บทที่ 4
ขู่ฆ่านาง
รอบตัวเงียบงันเป็นแรงกดดันชั้นดี สตรีในเกี้ยวม้าตะโกนสบถสยบศึกตรงหน้านิ่งค้างกลายเป็นหิน ดวงตากลมโตสีดำสนิทเบิกโพลง รู้สึกได้ถึงความชาและร้อนวูบวาบตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงศีรษะ! ใบหน้าแดงซ่านจนเหมือนผลไม้สุก ริมฝีปากเม้มแน่นพร้อมกับหัวใจเต้นระทึกด้วยความอับอาย หากเป็นไปได้นางก็อยากแทรกแผ่นดินหนีไปซะเดี๋ยวนี้!!
ฉิบหาย เป็นความฉิบหายที่ไม่สามารถออกเสียงได้..
"สู้กันต่อเลยเจ้าค่ะ"
นานสักพักใหญ่กว่านางจะคลำหาเสียงตัวเองเจอ สวี่ลี่เซียนผายมือเต็มไปด้วยเหงื่อยื่นไปข้างหน้าสั่น ๆ หน้าก้มมองพื้นไม่กล้าสบตาผู้ใด ฟันขาวขบริมฝีปากล่างเอาไว้กล่าวคาดโทษตัวเองในใจต่าง ๆ นา พูดจบประโยคได้เพียงเท่านั้น นางก็รีบเอี้ยวตัวไปใกล้ประตูผ่านหน้าอาเหลียงไปจับบานประตูเตรียมจะปิด
ไม่รู้แล้ว! ขอหนีก่อนแล้วกัน
ช่วงวินาทีที่ได้เห็นใบหน้าเล็กตื่นตระหนกกำลังปิดประตูหนีหายเข้าไปด้านในดื้อ ๆ ใบหน้าท่านประมุขตึงเครียดจนเห็นเส้นเลือด มือหยาบกร้านคว้าประตูเอาไว้ก่อนที่มันจะปิดลง ด้วยความร้อนรนหญิงสาวเองก็ไม่คาดคิดว่าอีกคนจะดึงแรงถึงเพียงนั้น เพราะแรงจากด้านนอกกระชากจนนางล้มฟุบหัวโหม่งพื้นดังปัก!
ปัก!
"อู้ยยยย ฮึ.."
สวี่ลี่เซียนกำลังจะร้องไห้แต่ต้องกลั้นน้ำตา สูดลมหายใจเข้าออก ช้า ๆ เมื่อรู้สึกถึงสายตาทิ่มแทงมองอยู่เหนือศีรษะ เงยหน้าขึ้นก็พบใบหน้าอวี้เหิงกำลังเดืดปุด ๆ หญิงสาวเม้มปากแน่นไม่กล้าออกเสียง ลมตีขึ้นมาเหนืออกเหมือนจะสำรอก! ทว่านางจำต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้ก่อน อย่าได้พุ่งออกมาตอนนี้เด็ดขาด!
"เมื่อสักครู่เจ้าพูดว่าอะไร"
สวี่ลี่เซียนส่ายหน้า หน้าผากขึ้นสีแดงเลือดฝาดเด่นชัดจนอวี้เหิงต้องเหลือบมอง "..."
"ข้าจะถามอีกครั้ง"
"ท่านหูฟาด"
ศีรษะเล็กส่ายหน้าไปมาแรงกว่าเก่าจนผมสยายอย่างไม่อยากยอมรับ ด้วยอีกคนจ้องกันราวกับจะฆ่าจะแกงนางให้ได้ อวี้เหิงกลั้นลมหายใจข่มความหงุดหงิดไว้อย่างยิ่งยวด สายตายังอดที่จะมองก้อนเนื้อที่เริ่มขยายปูดนูนบนหน้าผากเล็กไม่ได้.. สงสัยนักว่าร่างกายของนางอ่อนปวกเปียกเพียงนี้ยังกล้าคิดทำเรื่องน่าตาย
"หากใครไม่ได้ยินเสียงเจ้า คงไม่จำเป็นต้องมีหูไว้ฟังกันแล้ว"
น้ำเสียงทั้งกดดันทั้งข่มขู่อยู่ในที สวี่ลี่เซียนจนปัญญาหาทางเอาตัวรอด จริงอย่างที่อวี้เหิงว่า ใครจะไม่ได้ยินนางกัน ในเมื่อนิ่งกริบกันทั้งบางถึงเพียงนี้ สวรรค์ส่งนางลงมาตกนรกแท้ ๆ ฮือ!!
