เสียงห้าวทรงอำนาจเปล่งออกมาจากริมฝีปากเหยียดยิ้ม แม้เขาจะใส่เสื้อเมืองสีน้ำตาลนวล แต่ใบหน้าคมคร้าม ร่างกายสูงใหญ่ กับสายตาดุดันที่มองมา ไม่ได้บอกถึงความอ่อนโยนเลยสักนิด
“หนู... หนูขอโทษค่ะ ถ้าทำอะไรให้พ่อเลี้ยงไม่พอใจ แต่พ่อเลี้ยงกรุณาอย่าทำอะไรน้องหนูเลยนะคะ”
นลินนิภาพนมมือไหว้เพราะว่าเขาเป็นเพื่อนกับพ่อเลี้ยงพงษ์นภดล และผู้ชายที่พาหล่อนเข้ามาก็บอกกับนายตำรวจว่าพ่อเลี้ยงรออยู่ หล่อนจึงทึกทักว่าเป็นเขาอย่างแน่นอน
‘พนมไพร’ กวาดสายตาลุ่มลึกมองเด็กสาวที่นั่งตัวสั่นพนมมือไหว้เขาประหงกๆ เหมือนว่าเขาเป็นเจ้าเป็นนาย เหมือนเขาจะสามารถตัดสินคดีในวันนี้ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพากฎหมาย
ความจริงเขาก็อยากทำแบบนั้น อยากปล่อยให้กฎหมายจัดการ แต่เห็นสภาพเด็กอายุไม่น่าจะเกิน 15 ปี ร้องไห้โฮแบบเสียขวัญเพราะเหลือมันอยู่คนเดียว แต่เพื่อนๆ ร่วมแก๊งหนีไปได้หมด นั่นก็ทำให้เขาต้องคิดใหม่
เขาเห็นไอ้เด็กแก๊งนี้ผ่านกล้องวงจรปิดที่ส่งผ่านไปยังหน้าจอมือถือของเขาตั้งแต่ตอนที่ขับรถออกมาจากงานแต่งงานของพงษ์นภดล
แต่เพราะเห็นว่าเป็นเด็กเขาก็เลยชะล่าใจไม่ได้กดเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาจัดการในทันที แค่จะรอดูว่าเด็กพวกนี้จะทำอะไรบ้าง ซึ่งคงไม่มีอะไรมากไปกว่าขโมยของกินและขโมยเงิน
และนั่นนับเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงของเขา เพราะหนึ่งในเด็กพวกนั้นมันเหมือนย่ามใจที่เข้ามารื้อค้นของในร้านของได้ง่ายๆ พร้อมทั้งกวาดเงินสดหน้าเคาน์เตอร์ไปได้อย่างสบายๆ
พวกมันจึงพากันเปิดตู้เย็นหยิบน้ำดื่มกับขนมออกมากินกันสบาย กินทิ้งกินขว้างลงพื้น
แล้วก็มีในหนึ่งของไอ้พวกนั้นที่พิเรนทร์ เอาเทียนหอมตั้งโชว์ในตู้ออกมาจุดเรียงรายกันทั้งหมด
แค่เห็นมันจุดไฟ เขาก็ต้องสบถออกมาอย่างหัวเสีย รีบโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเร็ว เพราะแค่มันมาลักขโมย เขาก็คิดว่าจะสั่งสอนแล้วเรียกผู้ปกครองมารับทราบ คาดโทษกันไว้ ไม่ให้มีครั้งต่อไป แต่นี่มันกำลังเล่นฝืนเล่นไฟ
และก็เป็นดังคาด เมื่อไอ้คนจับเทียนหอมวิ่งไล่ไปมา สะดุดล้มไปบนโซฟาจนเทียนไปจ่ออยู่ที่ผ้าม่านโปร่งแสง เกิดเป็นไฟลุกพึ่บ
นั่นทำให้เขาต้องโทร.บอกตำรวจอีกรอบว่าเด็กพวกนั้นมันจุดไฟเล่นกัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรแจ้ง จนท.ดับเพลิงมาด้วย จากนั้นเขาก็สั่งให้ลูกน้องขับรถบึ่งมาที่ร้านให้เร็วที่สุด
โชคดีที่ไฟไหม้แค่ผ้าม่านประดับร้าน ไม่ได้ลามไปยังร้านรวงร้านอื่น เพราะหากเป็นแบบนั้น ความเสียหายคงจะประเมินค่าไม่ได้ เพราะในย่านที่เขาอยู่ ล้วนแต่มีร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะ สนนราคาสินค้า จึงเป็นคนละเกรดกับที่คนทั่วไปใช้
