เขายังไม่ยอมตอบ ส่งสายตาโลมเลียมาอย่างน่าหวาดกลัว แถมยังกลืนน้ำลายลงคออีกด้วย ผมจึงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ตัวเองลงจากเตียงนี้โดยเร็ว
“คุณคิดจะทำอะไร อย่าเชียวนะ”
“มองใกล้ ๆ เธอก็น่ารักใช่ย่อยนะ”
“บ้า! ผมไม่ได้น่ารักเล้ยยย ผมขี้เหร่จะตาย” พูดเสียงสูงแล้วเอียงหน้าหนีไม่ยอมให้เขาจ้องหน้า แต่ดูเหมือนว่าใบหน้าของผู้ชายคนนี้กลับเคลื่อนลงมาใกล้ยิ่งขึ้นจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ปะทะผิวแก้ม
จู่ ๆ ผมก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ความร้อนรุ่มปะทุออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำไมถึงรู้สึกเกิดความต้องการขึ้นมา อยากให้เขาสัมผัสเรือนกายของตัวเอง อยากกอด อยากจูบ อยากทำอะไรเหมือนที่คนรักพึงกระทำ ดูท่าทางเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน พยายามคลอเคลียตามพวงแก้ม ก่อนจะฉกฉวยริมฝีปากอย่างไม่ทันตั้งตัว รสจุมพิตอันแสนหนักหน่วงได้เริ่มต้นขึ้น เพียงแค่จูบกลับระบายความกำหนัดได้เป็นอย่างดี หากเกินเลยไปกว่านี้ผมคงรู้สึกโล่งมากขึ้น อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดเพราะในวินาทีนี้ผมมิอาจฝืนทนความต้องการได้แล้ว
“ฉันต้องการเธอ ฉัน...ห้ามตัวเองไม่ไหวแล้ว”
“ก่อนอะไรมันจะสายเกินไปคุณรีบออกไปจากห้องเถอะนะ รีบออกไปเดี๋ยวนี้!” ยังมีอีกหนึ่งความคิดที่จะหาทางออกให้ตนเอง รักษาพรหมจรรย์เอาไว้ อาการแบบนี้ผมไม่แน่ใจว่าเกิดจากการวางยาปลุกเซ็กซ์หรือไม่ เพราะไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน แต่เมื่อนึกย้อนกลับไปก่อนหน้านี้คุณนายวิมลสั่งให้พี่ปิ๋วนำน้ำส้มคั้นมาให้นี่นา ไม่นะ!
“ไม่! ฉันจะทำมันต่อ”
เขาพยายามจะจูบแต่ผมดันใบหน้าเอาไว้ ผลักร่างหนาจนพ้นตัวก่อนลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู หากทว่ามันกลับถูกล็อกจากด้านนอกเสียอย่างนั้น นั่นทำให้มั่นใจว่าทุกอย่างมันคือแผนการของคุณนายวิมล หันกลับมาอีกครั้งก็ถูกคุณนาธานกระชากตัวเข้าไปไว้ในอ้อมกอด ส่งริมฝีปากเข้ามาประทับจุมพิตอย่างบ้าคลั่ง มือใหญ่สาละวนอยู่กับการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของผม แม้จะจับมือห้ามไว้แต่มิอาจต่อต้านความกำหนัดที่อยู่ในกาย ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ
“อื้อ...คุณนาธาน อ๊า”
“แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ฉันจะไม่ทำมันอีก ครั้งเดียวจริง ๆ” เขาพร่ำบอกข้างใบหูขณะใช้มือใหญ่ลูบไล้แผงอกอย่างเสน่หา
“เราเป็นผู้ชายด้วยกันนะ มันไม่ควรจะเกิดขึ้น”
