Chapter 5
ต้องได้
ฉันอยู่ในชุดเดรสซึ่งเป็นแบบการแต่งตัวประจำวันของวันนี้ มันเป็นเดรสสีดำความยาวเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย สัดส่วนรัดรูป ส่วนผมก็ปล่อยสยายโยที่ปลายดัดม้วนเป็นลอน
ฉันมองตัวเองในกระจกบานใหญ่พลางถอนหายใจออกมาหนัก ๆ แต่ไม่นานก็ตัดสินใจที่จะเดินออกจากห้องและรีบไปทำหน้าที่ของตัวเองสักที
“เธอมานี่หน่อยสิ” เสียงเรียกของลูกค้าจากทางฝั่งซ้ายทำให้ฉันชะงักฝีเท้า กระทั่งมั่นใจว่าเขาเรียกตัวฉันจริง ๆ ถึงได้เดินเข้าไปหา พร้อมด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างที่งานบริการควรทำ
“ลูกค้าต้องการอะไรเพิ่มหรือเปล่าค่ะ” ฉันโค้งศีรษะลงเล็กน้อยหลังจากพูดจบ เนื่องจากเสียงเพลงภายในผับค่อนข้างดังมาก นั่นจึงทำให้ฉันไม่ค่อยได้ยินเสียงของคนตรงหน้ามากนัก
“อยู่นั่งเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ” ไม่ว่าเปล่า มือหนาของลูกค้าคนนั้นยังจับรั้งที่ข้อศอกของฉัน กระทั่งเขาออกแรงดึง จนทำให้ฉันเซเข้าไปใกล้เล็กน้อย
“เอ่อ...กะ...ก็ได้ค่ะ” ฉันหันมองโดยรอบก็ไม่พบใครที่ผ่านไปมา จึงตัดสินใจนั่งลงที่โซฟาตัวยาว เนื่องจากการทำหน้าที่เสิร์ฟนั้นสามารถนั่งดื่มกับลูกค้าได้ หากแต่ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ที่ทางร้านตั้งไว้
แต่ทว่า...
หมับ!
“อ๊ะ!” ฉันร้องขึ้นเมื่อถูกมือหนากอดรัดที่เอวของตัวเอง เขาขยับมาใกล้ จนใบหน้าแนบชิดที่ต้นแขน หลังจากนั้นริมฝีปากก็กดจูบที่หัวไหล่จนทำให้ฉันรีบผละตัวออกอย่างนึกรังเกียจ “ปล่อยนะคะ คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้!”
“เอาน่า เดี๋ยวฉันเพิ่มเงินให้เป็นพิเศษ ยอมฉันหน่อยเถอะนะน้อง” อีกฝ่ายไม่สนใจแรงขัดขืน เขาจับมือของฉันออกและกำเอาไว้แน่น ก่อนที่ใบหน้าจะโน้มเข้ามาใกล้จนฉันต้องรีบผลักไสขยับตัวออกห่างแม้ว่าจะแทบไม่เป็นผลเลย
“อื้อ ยะ...อย่านะคะ ปะ...ปล่อยฉัน!”
“ฉันจะให้เธอสองเท่าถ้ายอมทำตัวน่ารักกับฉัน”
“มะ...ไม่ ไม่นะ ปล่อย” เสียงของฉันสั่นเทาจนเอ่ยไม่ได้ศัพท์ ตอนนี้ทั้งหวาดกลัวและตกใจไปทั้งหมด พยายามกวาดมองหาให้คนช่วย แต่ก็ไม่มีใครที่เดินผ่านมาทางนี้เลย
จนกระทั่ง...
หมับ!
ตุ้บ!
“งดมีเพศสัมพันธ์ในร้าน!” เสียงเข้มทรงพลังตวาดกร้าวหลังจากที่เขากระชากและโยนร่างของลูกค้าคนนั้นลงกับพื้น
ฉันรีบขยับตัวหนี เงยหน้าขึ้นมองคนที่เขามาช่วย กระทั่งพบว่าเป็นพายุที่ตอนนี้กำลังจ่อลำปืนสีดำขลับ โดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องของลูกค้าท่านอื่นเลยสักนิด
“มึงเป็นใครวะ! มาเสือกทำไม!”
