ณ ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง
สาวน้อยข้างบ้านของผมสั่งอาหารอย่างคล่องแคล่ว ลักษณะท่าทางบอกชัดว่าไม่ใช่เด็กเนิร์ดเขินอายง่ายเหมือนสมัยก่อนแล้ว
“คล่องขึ้นเยอะนี่เรา แต่ก่อนจำได้ว่าเป็นเด็กเนิร์ด ชอบอ่านหนังสือ แถมตัวเล็กนิดเดียว เจอทีไรก็ตัวยังเปื้อนดินเปื้อนโคลนตลอด” ผมมองเธอหัวเราะอย่างน่ารัก ทำเอาหัวใจกระตุกวาบอย่างน่ารำคาญ
“มีแต่พี่ทองนี่แหละค่ะที่บอกว่าดาวเป็นเด็กเนิร์ด”
“ก็เห็นสอบได้ที่หนึ่งตลอด ไม่ให้เรียกว่าเด็กเนิร์ดแล้วจะให้เรียกว่าอะไร”
“เรียกว่าเด็กฉลาด โตเกินวัยก็ได้นี่คะ ตอนนั้นดาวแก่แดด อยากโตเร็ว ๆ อยากมีแฟนเร็ว ๆ เลยตั้งใจเรียน” นับดาวยิ้มน้อย ๆ ผมเพิ่งสังเกตว่าเธอมีลักยิ้มด้วยข้างหนึ่ง มองแล้วรู้สึกมันเขี้ยวจนน่าหยิก
“แล้วที่เปื้อนดินเปื้อนโคลนตลอดนั่นจะอ้างว่าอะไร”
“ดาวแค่ชอบปลูกต้นไม้ แม่ของดาวชอบต้นไม้น่ะค่ะ” เธอไม่พูดอะไรอีก รีบเคี้ยวซูชิคำโตตุ้ย ๆ เพราะกลัวว่าจะกลับไปไม่ทันเวลาเข้างานในตอนบ่าย
“แล้วเรื่องคุณแม่”
“ไม่มีอะไรมากค่ะ ดาวรายงานคุณป้าไปว่าพี่ทองไปทำงานที่ต่างจังหวัดบ่อย ๆ เพราะช่วงนี้มีโปรเจกต์ใหญ่ที่ต้องดูแลใกล้ชิด ถ้าวันไหนพี่ทองแวะกลับมานอนที่กรุงเทพฯ ก็จะพาดาวไปกินข้าวที่ร้านอาหารอิตาเลียนแถวทองหล่อ”
ต้องยอมรับเลยว่านับดาวทำงานได้ละเอียด เธอยื่นสมุดบันทึกที่จดทุกอย่างไว้อย่างคร่าว ๆ ให้ผมได้อ่าน วันเวลาที่ผมอยู่กรุงเทพฯ เธอจะใส่ตารางมโนในวันที่ผมว่าง ๆ ว่าผมพาเธอไปทำนู่นทำนี่กันตามประสาคนรัก นอกเหนือจากกินข้าวก็มีดูหนังฟังเพลงไปตามเรื่อง
“เดี๋ยวดาวจะส่งเมลตามไปให้ทีหลังนะคะ” เธอขอสมุดบันทึกปกสีขาวคืน ซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดใจอะไร
“พี่เพิ่งจะถามจากคุณสุภาพเมื่อไม่กี่วันก่อน เห็นว่าดาวทำงานเป็นระเบียบดี บอกอะไรครั้งเดียวก็จำได้ ไม่ต้องย้ำครั้งที่สอง ดูท่าคุณรุ่งคงไม่ต้องห่วงลูกสาวแล้ว” ผมโกหก ผมเพิ่งจะไลน์ถามคุณสุภาพเมื่อครู่นี้เองว่าสาวน้อยนับดาวของผมทำงานเป็นยังไงบ้าง
“แม่ไม่มีอะไรต้องห่วงดาวมากนักหรอกค่ะ นอกจากเรื่องของความรัก… ดาวเพิ่งจะเลิกกับแฟนน่ะค่ะ”
“เป็นเด็กเป็นเล็ก จะรีบมีแฟนไปทำไม”
“ดาวไม่เด็กแล้วนะคะ อายุยี่สิบสามปีแล้ว พี่ทองนั่นแหละที่แก่มาก”
“นับดาว!”