“ตอนนี้ฉันไม่สนอะไรทั้งนั้น ฉันจะชดใช้ให้ คุณแม่ต้องการให้มันเป็นอย่างนี้เราต้องเล่นมันให้สมบทบาท”
กล่าวแล้วเขาก็อุ้มผมขึ้นมาวางบนเตียงแล้วตามขึ้นมาคร่อมร่างไว้ ตรึงข้อมือไว้เหนือศีรษะ ส่งใบหน้าลงมาซุกไซ้ที่ซอกคออย่างดุดัน ด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่คละเคล้าความหวามไหวทำให้ผมตอบรับความดุดันนั้นอย่างสมยอม เมื่อรู้ว่าผมมีอารมณ์ร่วมแล้วก็ยอมปล่อยข้อมือให้เป็นอิสระ แทนที่จะตบตีหรือผลักตัวเขาออกหากทว่าผมกอดต้นคอหนาไว้อย่างแน่นหนา ในขณะที่ริมฝีปากถูกประกบจูบอย่างดูดดื่มไม่หยุดหย่อน
เขาเลื่อนตัวลงมาอย่างช้า ๆ ผ่านเนินอกและหน้าท้องอันแบนราบ ในตอนนั้นผมรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร จึงบีบขาทั้งสองเข้ามาด้วยสัญชาตญาณ หากทว่าเขาทำหน้าดุให้แล้วแยกมันออกอีกครั้ง ส่งมือเข้ามาทักทายเจ้าบิวน้อยที่ไม่เคยมีคนได้สัมผัส ผมจำต้องขบริมฝีปากล่างเพื่อไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกไป นั่นเพราะเขาใช้ปากกับส่วนนั้นจนร่างสั่นเทิ้ม กระตุกทุกครั้งที่ใช้ลิ้นละเลงส่วนหัว รู้สึกดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเก่งเรื่องอย่างว่าจนทำให้คนที่ไม่เคยอย่างผมเกิดความประทับใจ จากนั้นเขาก็พลิกตัวขึ้นมาให้ผมทำเช่นนั้นบ้าง แม้จะไม่เคยแต่เขาก็สอนจนผมเริ่มทำได้และคุ้นชินกับมันเป็นอย่างดี
“ถะ...ถุงยางล่ะ”
“ไม่มี ปกติก็ไม่เคยใส่”
“ถ้าอย่างนั้นก็หยุด ผมไม่เชื่อใจคุณ”
“ฉันไม่มั่ว ไม่มีโรคแน่”
“ยังไงผมก็ไม่ไว้ใจ”
“หลั่งข้างนอกก็ได้”
“ไม่ได้!”
ถึงจะเกิดอารมณ์มากแค่ไหนก็ยังมีสติมากพอ ผมพยายามใช้ขาดันเขาให้ลงจากเตียงไป ทว่ามาเฟียหนุ่มหล่อกลับโถมตัวเข้ามาโอบกอดไว้ ส่งสายตามายั่วยวนชวนสยิวกิ้ว เคลื่อนใบหน้าเข้ามาคลอเคลีย ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังอย่างเสน่หา คิดจะหว่านล้อมผมหรือไงนะ
“ฉันปลอดภัยแน่ แค่ครั้งเดียวไม่เป็นอะไรหรอกน่า” โทนเสียงอันทรงเสน่ห์นี้ทำให้ผมเคลิ้มตามได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
“ก็ได้ แต่คุณสัญญาแล้วนะ”
“ฉันสัญญา”
เมื่อได้รับอนุญาตแล้วเขาก็เริ่มบรรเลงบทเพลงรักอย่างไว นับเป็นครั้งแรกที่ผมมีอะไรกับผู้ชาย วินาทีที่เขาเอามันเข้ามาเจ็บปวดเหมือนร่างจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ จนต้องขอร้องให้เขาเอามันออกไป คุณนาธานยอมทำตามแต่ก็พยายามดันมันเข้ามาอีกครั้งจนสำเร็จ เขาเล้าโลมช่วยเพื่อให้ผมผ่อนคลาย เมื่อเราเชื่อมต่อกันแล้วเขาก็เริ่มขยับสะโพก
“อะ...อื้อ...เจ็บ!”