“พายุ” เขาตอบนิ่ง ๆ ขณะที่สายตาก็กดมองด้วยความเย็นชาไร้ความรู้สึก
“คิดว่ามึงใหญ่มากหรือไง!”
“จะเอายังไง”
“เจ้าของร้านอยู่ไหนวะ กูจะฟ้องให้หมด ร้านนี้แม่งทำร้ายลูกค้า!”
“งั้นมึงก็ตายซะ!” พายุไม่ได้สนใจกับคำโวยวาย เขากดลืมปืนแนบไปกับหน้าผากของคู่กรณี ส่งผลให้คนที่นั่งอยู่บนพื้นสั่นระริกหวาดกลัวความตายขึ้นมา
“ยะ...อย่า!”
“ยะ...อย่า อย่าทำเขาเลยนะ” ฉันรีบวิ่งเข้าไปคว้าข้อมือของพายุเอาไว้ ร้องขออ้อนวอนเสียงสั่นเพื่อหวังให้เขาใจเย็นลง
เขาหันมามองฉันด้วยสายตาดุ แต่ข้อมือยังไม่ลดระดับลง จนกระทั่งเขาเอ่ยเสียงราบเรียบกับคนบนพื้น
“อย่าปากเก่งให้มาก เดี๋ยวตายไม่รู้ตัว”
จบประโยค ข้อมือหนาก็คว้าหมับจับที่มือของฉัน ก่อนจะออกแรงลากดึงให้ฉันเดินตามไปโดยไม่พูดคำใดออกมา
“อ๊ะ...เจ็บนะ”
“อ่อยเก่งเหมือนกันนี่” คนตัวโตผลักฉันไปกระแทกกับกำแพงก่อนที่วาจาเหยียดหยามจะเอ่ยกระแทกหน้าที่ทำเอาฉันชาวาบไปทั้งหมด
“อ่อยอะไร” ฉันถามทั้งที่ภายในใจเริ่มเดือดดาล
“ถ้าฉันไม่มาขัด เธอคงเอากับมันไปแล้ว!”
“ไอ้เลว!”
เพียะ!
“ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น ฉันก็เป็นคน มีหัวจิตหัวใจเหมือนกัน อ๊ะ!”
หมับ!
“กล้ามากที่ตบหน้าฉัน!” มือหนาบีบรัดที่ข้อมือของฉันอย่างแรง เขาจับกระชากจนฉันเจ็บไปทั้งหมด หลังจากนั้นก็ออกแรงลากให้ฉันเดินไปยังห้องพักส่วนตัวตามด้วยริมฝีปากร้อนที่บดจูบลงมาจนต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด
“อื้อ!” ฉันเบิกตากว้างพยายามยกมือขึ้นทุบตีและผลักไสออกให้พ้นทาง แต่ยิ่งต่อต้านมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งกดริมฝีปากหนักหน่วงมากขึ้นเท่านั้น
“อื้อ อ่อยอ๊ะ(ปล่อยนะ!)”
มือใหญ่ปล่อยให้ข้อมือของฉันเป็นอิสระก่อนที่เขาจะลากไล้วนเวียนมาตามผิวกายที่ไม่ได้มีเนื้อผ้าปกปิด กระทั่งเขาออกแรงบีบเคล้นจนรู้สึกเจ็บ ฉันถึงได้พยายามกรีดร้องออกมาอีกครั้งหวังให้เขาหยุดการกระทำบ้า ๆ นี้สักที
“ชอบนักใช่ไหมให้คนอื่นเขามอง!”
“พูดบ้าอะไร!”