สวี่ลี่เซียนเริ่มเลิ่กลั่ก คุ้นเรียวขมวดมุ่นดั่งใช้ความคิด แต่เพราะสถานการณ์มันบีบบังคับ ด้วยความจวนตัวอยากหนีไปให้พ้นจากเงื้อมมือตัวร้ายในตอนนี้ หญิงสาวจึงทำทีเอียงคอมองไปทางด้านหลังอวี้เหิงเหมือนกับว่ามีใครอยู่ตรงนั้น ไม่พอยังยกมือกวักเรียก
"นั่น! ท่านอาจารย์ย่องมาตบกะบาลเขาเลยเจ้าค่ะ"
"!!"
"!!"
แน่นอนว่าเวลาที่มีใครบางคนจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พร้อมกับชี้หน้าพยักเพยิดไปด้านหลัง ทุกคนต่างเกิดความสงสัยหันพรึบไปมองเว่ยอู่ฉางพอม ๆ กัน เช่นเดียวกับอวี้เหิงที่หันตามไปกับเขาด้วย แต่ปรากฏว่าเว่ยอู่ฉางไม่ได้ทำสิ่งใด ทั้งยังตกใจรีบยกมือขึ้นส่ายเอาเหมือนต้องการจะบอกว่าเขาไม่ได้ทำอย่างที่นางกล่าว!
ด้านสวี่ลี่เซียน นางใช้โอกาสนี้รีบเลื่อนประตูปิดลงสุดแรงเกิด
ปัง
"อ้าก!!" ทว่า..เจ้ากรรมซ้ำซ้อนอีกคนก็เอามือกันไว้ จึงโดนประตูหนีบกระดูกหักดังกร๊อบ!
เสียงร้องดังลั่นแทบหมดภาพลักษณ์ประมุขมารผู้โหดเหี้ยม นิ้วหนาทั้งสี่นิ้วที่ถูกบี้แบนอยู่ตรงขอบประตูกับเสียงร้องอันดังทำเอาสวี่ลี่เซียนตกอกตกใจร้องกรี๊ดตาม
"กรี๊ดด! ทะ..ท่านประมุขจะเอามือมาบังทำไมเล่าเจ้าคะ !" นางเห็นนิ้วนั่นกระตุกด้วยล่ะ แง!!
"เจ้า เจ้า!"
อวี้เหิงจุกจนพูดไม่ออกเดือดดาลเลือดขึ้นหน้า ไม่คาดคิดว่าวันนี้จะมาถึง วันที่เขาถูกสตรีดูหมิ่นไม่เพียงเท่านั้นยังกล้าทำให้เขาอับอายต่อหน้าคนของตัวเองและศัตรู ! รอดูเถอะว่าเขาจะทำกับนางเช่นไร!
"กรี๊ดดด!"
สวี่ลี่เซียนร้องเสียงหลง เมื่ออวี้เหิงกระชากประตูออก เศษไม้หนากว่าสองชุ่นหักติดมือเขาไปอย่างง่ายดาย สวี่ลี่เซียนที่จับบานประตูอยู่ก็ถูกดึงมาพร้อมกัน ร่างเล็กล่วงแหมะลงบนพื้นหน้าคะมำลงพื้น เป็นจุดเดียวกันกับที่ถูกโขกในตอนแรก เมื่อโดนซ้ำเข้าไปตอนนี้หน้าผากนางจึงเหมือนมีลูกกลม ๆ เท่ากำปั้นเด่นหราอยู่ตรงกลาง น่าเกลียดเสียไม่มี !
ชึบ
อีกคนไม่คิดสงสารนาง จับคอเสื้อด้านหลังหิ้วสวี่ลี่เซียนขึ้นเท้าลอยเหนือพื้น ด้วยตัวนางเล็กกว่าพวกเขามาก ซึ่งอวี้เหิงนั้นตัวสูงใหญ่กว่าบุรุษทั่วไป แต่ไม่ได้เทอะทะน่าเกลียดทว่ารูปร่างกลับดูสมส่วนกำยำน่ามอง เมื่อเขาหิ้วนางขึ้นมาประจันหน้าตรง ๆ นางจึงไม่ต่างอะไรจากสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่รอวันเอาไปย่างกินเลย!
