หญิงสาวเงยหน้ามองเขาอย่างชั่งใจ สบตากับดวงตาคู่คมของเขาทีไร พานทำให้หัวใจเธอหวั่นไหวดื้อๆ ตื่นกลัวอย่างไม่รู้สาเหตุอยู่ร่ำไป หัวใจของเธอชั่งตวงน้ำหนักอย่างหนักหน่วง จะยอมเสียโอกาสหรือจะยอมเสี่ยง หากเธอยอมเสี่ยงก็ต้องยอมรับสภาพสติไม่สมบูรณ์ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ของเขา เธอจะคุยกับเขารู้เรื่องหรือเปล่าในเมื่ออีกคนดื่มมา
ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะรับโอกาสที่เขาหยิบยื่นมาให้ “ฉันอยากอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น ฉันไปห้องอันโตนิโอจริง แต่แค่เอายาไปให้เขา”
“ใจคอเธอจะยืนคุยกับฉันตรงนี้เลยหรือไง” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ
หญิงสาวกวาดสายตามองรอบๆ พื้นที่ตรงที่เขาและเธอยืนอยู่ไม่มีสถานที่เหมาะสมมากพอสำหรับการพูดคุยธุระอย่างเป็นทางการ
“ตรงนี้ก็ไม่มีที่ไหนสะดวกและเหมาะสม เชิญที่ห้องรับแขกดีกว่าค่ะ” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพเป็นการเป็นงานที่สุด
“หึ” คนฟังหัวเราะในลำคอพร้อมกระตุกยิ้มออกมา
“มันจะไม่ยุ่งยากสำหรับฉันไปหน่อยเหรอ”
“แค่เดินลงไปข้างล่างฉันคิดว่าไม่น่าจะยุ่งยาก” หญิงสาวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงระดับเดิม
ชายหนุ่มเหล่สายตาพลางพยักพเยิดไปที่ประตูห้องนอนของตัวเอง เห็นอย่างนั้นดวงหน้าของหญิงสาวก็แดงก่ำขึ้นมาทันที เรียกว่าโกรธเต็มที่ก็ไม่ผิดนัก แต่เธอยังคงรักษามารยาทเอาไว้
“คงไม่เหมาะหากฉันจะเข้าไปอยู่ในห้องส่วนตัวตามลำพังสองต่อสองกับคุณในเวลากลางคืนอย่างนี้ แม้ว่าเราจะพูดคุยกันในเรื่องงานก็ตาม”
“แต่ฉันก็เห็นเธอไปพักค้างอ้างแรมกับผู้ชายสองต่อสองมาแล้วไม่ใช่หรือ” ชายหนุ่มย้อนความทันที
ลมหายใจของหญิงสาวจุกตื้ออยู่ที่อก จะปฏิเสธเขาได้อย่างไรเล่าในเมื่อสิ่งที่เขาพูดออกมาเป็นความจริงทุกคำ และเธอกำลังจะใช้โอกาสนี้แก้คำกล่าวหาที่เขายัดเยียดมาให้ก่อนหน้า รวมไปถึงนักข่าวที่ยัดเยียดความอับอายให้เธอมาด้วย
“ว่ายังไง” ชายหนุ่มถามย้ำอีกรอบ
“ฉันขอเป็นพรุ่งนี้นะคะ” หญิงสาวต่อรอง
“ประกาศิตของฉันคำไหนคำนั้น ที่ให้โอกาสเธอคืนนี้ก็เพราะเธอทำให้แม่ของฉันยิ้มออกมาได้ เธอทำให้แม่ของฉันมีความสุขมากที่สุดในรอบหลายๆ ปี”
หญิงสาวย่นหน้าค้อนเบาๆ ส่งให้ชายหนุ่ม ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าต้องการจะตอบแทนน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ นักธุรกิจอย่างเขาก็ต้องคิดถึงเรื่องผลประโยชน์เป็นหลักอยู่แล้ว