แต่ก็โชคไม่ดีที่กระบวนการฉีดน้ำดับไฟทำให้สินค้าของเขาเสียหายทั้งหมด เพราะ ‘PhanomPhrai Enjoy’ เป็นร้านจำหน่ายชาออร์แกนิค เมื่อสินค้าเปียกน้ำก็เท่ากับเสียหายร้อยเปอร์เซ็นต์
พอเกิดเรื่องไอ้พวกเด็กเหลือขอก็พากันหนีหายกระจัดกระจาย จับได้แค่คนเดียวก็คือไอ้เด็กนี่ ไอ้คนที่ดูหงอที่สุดในกลุ่ม พอเกิดเรื่องก็หนีไม่ทันอยู่คนเดียว
“พูดง่ายๆ ว่าไม่ให้ทำอะไร แล้วเธอดูน้องเธอบ้างไหม ว่ามันทำอะไรไว้บ้าง ดึกๆ ดื่นๆ ไม่รู้จักนอน ทำตัวเหลือขอเที่ยวลักขโมยของชาวบ้าน แถมยังบ้าบอทำไฟไหม้ร้านฉันอีก”
เด็กสาวตรงหน้าที่ค้อมกายตัวสั่นพนมมือไหว้เขาเมื่อครู่กลายเป็นนั่งตัวตรง เชิดหน้า หลังแข็ง มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่พอใจในคำพูดของเขา
พนมไพรแค่นยิ้ม ถ้าน้องชายกล้ามาลักขโมยของแบบนี้ พี่สาวก็คงอวดดีไม่แพ้กัน
“แล้วนี่พ่อแม่ไปไหน ทำไมไม่เรียกพ่อแม่มาด้วย หรือว่ายังเก็บโต๊ะจีนไม่เสร็จ”
เขาเดาว่าหล่อนคงเป็นลูกของคนใดคนหนึ่งในร้านโต๊ะจีนที่พงษ์นภดลจ้างมาเป็นแน่ แต่เรื่องใหญ่แบบนี้ก็ควรจะให้พ่อแม่มาเจรจาไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ให้เด็กสาวที่ดูแล้วไม่น่าจะอายุถึง 20 ปี มาเจรจาต่อรอง เพราะหล่อนจะตัดสินใจอะไรได้
“คุยกับหนูได้เลยค่ะ”
“ฉันจะคุยกับพ่อแม่ของเธอ โทร.เรียกมาเดี๋ยวนี้ ให้มาด่วน! เพราะถ้าไม่มา ฉันจะส่งน้องเธอให้ตำรวจ ข้อหาที่มันลักขโมยของฉันแล้วยังวางเพลิงด้วย แค่ 2 ข้อหานี้ติดคุกหัวโตแล้ว”
ใบหน้าและท่าทางของเด็กสาวเหมือนกำลังสะกดกลั้นอารมณ์โกรธของตัวเองไม่ให้ปะทุออกมา ซึ่งเขาก็เข้าใจได้เพราะหล่อนกำลังอยู่ในวัยพลุ่งพล่านไม่ต่างจากน้องชาย การถูกต่อว่าแบบนี้ คงไม่ใช่สิ่งที่ชอบใจนัก
แต่เขาเองก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอ่อนข้อให้ แค่เจรจากับผู้ปกครองก่อนก็ถือว่าปรานีมากแล้ว ถ้าชดใช้ค่าเสียหายมา เขาก็จะถือว่าหยวนๆ กันไป เพราะยังไงร้านก็ไม่ได้ไหม้ไฟ เพียงแต่ข้าวของเสียหายเท่านั้น
“ว่ายังไง จะโทร.เรียกพ่อแม่เธอมาไหม”
“โทร.ไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมโทร.ไม่ได้ รีบๆ โทร.สะ ให้พ่อแม่เธอมาเจรจาค่าเสียหายซะดีๆ จะได้ไม่ต้องส่งน้องเธอให้ตำรวจ นี่อายุเท่าไรเชียว วัยขนาดนี้ทำผิดก็ไปอยู่สถานพินิจได้แล้วนะ”
“สถานพินิจ ไม่ได้นะคะ”
“ทำไมจะไม่ได้ ก็ถ้าเธอยังงึกงักอยู่แบบนี้ ได้ไปจริงๆ แน่ โทร.เรียกพ่อแม่เธอมา”
หญิงสาวตรงหน้าที่ทำหน้าอ้ำอึ้งไม่ยอมพูด แต่ดวงตาที่คล้ายจะมีหยาดน้ำมองเด็กผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านหลังของเขา