"อยู่นิ่ง ๆ เสียที"
"!" อวี้เหิงกดสายตาน่ากลัวมองมา สวี่ลี่เซียนหน้าตาคล้ายคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ทั้งกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะสบตาหรือพูดสิ่งใด ด้วยกลัวว่าหากพูดผิดไป ไม่เข้าหูตัวร้ายผู้นี้สักนิดนางคงได้ไปโลกหน้ารอบที่สองเป็นแน่
ฮึกใครก็ได้ซ่อยข่อยเน้ T^T
"ท่านประมุขอวี้เหิงปล่อยนางลง" เสียงสวรรค์ดังขึ้นมาทางด้านหลัง สวี่ลี่เซียนได้ยินฝีเท้าเว่ยอู่ฉางเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ หญิงสาวลืมตาขึ้นอย่างมีความหวัง คนตัวเล็กดิ้นขลุกขลักพยายามกวักมือเรียกให้เว่ยอู่ฉางมาช่วย ขอโทษที่ตอนแรกคิดว่าเจ้าไม่มีประโยชน์นะ ฮึก
"ได้ยินหรือไม่ อาจารย์เจ้าสั่งให้ข้าปล่อยเจ้าลง"
แต่ความคิดต้องชะงักลง เมื่อไอคนที่จับนางหิ้วคออยู่กระตุกนางเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม เสียงเย็น ๆ ที่พูดข้างหูนางทำเอาหนาวสั่นถึงกระดูก สายตากดดันที่มองมาราวกับบอกว่าหากเจ้าไปหามันเจ้าตายแน่
จ้ะพ่อ.. แล้วใครจะกล้าไปกันล่ะ
เมื่อเป็นเช่นนี้สวี่ลี่เซียนจึงจำใจรับบทนางจำเลยรัก วางมือเล็กบนแขนแกร่งบีบเบา ๆ เอียงศีรษะพิงบนแขนที่หิ้วนางอยู่เล็กน้อย ฝืนยิ้มส่งให้ทั้งที่น้ำตาไหลพราก "หะ..หิ้วข้าต่อไปเจ้าค่ะ ข้าชอบโดนหิ้ว"
"ลี่เซียน!"
เสียงเว่ยอู่ฉางเรียกชื่อนางด้วยความไม่เข้าใจ คิ้วหนาขมวดจนเป็นปม มือในตอนแรกที่วางไว้บนกระบี่เตรียมชักอาวุธหากนางร้องขอความช่วยเหลือ เว่ยอู่ฉางตั้งใจจะเปิดศึกตรงนี้ทันที แต่นางกลับบอกชอบโดนหิ้วเนี่ยสิ..
มุมปากอวี้เหิงยกขึ้นจาง ๆ พึงพอใจกับผลลัพธ์ ก่อนตวัดหางตามามองสตรีในมืออีกครั้ง "หึ แล้ว?"
"ขออภัยเจ้าค่ะ" สวี่ลี่เซียนรู้ตัวดีว่าคนตรงหน้าต้องการได้ยินสิ่งใด จึงกล่าวขอโทษไปแทบจะทันทีอย่างไม่รีรอ ใบหน้าเล็กหงอยเสียจนอวี้เหิงเห็นหูและหางของนางตกลีบ พอให้เขาสำราญใจขึ้นมาบ้าง แล้วจึงกล่าวย้ำนางต่อเหมือนต้องการกลั่นแกล้ง
"เรื่องอะไร"
"ข้าปิดประตูหนีบมือท่าน…"
อวี้เหิงพลันคิ้วกระตุก ที่ถูกคนตรงหน้าตอกย้ำปมอับอาย สวี่ลี่เซียนเหมือนจะรู้ตัวถึงแรงกดดันอึมขรึมจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที! "อะ…เอ่อ ที่พูดจาไม่ดี สบถใส่ท่านต่างหากเจ้าค่ะ" สองนิ้วจิ้มกันไปมา ระหว่างดวงตากลมโตเหลือบมองร่างสูงเล็กน้อย และต้องรีบก้มหน้าลงหูหางตกอีกรอบเมื่ออีกคนจ้องเขม็งอย่างเชือดเฉือน สวี่ลี่เซียนหน้ามุ่ย นางคิดในใจก็จริง แต่คิดดังไปหน่อยเท่านั้นเอง…
"ความผิดของเจ้า ผู้ที่ดูหมิ่นหยาบคายใส่ข้าต้องตายไม่ก็เป็นอาหารให้สัตว์กิน"
"!!" กรี๊ดดด โหดร้ายเหลือเกิน!