ชายหนุ่มเตรียมหันหลังกลับเข้าห้อง ไม่แยแสคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นอีกต่อไป “ราตรีสวัสดิ์สาวน้อย หวังว่าพรุ่งนี้ฉันจะไม่ได้เจอเธอที่นี่ และคงไม่ได้เจอกันที่สโมสรอีก” ชายหนุ่มบอกทิ้งท้ายก่อนจะเปิดประตูห้อง
หญิงสาวรีบปรี่ไปดักหน้า กางมือออกขวางเขาเอาไว้
“โอเคค่ะ ในห้องก็ได้”
“ก็แค่นั้น” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับเปิดประตูให้หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องก่อน
เสียงประตูปิดลงดังปัง! เล่นเอาปาจรีย์สะดุ้งสุดตัวตามเสียงประตูถูกกระแทกปิดอย่างแรง เธอไม่รู้อารมณ์ของคนปิดประตูตอนนี้สักเท่าไร หลังจากปิดประตูชายหนุ่มก็ก้าวเท้าขยับเข้าหา
หญิงสาวถอยร่น มือทั้งสองไขว้ไปทางด้านหลัง สองเท้าขยับออกทีละก้าว ใบหน้าซีดเผือด หายใจหอบอย่างตื่นตระหนก แววตากร้าวดุดันของเขาน่ากลัวยิ่งกว่าเพชฌฆาตที่เธอให้ฉายาก่อนหน้านี้หลายเท่าตัว จนเธอไม่กล้าเงยขึ้นมอง
โดนัลด์ เลิฟ ก้าวเข้าหาอย่างช้าๆ ต้อนหญิงสาวจนมุม หยุดยืนเบื้องหน้าเธอ กักแขนสองข้างกั้นตัวหญิงสาวเอาไว้ ดวงหน้าเขาราวกับสัตว์ป่ากำลังจะตะครุบเหยื่อ
กลิ่นไวน์อ่อนๆ โชยออกมาจากลมหายใจของเขา ปาจรีย์บอกตัวเองไม่ถูกว่ามันคือกลิ่นอะไรกันแน่ อยากสูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอดเพื่อย้ำและพิสูจน์กลิ่นให้ชัดเจนว่ากลิ่นนี้เธอชอบหรือรังเกียจขยะแขยง อีกใจก็อยากถอยห่างออกไปจากตรงนั้น
หัวใจของปาจรีย์กระตุกร่วงหล่น ลำคอแห้งผากเสมือนขาดน้ำหล่อเลี้ยงมาแรมเดือน สภาวะที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร แทบจะบอกได้ว่าครั้งนี้เธอใกล้ชิดผู้ชายที่สุด
ชายหนุ่มเลื่อนมือจากกำแพงมาจับไหล่สองข้างของเธอเอาไว้ สายตาคมคู่นั้นจ้องลึกราวกับกำลังจะเชือดคอเธอให้ตายลงตรงนั้น ร่างกายสั่นสะท้านไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ใบหน้าแสดงความหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง
โดนัลด์ เลิฟ แสยะแยกเขี้ยว เหมือนเตรียมพร้อมจัดการกับเหยื่อตรงหน้า เขาโน้มใบหน้าคมเข้าหา ลมหายใจผสานกลิ่นไวน์ค่อยๆ คืบคลานมาใกล้เธออย่างช้าๆ ปาจรีย์สะดุ้งสุดตัวเปล่งเสียงสั่นรัวออกมา
“อย่านะ!” หญิงสาวยกมือทั้งสองข้างตั้งการ์ดป้องกันตัว เธอกำลังโชว์ฝีไม้ลายมือมวยไทยที่เธอเคยเห็นผ่านหน้าจอทีวีมาบ้าง
“ฮาๆ” ชายหนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น เมื่อเห็นอาการหวาดกลัวราวกับจิ้งจกตกน้ำตะเกียกตะกายเข้าหาฝั่งของเธอ