“รอยเก่ายังไม่ทันหายอยากได้รอยใหม่อีกแล้วเหรอ” สายตาคมกดมองมาตามผิวกายที่ยังคงมีรอยแดงจ้ำที่เขาฝากฝังเอาไว้เมื่อวันก่อน มันเริ่มจางหายไปบ้างแล้ว ทั้งยังมีเครื่องสำอางกลบปิดแต่ถ้าหากมองใกล้ ๆ ก็รู้อยู่ดีว่ามันคือรอยอะไร
“อื้อ ปล่อยนะฮึก...”
“ฉันไม่ชอบให้เธอเข้าใครผู้ชายหน้าไหน!”
“อ๊ะ...เจ็บ ปล่อยนะฮึก ฉันเจ็บฮือ...”
“เจ็บสิดี” เขาพรมจูบไปทั่วทั้งยังออกแรงดูดเม้มจนเกิดรอยแดงเด่นชัด
กระทั่งมือลากไล้ไปตามชุดเดรส เขาถอดมันออกอย่างเชื่องช้า แต่ฉันกลับร้องขึ้น
“หยุดเถอะได้โปรด...”
“ฉันลดหนี้ให้เพื่อนเธอไปแล้ว แต่ฉันยังไม่ได้อะไรตอบแทนเลยนะ เธอมาบอกให้ฉันหยุดแบบนี้มันเป็นการเอาเปรียบกันหรือเปล่า” พายุผละใบหน้าออกห่าง น้ำเสียงของเขาผ่อนเบาไม่ดุดันเหมือนเก่าจึงทำให้ฉันกล้าเอ่ยปากถาม
“ก็คืนนั้น...”
“อย่าบอกนะว่าเธอคิดว่าฉันทำมันลงไปแล้วจริง ๆ”
“อ้าว ก็...” ปากที่กำลังเถียงเป็นต้องหยุดชะงักเมื่อหัวสมองประมวลถึงความเป็นจริง
นั่นสินะ...
ฉันตื่นมาเพราะปวดเมื่อยตามตัว แต่กลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดในส่วนนั้นเลยสักนิด
“เธอนี่แม่ง...โคตรมึน!” จากอารมณ์ความต้องการที่พลุ่งพล่านแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ มือใหญ่ยกมือขึ้นยีเรือนผมนุ่มของฉันจนเกิดความตกใจ
“นะ...นี่! ขำอะไร” ฉันขมวดคิ้วถามอย่างเอาคำตอบ ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเขาหัวเราะกันทำไม
“เธอแม่งโคตรจะมึนเลยว่ะ”
“สรุปว่า...คืนนั้นนายไม่ได้ทำเหรอ” ความลำบากใจก่อเกิด แม้ว่าจะไม่อยากถามถึงแต่ฉันก็ควรได้รู้ความจริงว่าในคืนวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ลืมจริงดิ?”
“นี่! ฉันถามดี ๆ นะ ช่วยบอกความจริงได้ไหม”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอ ก็เพราะเธอสลบไปก่อนไงล่ะยัยโง่!” คำพูดตอกหน้าแต่กลับทำให้รอยยิ้มกว้างผลิบานออกมา
มันก็เท่ากับว่าฉันยังไม่ได้เสียตัวให้กับเขาสินะ...
“แต่จะทำวันนี้แหละ”
หมับ!
“อ๊ะ ปล่อยนะ ไอ้บ้า ฉันบอกให้ปล่อย”
ตุ้บ!
ร่างกายของฉันถึงโยนลงมาบนเตียงก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของคนตัวโตจะทาบทับตามมาอย่างรวดเร็ว แขนแกร่งกักกันล็อกตรึงเอาไว้ ไม่ว่าจะขยับหนีไปทางไหนก็ถูกเขาตามติดมาทุกเมื่อ
“ฉันขอยืนยันคำเดิมว่าฉันจะไม่ให้อะไรใครฟรี ๆ ในเมื่อฉันลดหนี้ให้เพื่อนเธอแล้ว คราวนี้ฉันก็ต้องได้เอาเธอ!”