มุมปากได้รูปยกยิ้มเมื่อเห็นว่านางชะงักและตัวแข็งทื่อไปเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด จึงอยากแกล้งนางอีกสักหน่อย “โชคดีของเจ้า วันนี้เป็นงานมงคล ข้าต้องใจกว้างในวันอย่างนี้ใช่หรือไม่ ฉะนั้นแล้วจะให้โอกาสเจ้า"
"จะ…จริงหรือเจ้าคะ!" คนได้ฟังก็ยิ้มออกมาได้ สองมือกุมเข้าหากันดวงตามีประกายความหวัง ทว่าความหวังต้องดับวูบลงเมื่อได้ฟังประโยคถัดมา
"อืม ให้เจ้าได้เลือก ว่าจะตายหรือกลายเป็นอาหารสัตว์"
"!!"
"เอา เลือกสิ"
มือเล็กที่เกาะกุมกันไว้ทิ้งตัวลงแทบจะทันที หมดเรี่ยวแรงขึ้นมาชั่วขณะ อยากจะร้องออกมาเป็นเสียงเพลง.. แล้วนางจะเลือกอะไรได้!!
สวี่ลี่เซียนผินหน้ามองขึ้นฟ้าด่าไอ้ชั่วตรงหน้าไปหลายประโยค ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยด่าใครในใจเยอะเท่าตอนนี้เนี่ยแหละ.. กระนั้น นางย่อมไม่ลืมคงคอนซปเดิมที่ตั้งใจไว้ ต้องทำตัวไม่มีพิษมีภัย ว่านอนสอนง่าย และเป็นเด็กดี
"สะ…สองอันนั้นไม่เลือกได้หรือไม่"
อวี้เหิงเลิกคิ้วมองนางเป็นเชิงคำถามว่าไม่เลือกแล้วจะมีข้อไหนอีก และเขาต้องแปลกใจเมื่อนางส่งนิ้วชี้กับนิ้วโป้งไขว้ประสานกันยื่นมาตรงหน้า ซึ่งในโลกเก่าของนางเรียกสิ่งนี้ว่าท่ามินิฮาร์ท.. ในเมื่อความน่าสงสารไม่ได้ผลแล้วความน่ารักเล่าจะได้ผลหรือไม่ หน้าตาของนางก็สวยไม่ใช่เล่นต้องมีหวั่นไหวกันบ้างแหละ!
"ขอเลือกเป็นของท่านแทนได้หรือเปล่า แฮะๆ" พูดแล้วก็ยิ้มแฉ่งแก้มแทบแตก.. เอ็นดูในความน่ารักของนางสักหน่อยเถอะ..
"หึ."
"แฮะๆ" โอ้.. ยิ้มให้กับนางแบบนี้ แสดงว่ามีความหวังขึ้นมาบ้าง
"ทหาร! ส่งนางเข้าคุก"
สวี่ลี่เซียน "…"
ไอ#%%$^&& อยากจะด่าแต่ด่าไม่ออก..
ตุ้บ!
“โอ้ย!”
ร่างสูงปล่ยสิ่งในมือทิ้งไม่ไยดี พูดให้เข้าใจอย่างเห็นภาพก็คือโยนนางลงพื้นนั่นเอง สวี่ลี่เซียนบอบช้ำทั้งจิตใจ ทั้งกาย ทั้งก้น ระบมยันหน้าผาก น้ำตาหืดแห้งแทบไม่มีน้ำให้ไหลออกจากร่างกายอีกแล้ว ทำได้เพียงตัวสั่นระริก ๆ ดูน่าสงสารยิ่ง
"ลี่เซียนเจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ท่านประมุขทำเช่นนี้ไม่รังแกกันไปหน่อยหรือขอรับ!"
