“คุณๆมากันแล้ว โอ๊ะ! นี่หนุ่มหล่อที่ไหนคะเนี่ย” พุดซ้อนถามออกไปยิ้มๆดีใจมากที่เจ้านายหนุ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาแบบนี้สิถึงจะมัดใจคุณผลิตาได้ หล่อนอยากให้เจ้านายทั้งสองคนกลับมาคืนดีกันไวๆ
“คุณพ่อของลินีเองค่า คุณพ่อหล่อที่สุดเลย” สาวน้อยบอกออกไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ
“ฮ่าๆ วันนี้มีอะไรทานบ้างครับ”
“มีหลายอย่างเลยค่ะ ลองทานดูนะคะถ้าเมนูไหนไม่ถูกปากป้าจะให้แม่ครัวปรับปรุงใหม่” พุดซ้อนบอกออกไปยิ้มๆหล่อนอยากให้ทุกคนในบ้านได้ทานของโปรดที่แต่ละคนชอบ
“คุณแม่ไม่ชอบกินผัดไข่อันนั้นค่ะ”
“จริงหรอคะคุณลิตา”
“อะ เอ่อ...ตอนลิตาแพ้ท้องลิตาทานไม่ได้น่ะค่ะเลยไม่กล้ากินมาจนถึงทุกวันนี้” เธอยังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้เป็นอย่างดี พอเธอตักเข้าปากก็อาเจียนอาหารที่เพิ่งรับประทานเข้าไปออกมาจนหมดมันเลยเหมือนเป็นการฝังใจ
“ลองดูหน่อยไหมคะเผื่อว่าตอนนี้จะกลับมาทานได้แล้ว” พุดซ้อนอยากให้เธอทานของมีประโยชน์เลยอยากจะให้ลองอีกครั้งถ้าไม่ไหวเธอจะได้ตัดเมนูนี้ออกไปถาวร
“ลองหน่อยก็ได้ค่ะ” หญิงสาวทำใจพักหนึ่งก่อนจะตักผัดไข่เข้าปาก แต่ก็เป็นที่น่าแปลกใจเพราะเธอสามารถทานมันได้และรสชาติของมันก็ดีเยี่ยมเลยทีเดียว
“เป็นไงคะ” ทุกคนลุ้นไปกับหญิงสาวมากๆว่าเธอจะทานได้หรือไม่ แต่พอเธอยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นแม่ครัวของบ้านก็ยิ้มหน้าบาน
“อร่อยมากเลยค่ะ ไม่เหมือนตอนท้องเลย”
“เย้ๆคุณแม่ทานได้แล้ว” สาวน้อยปรบมือเสียงดังดีใจที่คุณแม่ทานได้แล้ว
“ขอบคุณนะคะป้าพุดซ้อน ถ้าวันนี้ไม่ได้ทานลิตาก็คงจะไม่ได้ลิ้มรสอาหารที่อร่อยถูกปากแบบนี้ตลอดไปแน่ๆค่ะ” เธอกล่าวขอบคุญป้าพุดซ้อนและขอบคุณตัวเองที่กล้าเปิดใจ
“เห็นคุณลิตาทานได้ป้าก็ดีใจแล้วค่ะ ทานเยอะๆนะคะป้าขอตัวก่อน”
“ค่ะ”
“ตอนท้องแพ้ท้องหนักไหม” เขาถามออกไปเสียงเบา ไม่รู้ว่าตอนนั้นเธอเป็นอย่างไรบ้าง หญิงสาวชะงักมือที่กำลังจะตักอาหาร หันมองสบตาเขานิ่งๆ
“ก็หนักอยู่นะคะ กินอะไรไม่ได้เลยอ้วกออกมาตลอดอาจเป็นเพราะลิตาเครียดด้วยมั้งคะ ตอนนั้นลิตาเหมือนตัวคนเดียวญาติพี่น้องก็ไม่มีจะมีก็แค่ลูกที่อยู่ในท้อง”
“พี่ขอโทษครับ” เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนดีอะไรเลยก็วันนี้แหละ เขาทิ้งอดีตภรรยาให้ต้องไปตกระกำลำบากกับลูกน้อย ถ้าบิดาไม่ขอร้องให้มาเปิดตัวในวันเปิดพินัยกรรมเขาคิดว่าชาตินี้เขาคงไม่ได้โอกาสเจอสองแม่ลูกแน่นอน
“ขอโทษทำไมคะทุกอย่างมันเป็นอดีตไปแล้ว ลิตาเองที่ไม่ดีจนพี่ทนลิตาไม่ได้ ถูกแล้วล่ะค่ะที่พี่เลือกจะตัดลิตาออกไปจากชีวิตของพี่” พอนึกถึงความจริงข้อนี้ก็ทำให้ดวงตาที่เป็นประกายก่อนหน้านี้หม่นแสงลง
“ความจริงแล้ว...”