ทว่าเธอไม่สนใจรับฟังคำดุของผม รีบเรียกพนักงานมาเก็บเงิน ก่อนจะขออนุญาตจ่ายค่าอาหารกลางวันเอง ทีแรกผมก็ตั้งใจว่าจะขัด แต่พอนึกได้ว่านี่คือโอกาสดีที่ผมจะได้อ้างพาเธอออกมาทานข้าวข้างนอกอีกครั้งเพื่อเลี้ยงคืนในวันข้างหน้า ผมเลยไม่ได้ขัดข้องอะไร
ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ในระหว่างที่เธอกำลังรอจ่ายเงิน ก็คิดไปเรื่อยว่าจะทำอย่างไรกับแฟนจอมปลอมของผมต่อไปดี ควรจะบังคับให้แม่ตัวดีกลับบ้านไปด้วย คุณหทัยรัตน์ของผมจะได้ไม่สงสัย หรือว่าจะปล่อยให้เธอได้ใช้วันหยุดสุดสัปดาห์ตามประสาเด็กสาว
ในขณะที่ผมกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ภาพตรงหน้าที่ได้เห็นก็ดึงสติของผมเต็มแรง
นับดาวกำลังกอดอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งอยู่และหมอนั่นหน้าตาค่อนข้างดีเลยทีเดียว
“พี่ก้องปล่อยดาวนะคะ”
“ปล่อยได้ยังไง น้องดาวอุตส่าห์มาหาพี่ถึงที่นี่”
“ดาวไม่ได้มาหาพี่ก้องนะคะ ดาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่ร้านของพี่ก้อง”
“น้องดาวใจอ่อนเถอะนะคะ พี่คิดถึงดาวไม่ไหวแล้ว”
ไอ้เลวเอ๊ย! ผู้หญิงเขาบอกว่าให้ปล่อย แต่กลับหน้าด้านหน้าทน บอกว่าคิดถึงจนจะไม่ไหว อย่างนี้ต้องเจอรุ่นใหญ่สักหน่อยแล้ว!
“พี่ก้องปล่อยนะคะ เดี๋ยวแฟนของดาวเห็นจะเป็นเรื่อง” ผมหยุดอยู่ตรงนั้น เพราะอยากรู้ว่านับดาวจะอ้างอะไรต่อ
“น้องดาวอย่าโกหกนะคะ พี่เห็นน้องดาวมากับลุงแก่ ๆ แฟนบ้าอะไรกัน”
“นั่นพี่ทองค่ะ ดาวกับพี่ทองเพิ่งจะตกลงคบกันได้ไม่นานนี่เอง พี่ก้องปล่อยดาวนะคะ”
“ที่แท้ก็ไอ้ลุงข้างบ้านที่น้องดาวแอบชอบจนไม่เคยเปิดใจให้กับพี่” หมอนั่นหมายความว่าอะไรกันแน่ แล้วทำไมพูดเหมือนกับว่ารู้จักผม แล้วทำไมถึงเรียกผมว่าลุงข้างบ้าน
มึงหน้าเด็กตายล่ะ!