“เดี๋ยวก็หายเจ็บแล้ว เชื่อฉัน”
โทนเสียงอบอุ่นและแววตาหวานซึ้งขับกล่อมให้ผมพยักหน้ารับ ยอมอดทนเพื่อให้พายุแห่งความเสน่หานี้จบลงไป ไม่นานความเจ็บปวดก็ทุเลาลง มีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่ เสียวซ่าน สนุก ตื่นเต้น เร้าใจ เขาพาผมโลดแล่นท่ามกลางพายุเสน่หาจวบจนจะถึงฝั่งฝัน ในวินาทีนั้นผมทำได้เพียงนอนส่งเสียงร้องครวญครางเพื่อระบายความกำหนัด โดยลืมไปว่าเขาจะต้องหลั่งข้างนอก เราทั้งสองส่งเสียงแข่งกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เหงื่อกาฬไหลหลั่งออกมาจนเปียกชุ่มไปทั้งตัว เขาเร่งจังหวะสะโพกเร็วและแรงขึ้นจนในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทางพร้อมกัน
“แฮ่ก ๆ เสียวไหม”
“อื้อ...”
ผมตอบได้เพียงเท่านั้นเพราะยังคงรู้สึกเหนื่อย ร่างหนายังคงทับทาบบนตัวผม เขายังคงคลอเคลียที่ซอกคอ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเขาได้หลั่งข้างในไปแล้วความตกใจจึงบังเกิดขึ้น
“นี่คุณ! ไหนบอกจะหลั่งข้างนอก ลุกออกจากตัวผมเดี๋ยวนี้เลย คนไม่รักษาสัญญา”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ อารมณ์มันพาไป ครั้งเดียวเองน่า อีกอย่างฉันก็ไม่มีโรค กลัวแต่เธอนั่นล่ะ”
“ผมไม่เคยมีอะไรกับใครจะไปติดโรคมาจากไหนล่ะ คุณนั่นล่ะที่ไม่เคยใส่ถุงยางมีความเสี่ยงกว่าผมตั้งเยอะ” ด้วยความโมโหผมจึงฟาดมือไปที่แก้มเขาอย่างสุดแรง น้ำตาไหลพรากเพราะกลัวว่าตัวเองจะติดโรคจากเขา
“แล้วไง! เธอเองก็ชอบมัน เธอยอมเองช่วยไม่ได้”
“ฮึก...ออกไปเลย รีบกลับไปเลย ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ”
“นี่ห้องนอนฉัน” เขาส่งเสียงดุกลับมา
“ผมจะไปเอง”
กล่าวจบก็ลุกขึ้นจากเตียงเก็บเสื้อผ้าที่ทิ้งเกลื่อนขึ้นมาสวมใส่ กำลังจะวิ่งออกไปแต่นึกขึ้นได้ว่าประตูข้างนอกถูกล็อกเอาไว้ แล้วอย่างนี้จะออกไปได้อย่างไร
“ออกไปสิ” เขาทำลอยหน้าลอยตา นอนค้ำศีรษะอยู่บนเตียงอย่างสะใจที่เห็นผมจนมุม
“ถ้าผมติดโรคขึ้นมาผมเอาคุณตายแน่!”
“จริง ๆ แล้วเมื่อหลายวันก่อนฉันก็มีอาการแปลก ๆ นะ มีตุ่มขึ้นตามตัวด้วย กะว่าจะไปหาหมออยู่พอดี” เขายิ้มเจ้าเล่ห์
“อี๋! คุณมันน่ารังเกียจที่สุด ผมเกลียดคุณ!”
“เรื่องนี้ฉันไม่ได้ผิดมันเป็นแผนของคุณแม่ต่างหาก เอาเป็นว่าฉันจะให้ค่าแรงก้อนนึงก็แล้วกัน เราจะได้เลิกแล้วต่อกัน พรุ่งนี้ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าเธอติดโรคขึ้นมาฉันจะจ่ายค่ารักษาให้ทุกบาททุกสตางค์”
“ต่อให้เงินมากองเป็นสิบล้านก็แลกกับสิ่งที่ผมเสียไปไม่ได้หรอก! ถ้าติดโรคจากคุณขึ้นมาชีวิตผมเหมือนตกนรกทั้งเป็นตลอดชีวิตแน่ ๆ ฮือ...”
“ช่วยไม่ได้” ว่าแล้วเขาก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างสบายใจอยู่บนเตียง ผมรีบวิ่งแจ้นเข้าไปล้างเนื้อล้างตัว ล้างกลิ่นคาวของผู้ชายคนนั้นออกไปให้หมด แค่ครั้งเดียวหวังว่าผมคงไม่โชคร้ายถึงขนาดนั้นหรอกกระมัง