“พี่คีรีไม่ต้องห่วงนะคะถ้าลูกโตขึ้นอีกหน่อยลิตาก็จะไปตามทางของลิตาค่ะ ลิตาจะไม่มาอยู่ขวางหูขวางตาของพี่หรอกค่ะ” หญิงสาวตอบกลับน้ำเสียงราบเรียบ เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้เธอกำลังคิดอะไรอยู่หรือในใจที่เธอทนอยู่ที่นี่ก็เพราะลูกคนเดียว เมื่อเธอบอกจะจากไปก็เหมือนมีใครมากระชากหัวใจออกจากร่างของเขาอีกครั้ง
“คุณแม่จะไปไหนคะ”
“ตามความฝันมั้งคะ ถึงเวลานั้นลูกสาวแม่ต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังคุณพ่อเขานะคะ”
“ได้เลยค่ะ” สาวน้อยพยักหน้าหงึกๆทั้งที่ไม่เข้าใจความหมายที่คนเป็นแม่ต้องการจะสื่อเลยสักนิด แต่คนเป็นพ่อเข้าใจทุกอย่างชัดเจน
“ทานต่อดีกว่าค่ะ อยากทานอะไรอีกค่ะ” เธอเลิกสนใจชายหนุ่มและหันมาสนใจลูกสาวแทน
“ทานไก่ทอดค่ะ”
“โอเคค่ะเดี๋ยวแม่ตักให้นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ” สาวน้อยกล่าวขอบคุณเมื่อไก่ทอดชิ้นโตถูกวางลงบนจานข้าวลายการ์ตูนของตน ผลิตาดูแลลูกสาวอย่างดีจนจบมื้ออาหาร เขาสัมผัสได้ถึงความรักและความเอาใจใส่ที่เธอมอบให้ลูกน้อยได้ตลอด หลังจากทานอาหารสองแม่ลูกก็ออกมาเดินเล่นที่สนามหน้าบ้านโดยมีคีรีภัทรเดินตามอยู่ไม่ห่าง สาวน้อยหัวเราะคิกคักมีความสุขมากๆ ทั้งสามไม่รู้เลยว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นชินภัทรที่มีความคิดความคับแค้นอยู่เต็มอกเพราะคีรีภัทรทำให้มารดาของเขาต้องเข้าไปนอนในคุกไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน
“มีความสุขกันไปเถอะพวกมึงสักวันหนึ่งพวกมึงก็ต้องมาทนทุกข์แบบกูบ้าง” จบประโยคชินภัทรก็รีบหลบซ่อนตัวเพราะผลิตาหันมามองทางเขาพอดี
“มีอะไรครับ” หน้าตาตื่นๆของหญิงสาวทำให้เขาต้องรีบหันไปมองสิ่งที่เธอกำลังจ้องอยู่
“เมื่อกี้เหมือนลิตาจะเห็นมีคนมองมาที่เราค่ะ” เธอคิดว่าเธอเห็นจริงๆนะไม่ได้ตาฝาด มีคนยืนอยู่จริงๆ
“ไหนครับ” ชายหนุ่มรีบเดินไปบริเวณริมรั้วทันทีแต่ก็ไม่พบว่ามีใครยืนอยู่อย่างที่หญิงสาวว่า
“มีไหมคะ”
“ไม่มีนะครับ”
“สงสัยลิตาจะตาฝาด เข้าบ้านกันเถอะลูก”
“ค่ะ”
“เหงื่อออกเยอะเลยมาค่ะแม่เช็ดหน้าให้” หญิงสาวหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าให้สาวน้อยอย่างแสนรัก เมื่อคีรีภัทรพิจารณาดีๆก็ได้เห็นว่าผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเป็นของใคร เขายังจำวันที่เขามอบมันให้กับเธอได้อย่างแม่นยำ