เว่ยอู่ฉางอดทนไม่ไหวตะเบ็งเสียงดังบอกชัดถึงความไม่พอใจ ขณะรีบตรงเข้ามาประคองตัวสวี่ลี่เซียนขึ้น และเมื่อเห็นคนยื่นมือเข้ามาช่วย ร่างบางจึงเผลอวิ่งหนีหลบเข้าด้านหลังเว่ยอู่ฉางโดยสัญชาตญาณ โดยมีศรีษะเล็กโผล่ออกมาให้เห็นเพียงลูกตา มือก็กำชายเสื้อผู้เป็นอาจารย์แน่น เว่ยอู่ฉางแลเห็นท่าทางของนางจึงเกิดความเอ็นดูไม่น้อย ยื่นมือขึ้นลูบผมสีดำเงาแผ่วเบา
"ไม่ต้องกลัวมีข้าอยู่ด้วยทั้งคน"
การกระทำของทั้งสองล้วนมีสายตาอวี้เหิงจับจ้องอยู่ตลอด ใบหน้าหล่อเหลาไม่บ่งบอกว่าอยู่ในอารมณ์ใด แต่มันดูน่ากลัวมากสำหรับสวี่ลี่เซียน
เว่ยอู่ฉางเมื่อปลอบใจศิษย์จึงหันกลับมาประจันหน้าอวี้เหิง น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความขุ่นเคือง
"อย่างไรนางกำลังจะเป็นถึงฮูหยินของท่าน ไม่ควรใช้ววิธีรุนแรงกับคนของตัวเอง มันไม่ใช่นิสัยของบุรุษ"
"เหอะ" อวี้เหิงพ่นลมออกมาอย่างเบื่อหน่าย และยิ่งไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นว่าอีกคนที่หนีไปแอบหลังบุรุษอื่นผยักหน้าตามเป็นระวิง
"อึก!"
ร่างเล็กเผลอไปสบตาถึงกับสะอึกด้วยความตกใจ ตัวหดเล็กลีบยิ่งกว่าเก่า พอได้เห็นเช่นนั้น เว่ยอู่ฉางจึงขยับกายมาบังตัวหญิงสาวไว้จนมิด ถึงได้เริ่มพูดเรื่องที่สมควรทำในตอนนี้
"วันนี้เป็นงานมงคล ลี่เซียนยังเด็ก นางอาจตื่นเต้นจึงพูดสิ่งใดไม่ทันตริตรองให้ดี หวังว่าท่านประมุขจะเห็นแก่ข้า ใจกว้างให้อภัยแก่นาง ไม่ควรบาดหมางกัน ทำพิธีให้เสร็จสิ้นตามที่ตกลงด้วยเถอะ"
อวี้เหิงเค้นเสียงสบถในลำคอ เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นถึงแม่ทัพใหญ่สวรรค์ออกตัวกล่าวขอโทษก่อน จะยอมปล่อยไปวันนี้เท่านั้น
"ได้ เห็นแก่หน้าท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าจะไม่เอาเรื่องนาง.."
พูดจบหางตาก็เหลือบไปมองศีรษะที่แอบโผล่มาด้านหลังเว่ยอู่ฉาง มือใหญ่ยกขึ้นมาก่อนจะกวักเรียกตัวต้นเรื่อง
"มานี่สิ"
"..."
"ข้าบอกให้มานี่"
"จะ..เจ้าะ"
สวี่ลี่เซียนลังเลแต่ยอมทำตามแต่โดยดี เพียงแต่ค่อย ๆ ย่องออกมาจากด้านหลังเว่ยอู่ฉางอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เดินไปหาอวี้เหิง บุรุษร่างสูงกำยำผู้นี้สวมชุดสีดำสนิทมาร่วมพิธีงานแต่งถือว่าหยาบคายแล้ว ตอนนี้กำลังกวักเรียกนางเหมือนเรียกสุนัขดูหยาบคายยิ่งกว่า ฮิ่ม!
ครั้นคนตัวเล็กใกล้เข้ามาหา อวี้เหิงนึกรำคาญเมื่อนางชักช้า จึงปัดมือหนึ่งทีร่างเล็กตรงหน้าก็ถูกดึงเข้าหาฝ่ามือใหญ่ รวบเอวเล็กไว้ในวงแขนก่อนกระโดดทีเดียวไปยังลานพิธี นางเข้าใจว่ามันคือวิชาตัวเบาแน่ แต่มันรวดเร็วเสียจนนางเกือบปล่อยอ้วกกลางอากาศ
อึก.. สวี่ลี่เซียนเม้มริมฝีปาก โอดครวญในใจ จบงานแต่งนี้ไปเมื่อไหร่ ขอให้นางอย่าได้พบเจอเขาอีกเลย!