“คุณหัวเราะอะไร แล้วคุณจะทำอะไรฉัน ฉันสู้คนนะ”
ชายหนุ่มเลื่อนสองมือที่จับไหล่ของหญิงสาวขึ้นกอบกุมใบหน้างาม รั้งให้ดวงตาคู่สวยสบตากับตัวเอง
“ฉันรอฟังอยู่ ไม่ได้รู้สึกพิศวาสเธอสักนิด เธอจะอธิบายได้หรือยังว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง เสร็จแล้วฉันจะได้นอน” ชายหนุ่มบอกย้ำทีละคำชัดๆ
ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำขึ้นอย่างชัดเจน เพราะดันจินตนาการไปไกลว่าเขากำลังจะปล้ำตัวเอง
“คุณก็ปล่อยมือออกจากฉันก่อนสิ”
“ฉันจำเป็นต้องฟังคำสั่งคนอย่างเธอด้วยอย่างนั้นหรือ” หญิงสาวห้ามแต่ก็เหมือนยิ่งยุ โดนัลด์ยิ่งแกล้งขยับเข้าใกล้มากกว่าเดิม
“ได้โปรด”
ชายหนุ่มยอมปล่อยจากเธอและเดินถอยหลังไปนั่งอยู่บนเตียง พร้อมกับเท้าสองมือไว้กับเตียง นั่งเอนตัวอย่างสบาย ในขณะที่ดวงตาคมยังคงจับจ้องที่ดวงหน้าของหญิงสาวไม่วางตา
ปาจรีย์ยังคงสั่นระริกกับสายตาคู่คมที่จ้องมองเธอไม่กะพริบ ถึงตอนนี้เธอก็ไม่กล้าเงยหน้าสบตาเขา
“ใจคอจะยืนอีกนานไหม” คนบนเตียงถามเสียงเข้ม ที่จริงจะให้เขานั่งมองนางฟ้าแสนสวยยืนสั่นประหม่าอยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากนัก จากเมื่อครู่ปากบอกว่าไม่ได้พิศวาส ตอนนี้ร่างกายกลับคิดแตกต่าง
“คืนนั้นฉันเห็นอันโตนิโอบาดเจ็บ ผู้จัดการส่วนตัวของเขาก็บอกว่าอันโตนิโอไม่ยอมไปพบแพทย์ ฉันก็เลยเอายาไปให้เขาที่ห้อง แต่ว่าฉันกลัวนักข่าวด้านล่าง ก็เลยกะจะลงมาตอนดึก แต่ก็เผลอหลับไปจนเช้า อันโตนิโอเองก็ไล่ฉันกลับลงมาตั้งแต่ตอนแรกแล้วนะ มันเป็นความผิดของฉันเองที่ดื้อดึงดันทุรัง”
“คำพูดแค่นี้จะให้ฉันเชื่ออย่างนั้นน่ะหรือ มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอสาวน้อย” ชายหนุ่มถามแกมเยาะ ขยับตัวนั่งตรงพร้อมกับตั้งข้อศอกไว้ที่หัวเข่าตัวเอง ยกมือเท้าคางตัวเองมองหน้าหญิงสาว
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง สิ่งที่พูดมาทั้งหมดเป็นความจริง”
“วันก่อนเกิดเรื่องฉันเห็นเธอวิ่งลงไปหาเขาในสนามอากัปกิริยาไม่เหมือนคนรู้จักกันทั่วไป และในคืนนั้นเองก็มีข่าวว่าเธอย่องขึ้นคอนโดฯ ของเขาและกลับลงมาตอนเช้า คนนอกไม่สามารถเข้าไปในที่พักของนักกีฬาได้ แต่เธอเข้าได้และมีภาพหลุดลอดออกมา อะไรที่ทำให้พิสูจน์ได้ว่าพวกเธอทั้งคู่ไม่ได้มีอะไรกัน และอะไรที่จะเป็นตัวการันตีว่าเธอไม่ได้ปล่อยข่าวด้วยตัวเอง หืม” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามเสียงทุ้ม