“พี่ก้องปล่อยดาวไปตามทางเถอะนะคะ ที่ผ่านมาถือว่าเราหายกัน เรื่องที่ดาวไม่เคยรักพี่เพราะหัวใจเป็นของพี่ทอง เรื่องที่พี่รักดาวน้อยจนเผื่อใจไปให้สาว ๆ อีกหลายคน ดาวจะถือว่าระหว่างเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก”
“น้องดาว…” ผมมองเห็นไอ้หนุ่มคนนั้นค่อย ๆ ปล่อยมือจากนับดาว สมองของผมประมวลผลอย่างเร่งด่วน
นับดาวชอบผมไม่เปลี่ยน สี่ปีที่ผ่านมา เธอไม่ได้ลืมผมอย่างที่อ้างและผมก็กำลังใช้ประโยชน์จากความรู้สึกดี ๆ ที่เธอมีให้กัน ผมมันเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ไม่ได้จริง ๆ
“จ่ายเงินเสร็จหรือยัง ฉันมีธุระต่อ” กลไกป้องกันตัวเองให้หลุดพ้นจากความน่ารักของสาวน้อยข้างบ้านเริ่มทำงาน ผมกลับไปแทนตัวเองด้วยคำพูดที่เหินห่าง ก่อนจะหรี่ตามองไอ้ผู้ชายที่ชื่อก้องอย่างไม่พอใจนัก
“อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้วค่ะ” ผมบอกเธอว่าจะไปรอที่รถ แต่ก็ยังทันได้ยินไอ้เด็กผู้ชายปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอ่อยนับดาวให้ใจอ่อนอีกครั้ง
“น้องดาวไม่ต้องจ่าย มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง ต่อให้ไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว แต่พี่ขอให้เราได้เป็นพี่น้องกันต่อได้ไหมคะน้องดาว” ผมทนฟังมันออดอ้อนไม่ไหว เดินออกจากร้านแล้วปิดประตูดังโครม!
หลังจากนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ในรถอยู่เกือบห้านาที นับดาวก็เดินตามมาขึ้นรถ สีหน้าของเธอสงบนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ ราวกับเมื่อครู่นี้ไม่ได้เผชิญหน้ากับคนรักเก่า ผมเห็นเธอไม่พูดอะไร จึงขับรถออกจากร้านไปเงียบ ๆ
“นั่นแฟนเก่าเธอเหรอ” ผมอดสอดปากถามไม่ได้
“ค่ะ พี่ก้องกับดาวเลิกกันนานแล้ว แต่กว่าจะตัดกันขาดได้ก็นานเหมือนกัน แฟนคนแรกของดาวนี่คะ” นับดาวหันมายิ้มจาง ๆ ให้กับผม ก่อนจะหันไปจ้องสมุดบันทึกสีขาวของตัวเองตามเดิม
แฟนคนแรก... ระหว่างนับดาวกับไอ้หน้าอ่อนนั่น คงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว
“วันนี้ฉันจะกลับบ้านไปหาคุณแม่ ถ้าเธอไม่มีธุระก็กลับไปเสียด้วยกัน”
“สุดสัปดาห์นี้แม่ของดาวติดธุระที่ต่างจังหวัดค่ะ คงไม่กลับบ้าน ป้ามาลีก็ขอลางานกลับไปเยี่ยมญาติ ดาวอยู่ที่คอนโดดีกว่าค่ะ”
“แต่ฉันอยากให้เธอกลับบ้าน ฉันไม่รู้ว่าเธอโกหกอะไรกับคุณแม่ไปบ้าง ฉันไม่อยากทำพลาดให้คุณแม่จับได้” ผมเกลียดที่นับดาวโกหกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว
แต่ก็แอบดีใจอยู่ลึก ๆ ที่เธอยังแอบมีใจให้กัน
“งั้นดาวแวะกินข้าวกับคุณป้าก่อนก็ได้ค่ะ”
“ห้าโมงเย็นให้ไปเจอกันที่ลานจอดรถ ห้ามเลท”
“ค่ะ บอส” ปลายเสียงของเธอตวัดสูง แสดงออกชัดว่าไม่พอใจกับความเผด็จการของผม แต่ในเมื่อผมเป็นเจ้านาย และเธอเป็นแค่เด็กเส้น ผมอยากจะทำยังไงก็ได้
ผมจะลงโทษกับเด็กเส้นที่โกหกว่าไม่ชอบกันยังไงก็ได้!