจองหองกันหมดทุกคนเลยหรือไง ไตรวิชญ์เลียเขี้ยวของตัวเองพลางมองใบหน้าด้านข้างของคนอวดดีอย่างหมั่นไส้ ตอนแรกก็เหมือนจะกลัวเขาอยู่หรอก แต่พอมาตอนนี้ชักจะเริ่มทำตัวไม่น่ารักใส่เขาซะแล้ว “ครั้งสุดท้ายพอนะที่จะทำตัวต่อต้านกูแบบนี้ อย่าให้มีบ่อยนะเพราะกูไม่ใช่พวกคนที่ชอบอดทนกับอะไรที่ไม่ชอบใจ” “คนอื่นก็ไม่ชอบใจเหมือนกันนั่นแหละ” นิมมานเผลอหลุดปากพูดโดยไม่ตั้งใจ รู้ตัวอีกทีก็ถูกใครอีกคนจ้องเขม็งเหมือนอยากจะจับเฉือดทิ้ง “ต่อปากต่อคำก็เป็นด้วย นึกว่าจะเป็นใบ้ จะอวดเก่งก็ได้ แต่ต้องมั่นใจว่าสู้คนคนนั้นได้ด้วย ไม่อย่างนั้นจะเจ็บหนักถ้าไปต่อกรผิดคน” นี่เป็นการเตือนครั้งแรก ไตรวิชญ์ถึงเลือกที่จะปล่อยผ่านไม่ทำอะไร แต่ครั้งต่อไปต้องมีบทลงโทษสำหรับเด็กอวดดีที่คิดจะกวนประสาทเขาให้ขุ่นมัว ใครๆ ต่างก็อยากเลี่ยงที่จะมีเรื่องกับเขา แต่เด็กนี่กลับทำตรงกันข้ามกล้าท้าทายเขาอย่างไม่เกรงกลัว หรือไม่ก็กลัวจนสมองเพี้ยนไปแล้ว ยิ่งมองยิ่งหงุดหงิด ยิ่งกระตุ้นให้อยากลงโทษหนักๆ นิมมานมองคนที่เดินออกไปจากห้องด้วยความรีบร้อนอย่างงงงวย แต่อีกฝ่ายออกไปซะได้ก็ดี แรงกดดันน่าอึดอัดจะได้เจือจางลง พออยู่ตัวคนเดียวในห้องก็ได้ยินแค่เสียงเครื่องปรับอากาศกับเสียงลมหายใจตัวเอง เด็กหนุ่มพลิกตัวไปอีกฝั่งซุกหน้ากับหมอนใบโตสูดกลิ่นเข้มแข็งเฉพาะตัวของอัลฟ่าหน้าโหด มุมปากผุดยิ้มเล็กน้อยรู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อนี้เยอะ ถึงกลิ่นจะไม่เข้มข้นเหมือนกับสูดดมจากตัวคน แต่ก็ช่วยให้โล่งใจอยู่บ้าง อีกเดี๋ยวเขาต้องลุกไปอาบน้ำแต่งตัวและลงไปพบพวกผู้ใหญ่ พวกท่านจะคิดว่าโอเมก้าอย่างเขายั่วยวนลูกชายของพวกท่านหรือเปล่า จะมองด้วยสายตารังเกียจเหมือนพวกอัลฟ่าคนอื่นที่ชอบมองเหยียดต่ำพวกเขาไหม แม้ว่าฝ่ายที่ผิดจะเป็นลูกชายของพวกท่านก็เถอะ ลูกชายดุดันน่ากลัวออกอย่างนี้ พ่อกับแม่จะเป็นคนแบบไหนกันนะ ช่างจะกังวลขึ้นมาอีกแล้วสิ เผลอๆ อาจต้องเจอกับบรรดาพี่น้องอีกฝ่ายด้วย “พูดง่ายดีนี่ ทำเหมือนว่าถ้ายอมเชื่อฟังจะไม่มีใครกล้าทำอะไรเรา ทั้งที่มีอัลฟ่าห้อมล้อมอยู่เต็มบ้านเนี่ยนะ โอเมก้าหลงเข้ามาในฝูงอัลฟ่าจะไปทำใจเย็นได้ยังไง” นิมมานบ่นอุบกับตัวเอง ก่อนจะถูจมูกไปมากับหมอนสูดกลิ่นหอมของอัลฟ่าโหดดุคนนั้นเข้าลึกสุดปอดจนชุ่มฉ่ำ เป็นกลิ่นแบบผู้ชายแมนๆ ยิ่งดมก็ยิ่งติดใจ คิดในทางทฤษฏีก็เพราะอีกฝ่ายเป็นคู่แห่งโชคชะตาของเขา การจะติดกลิ่นอัลฟ่าของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่แค่คาดไม่ถึงว่าในทางปฏิบัติจะรับมือยากอย่างนี้ ร่างเพรียวบางสูงราวร้อยเจ็ดสิบเซ็นต์คลานมายังอีกฝ่าย ก่อนจะหย่อนเท้าเหยียบพื้นทีละข้าง พอมายืนตัวตรงแล้วก็เพิ่งสังเกตเห็นเสื้อยืดตัวโคร่งสีครามที่สวมใส่อยู่ ไม่ต้องก้มไปดมก็รู้ว่าเสื้อใคร กลิ่นน่าเกรงขามแบบนี้ก็มีอยู่คนเดียว “อย่างกับตัวเองขโมยเสื้อผู้ใหญ่มาใส่” เขากางแขนสองข้างออก ขนาดตัวหลวมโพรก ชายเสื้อยาวคลุมสะโพก ส่วนแขนก็ยาวเลยข้อมือเป็นคืบ มองไม่เห็นปลายนิ้วเลย “คนคนนี้ดูแลเรามาตลอดเจ็ดวันเลยเหรอ” หน้าตาแบบนั้น นิสัยแบบนั้น ไม่คิดว่าจะดูแลคนอื่นเป็นด้วย ในส่วนที่ร้ายก็เห็นได้ชัดจากบุคลิกที่แสดงออก ส่วนที่ดีๆ ก็คงเป็นเรื่องนี้สินะ ตลอดเจ็ดวันที่คลุกอยู่ด้วยกันบนเตียง มีบางครั้งที่เขามีสติรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรู้สึกตัวและทำทุกอย่างไปตามสัญชาตญาณเรียกร้องก็เถอะ แต่คนคนนี้ไม่เคยปล่อยให้คนนอกก้าวล้ำเข้ามาในห้อง นอกจากหมอที่เป็นอัลฟ่าคนนั้นคนเดียว เพราะได้ยากินกับยาทามาเขาถึงไม่ได้บาดเจ็บมีเลือดออกอย่างที่นึกกลัว หน้าก็ดุ นิสัยก็ร้าย แต่กลับใส่ใจคนอื่นอย่างไม่น่าเชื่อ เนื้อตัวเขาหอมสะอาดไม่เหนียวเหนอะหนะเลย เพราะงั้นคนที่คอยอาบน้ำถูสบู่และเปลี่ยนชุดให้ก็คงเป็นคนคนนี้นี่แหละ “เป็นผู้ชายแบบไหนกันแน่นะ” ควรจะเกลียดหรือว่ากลัวดี แต่ที่แน่ๆ ทำใจให้หลงรักคนคนนี้ไม่ลงจริงๆ คู่แห่งโชคชะตาของเขาขอเปลี่ยนเป็นคนอื่นยังทันไหมนะ อนาคตจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร เขาคาดเดาไม่ออกเลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD