บทนำ
บทนำ
ไม่เอาได้ไหมบทนางร้ายตัวประกอบ
กึก ๆ ๆ
"..."
"..."
กึก กึก กึก ๆๆๆ
เสียงกระทบไม้เริ่มส่งเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ขาเรียวยาวในอาภรณ์มงคลสีแดงเขย่าขาไม่พักเมื่อเกี้ยวเจ้าสาวใกล้แตะถึงพื้นดินที่ปกคลุมด้วยหิมะเบื้องล่าง สะพานโปร่งใสทอดยาวลงสู่เบื้องล่าง ด้านนอกมีทั้งเสียงฆ้องเสียงประทัดดังกึกก้องเฉลิมฉลองให้แก่งานมงคล และยิ่งกระหน่ำเขย่าเท้าด้วยความเคยชินเนื่องจากกังวลเพราะอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า นางจะต้องเริ่มเข้าสู่เนื้อหาปฐมบทของนิยายที่บังเอิญหลุดเข้ามา!!
และเพราะนางไม่ใช่นางเอก หรือนางร้ายที่ยังพอมีทางรอดตลอดฝั่งในอีกหลายบท แต่ดันเป็นนางร้ายตัวประกอบที่ต้องตายตั้งแต่ต้นบทต่างหาก สวี่ลี่เซียน หรือ เมื่อไม่กี่วันก่อนยังเป็น หลี่เซียน ถึงได้เครียดอยู่ตอนนี้!
แย่แน่ ๆ ฉิบหายแน่ ๆ บิดามันเถอะ!
ถ้อยคำสบถหยาบคายไม่สมกับใบหน้าสะคราญโฉม สองมือเล็กประสานกันยกไว้ตรงหน้าศอกเท้าเข่าทั้งสองข้างไว้ ขณะที่ปลายเท้าเขย่า ๆ ดังเป็นเสียงกระทบไม้ตั้งแต่เกี้ยวเจ้าสาวออกตัวจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมหยุด!
"...
"อาเหลียง"
"จะ..เจ้าคะ"
เด็กสาวหน้ากลมใบหน้าน่ารักเหยียดหลังตรงเมื่อได้ยินผู้เป็นนายหญิงเรียกหา ไม่นานก่อนหน้านี้นายหญิงมีท่าทางแปลกประหลาด นางถูกเรียกตัวมาเพื่อปรนนิบัติแม่นางสวี่ลี่เซียนเมื่อสองวันก่อน จากข่าวลือว่าแม่นางสวี่ผู้เป็นศิษย์ลำดับที่หนึ่งของท่านแม่ทัพใหญ่สวรรค์เป็นคนเข้มงวดและหยิ่งผยองอย่างมาก หาใช่ความจริงไม่ เพราะนอกจากนางจะไม่เป็นอย่างที่ว่าแล้ว นางยังคล้ายคนเสียสติ เหม่อลอย บางครั้งก็ร้องไห้ออกมา บางครั้งก็ยิ้มเริงร่าวิ่งทั่วตำหนักพลางร้อง
'อู้วหูววว ว้าววว โอ้มายก๊อด..'
ราวกับว่าแม่นางเพิ่งได้ยลโฉมตำหนักเทพเป็นครั้งแรก..
"อาเหลียงข้าคิดว่า.." เสียงหวานเอ่ยขึ้นมาทำให้อาเหลียงต้องหลุดจากภวังค์
"จะ..เจ้าคะ"
มือสวี่ลี่เซียนสั่น ๆ ยื่นไปจับบานประตูทำเหมือนกับว่านางแค่ต้องการชมวิว.. แต่อาเหลียงกลับไม่วางใจอย่างน่าประหลาด และก็เป็นดั่งที่นางคาด เมื่อสตรีผู้เป็นนายตรงหน้าเปิดบานประตูออกเตรียมกระโดดลงไป!!
"ข้าหนีไปดีกว่า..บาย!!"
"กรี๊ด นายหญิง!!"
"อ้ากก ปล่อยข้านะะะะ!!"
ไม่รู้ด้วยเพราะเหตุใดสตรีที่แข็งแกร่งเป็นรองเพียงท่านแม่ทัพใหญ่สวรรค์ถึงถูกสาวรับใช้ที่มีกำลังเพียงเสิ่นหนวี่จับตัวเอาไว้ได้ สวี่ลี่เซียนไขว่คว้าอากาศทั้งน้ำตา ปล่อยกูนะเว้ยยยยยย!! เสียงร้องโอดครวญตามมาด้วยเสียงอาเหลียงโวยวายกลายเป็นเรื่องปกติตั้งแต่รถม้าเริ่มออกตัว.. ทว่าขบวนสวรรค์คนจากแดนเทียนหยูไม่ได้คิดเข้าข้างสตรีที่อยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวแม้แต่น้อย อย่างไรพวกเขาจะต้องส่งแม่นางสวี่แต่งเข้าแดนมารให้ได้ตามรับสั่งขององค์ไห่หวงเทียนจวิน
จะเล่าย้อนกลับไปเมื่อสองสามวันก่อนที่จะเกิดเรื่อง..
สวีลี่เซียน หรือเมื่อสองวันก่อนนางยังเป็นหลี่เซียนที่ทำงานอย่างหนักแบบสู้ชีวิตแต่ชีวิตดันสู้กลับ! ทันทีที่ได้รับเงินเดือนรวมถึงโบนัสประจำปี สิ่งแรกที่ทำนั่นคือหยิบมือถือเครื่องเก่าใกล้พังขึ้นมา เข้าแอพนิยายเลื่อนหานิยายที่กำลังฮิตในช่วงนี้ “ลำนำรักลิขิตสวรรค์”
เป็นเรื่องราวความรักระหว่างแม่ทัพสวรรค์ เว่ยอู่ฉาง และมารน้อยนามว่า ฮุ่ยซิ่ว นางเกิดจากเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของประมุขมารที่จิตสลายไปราวหมื่นปี ด้วยเหตุนี้นางจึงมีพลังดึงดูดเหล่ามารและปีศาจด้วยกัน แม้จะมีพลังมารต้อยต่ำเรี่ยดินทว่าด้วยโชคชะตาดอกท้อ วันหนึ่งฮุ่ยซิ่วซุกซนจนได้พบเข้ากับแม่ทัพสวรรค์เว่ยอู่ฉาง ที่เดินทางมาพร้อมกับสวี่ลี่เซียนศิษย์สายตรงที่ถูกส่งเข้างานแต่งกับประมุขมารองค์ปัจจุบัน อวี้เหิง ผู้โหดเหี้ยม ไร้ความปราณีและมากความสามารถ
ทั้งคู่พบกันในตอนที่เว่ยอู่ฉางได้รับบาดเจ็บจากการรับคำท้าประลองของอวี้เหิง ผลสรุปคือเว่ยอู่ฉางได้พ่ายแพ้ไปอย่างน่าเจ็บใจและบาดเจ็บสาหัส จนได้พบกับฮุ่ยซิ่วโดยบังเอิญ เขาได้ถูกนางช่วยเอาไว้ ความช่วยเหลือครั้งนั้นค่อย ๆ ก่อเกิดเป็นความรักขึ้นมา..
ตัดฉาก! ลืมความรักน้ำเน่านั่นไปก่อน!! สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอหลังจากนี้ต่างหากที่น่าตกใจยิ่งกว่า!!
หลี่เซียนที่เผลอกดเข้าไปอ่านแล้วติดใจทว่านิยายดันติดเหรียญตั้งแต่สิบบทแรก และบทสุดท้ายที่ทิ้งไว้คาดเดาได้ว่าต้องเป็นฉากร่วมรักสุดเร่าร้อนของสองพระนางไม่ผิดแน่ เมื่อได้เงินเดือนมาจึงอยากอ่านตอนต่อไปให้สมใจอยาก แต่!!ชีวิตที่ดวงซวยอยู่แล้วมันก็ยังซวยได้มากกว่าเดิมอีก ในระหว่างรอรถไฟฟ้านิ้วมือก็กำลังกดซื้อเหรียญ ดวงตากลมโตเป็นประกายเมื่อเห็นคำว่าสั่งซื้อสำเร็จ บทถัดไปได้ปลดล็อคแล้ว สายตากำลังเลื่อนอ่านตัวหนังสือด้วยใจลุ้นระทึก และช่วงเวลาเร่งด่วนในตอนเย็นที่คนชุลมุนและแออัด..
ตึง!!
อยู่ ๆ พื้นก็สั่นสะเทือนพร้อม ๆ กับที่คนตื่นตระหนกกระแทกร่างหลี่เซียนที่ยืนอยู่หน้าสุดออกมา!! และมันโคตรจะซวยเมื่อจังหวะนั้นรถไฟกำลังแล่นมาด้วยความเร็วสูงอย่างพอดิบพอดี
กรี๊ดดดดดด!!
นั่นไม่ใช่เสียงของเธอแต่เป็นเสียงของคนที่กำลังวิ่งหนีพื้นถล่มกันจ้าละหวั่น หลี่เซียนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่มีใครสังเกตเห็นร่างที่กำลังร่วงลงสู่รางรถไฟ หญิงสาวอ้าปากพะงาบ ๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาทีเกินกว่าจะมีโอกาสให้ตกใจ สิ่งสุดท้ายคือสบถความเฮงซวยนี้ไร้เสีย
อ่า..ฉิบหายจริง ๆ!!
นางพบว่าทุกอย่างตกเข้าสู่ความมืด..ทว่าไม่กี่อึดใจข้างหน้า คล้ายว่าร่างของหลี่เซียนถูกกระชากขึ้นอย่างแรง ลมหายใจที่เหมือนถูกสกัดเอาไว้ผ่อนออกมาเป็นอาการสำลอกยกใหญ่
“เฮือก แค่ก...ก แค่ก!!”
หลี่เซียนสะดุ้งเฮือกดีดตัวขึ้นมา ความรู้สึกแรกคือลำคอแห้งผากและความมืดสนิทรอบกาย เมื่อสายตาเริ่มปรับได้ในความมืด เธอก็พบว่าตัวเองนั่งอยู่บนตั่งขนาดใหญ่ลวดลายงดงามเกินกว่าจะพบเห็นได้ทั่วไป เครื่องเรือนทำจากหยกขาวบริสุทธิ์ราวกับเซ็ตติ้งในซีรีย์เทพเซียนจีนโบราณ ทั้งดวงจันทร์นอกหน้าต่างดวงใหญ่เหมือนห่างไปเพียงไม่ถึงสิบหลา
ในใจของหลี่เซียนรู้สึกว่ามันแปลก.. หรือนี่จะเป็นสวรรค์ ในหัวพลันนึกถึงความดีที่ตัวเองเคยทำเอาไว้ ก่อนจะมั่นใจว่าที่ผ่านมาเธอไม่เคยทำความดีอะไรสักอย่างเลยนี่หว่า แค่วันๆ หนึ่งต้องปั้นหน้ายิ้มเอาใจเจ้านาย ไม่พอต้องโดนเอาเปรียบจากพวกส่งงานให้ท่วมหัวก็หนักหนาพออยู่แล้วจะเอาเวลาที่ไหนเข้าวัดทำบุญทำทาน!!.. ถ้าอย่างนั้นแล้วเธออยู่ที่ไหนกันแน่ฟะ!!
“นะ..น้ำ”
ทว่าลำคอเริ่มร้อนผ่าวราวกับมีไฟกำลังแผดเผาจนแสบไปทั่ว หลี่เซียนขมวดคิ้วสีหน้าแสดงออกถึงอาการเจ็บปวด เธอเลิกสนใจสิ่งแปลกประหลาดอันน่าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น มือเล็กลูบลำคอที่แห้งผากสายตากวาดมองหาสิ่งที่พอจะดื่มได้ ก่อนจะพบว่าภายในห้องสวยงามแห่งนี้มีทั้งเสื้อผ้าและข้าวของส่วนหนึ่งกระจัดกระจายเต็มพื้นห้อง...
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันจนจับเป็นปม ในชั่วอึดใจหลี่เซียนรู้สึกเบาหวิวอย่างไรชอบกล เมื่อก้มลงดูก็พบว่าตัวเธออยู่ในสภาพเกือบเปลือย เธอเกือบจะร้องเห้ยออกมาถ้าหากไม่ใช่ว่ามีอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่า!
“สวรรค์ยังเมตตาเจ้า ผู้สิ้นคิดทำลายจิตวิญญาณตัวเอง หากไม่ไร้ซึ่งพลังก็กลายเป็นคนพิการ”
เสียใคร!!
“!!” หลี่เซียนตกใจรีบคว้าผ้าข้างกายขึ้นมาปิดบังร่างเปลือยเปล่า ตาเคลื่อนไปยังจุดที่มีเสียงออกมา
สุรเสียงเยือกเย็นจับใจกล่าวขึ้นจากมุมมืด ปรากฏบุรุษรูปร่างสูงใหญ่กำยำสวมอาภรณ์สูงศักดิ์สีดำสนิทเดินก้าวออกมา บุรุษผู้นี้ใบหน้าคมเข้มกระนั้นกลับดูงดงามราวภาพฝัน ติดเสียว่ามุมปากที่กำลังแสยะยิ้มชั่วร้ายกว่าสิ่งใดทั้งปวงส่งผลให้ความงดงามที่กล่าวมานั้นเปรียบดั่งเทพมารเสียมากกว่าเซียนแดนสวรรค์ในคราแรก ยิ่งในช่วงเวลานี้ที่มีเพียงความมืดปกคลุมต้องใช้แสงสลัวให้การมองเห็น บุรุษตรงหน้ายิ่งให้ความรู้สึกน่าเกรงขามกดดันจนหลี่เซียนไม่กล้าแม้แต่หายใจ ยามที่ดวงตาสีอำพันราวกับมธุรสจ้องเขม็งมายังเธอ ทำให้หลี่เซียนตัวหดเล็กลง เธอไม่กล้าขยับตัวหรือเลี่ยงสายตาเขาด้วยซ้ำ!
อะ..ไอหน้าหล่อที่ยืนแยกเขี้ยวอยู่ตรงนี้... ผู้ใด๋ฟะ!!