Chapter 31 ฉันรักษาคำพูดเสมอ

1403 Words
ปาจรีย์ครุ่นคิดอย่างชั่งใจ จะรอหรือว่าจะปลุกให้เขาตื่นและบอกรหัสเพื่อที่เธอจะได้กลับห้อง อย่างน้อยถ้าเธอกลับห้องตอนนี้ก็จะไม่มีใครเห็น คิดได้เช่นนี้ก็รีบสาวเท้ากลับไปที่เตียง ก่อนจะใช้มือเขย่าร่างใหญ่ของเขา “คุณ...คุณ...” หญิงสาวเรียกพร้อมกับออกแรงเขย่ามากขึ้น “อือ...” คนที่ถูกรบกวนครางออกมาอย่างขัดใจ พร้อมกับจับข้อมือของหญิงสาวและกระชากลงมาอย่างแรง จนร่างเล็กล้มลงบนเตียง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเปลือกตาของคนบนเตียงยังปิดสนิท หากแต่มือหนาของเขาทั้งสองข้างก็ถือวิสาสะรวบตัวของหญิงสาวมากอดเอาไว้ พร้อมกับซุกหน้าลงกับอกของเธอแล้วหลับต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวนอนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับเขยื้อน ลมหายใจอุ่นๆ รวยรินบนหน้าอกของเธอทำให้ลมหายใจของเจ้าของเรือนร่างหายใจติดขัด เธอพยายามใช้มือดันหน้าผากของชายหนุ่มออก หากแต่โดนัลด์ก็เหมือนจะแกล้ง ยิ่งมือเล็กพยายามผลักไสเขาก็ยิ่งซุกใบหน้ากับทรวงอกนุ่มของหญิงสาวแน่นขึ้น มือหนาที่โอบกอดเธอไว้เริ่มลูบไล้ไปตามผิวเนียนที่โผล่พ้นชุดคลุมตัวหลวม ปาจรีย์นอนตัวแข็งทื่อเป็นท่อนซุง ความกลัวในหัวใจเริ่มก่อตัว หากเขาตื่นขึ้นมาคนที่จะเสียเปรียบก็คงหนีไม่พ้นเธอ เพราะไม่ว่าอย่างไรเธอก็คงจะแพ้ทางเขาอยู่วันยังค่ำ เมื่อเห็นอีกคนนิ่งคนแกล้งก็หยุด เพราะหากเขาแกล้งต่อคนที่จะหยุดไม่ไหวคงหนีไม่พ้นตัวเอง เขาอมยิ้มกับความมืด เพียงแค่นี้ก็ทำให้เขายิ้มออกได้อย่างง่ายดาย มันเป็นความสุขที่ไม่ต้องปรุงแต่งใดๆ ผ่านไปเป็นชั่วโมงที่ชายหนุ่มยุ่มย่ามกับร่างหอมนุ่มนิ่มที่เขานอนกอด ทั้งที่พยายามข่มใจให้หลับแต่ทุกสิ่งทุกอย่างในร่างกายก็เหมือนจะพร้อมใจกันตื่น ในขณะที่ตัวป่วนความรู้สึกของเขากลับหลับสนิทไปตั้งแต่ตอนนั้น ในที่สุดชายหนุ่มก็ตัดสินใจลุกเดินเข้าห้องน้ำ เผื่อว่าบางทีความเย็นของสายน้ำจะทำให้ความร้อนรุ่มในร่างกายลดลงไปได้บ้าง เกือบครึ่งชั่วโมงที่เขายืนอยู่ภายใต้ฝักบัวอันใหญ่ถึงทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในร่างกายสงบลงได้ เจ้าของเรือยอชต์ใช้ผ้าขนหนูผืนหนาพันรอบตัวเดินออกมาจากห้องน้ำ มองคนบนเตียงที่หลับสนิทนิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีโอกาสได้ยืนมองหญิงสาวเต็มตา แพขนตาเด้งงอน ริมฝีปากกระจับได้รูปรับกับดวงหน้าหวาน ผิวพรรณอ่อนเยาว์ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้เครื่องสำอางบางๆ ส่วนลิปสติกที่เคลือบอยู่บนริมฝีปากของเธอจางหายไปกับรสจูบร้อนแรงของเขา ขณะนี้จึงหลงเหลือเพียงสีชมพูระเรื่อชวนมองเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าเป็นริมฝีปากธรรมชาติที่ปราศจากการแต่งแต้มด้วยสีสันจากสารเคมี โดนัลด์ย่อตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานของตัวเองที่วางอยู่ไม่ไกลจากเตียงสักเท่าใดนัก เปิดคอมพิวเตอร์ทำงานฆ่าเวลาที่ยังหลงเหลืออีกสองสามชั่วโมงกว่าจะเช้า หากแต่สายตาคมของเขาก็ยังหันกลับไปมองคนบนเตียงเป็นระยะ หญิงสาวลืมตามองเพดาน เธอยังอยู่บนเตียงในห้องของเขาเหมือนเดิม หากแต่รอบข้างกระจกตอนนี้กลับเป็นกำแพงม่านน้ำทะเลสีฟ้าอมเขียว ฝูงปลาแหวกว่ายรอบๆ ราวกับเธออยู่ในอุโมงค์จัดแสดงสัตว์น้ำที่มีไว้สำหรับนักท่องเที่ยว หญิงสาวนอนมองปลาว่ายน้ำอย่างเพลิดเพลิน แต่แล้วก็พลันนึกขึ้นได้ว่าต้องดึงสติกลับ และทันทีที่ละสายตาจากม่านกำแพงน้ำทะเลตรงหน้ามาอีกฝั่ง เธอก็เห็นสายตาคู่คมของเจ้านายหนุ่มที่นั่งจ้องเธออยู่ตรงโต๊ะทำงานของเขา ปาจรีย์รีบรวบชายเสื้อคลุมเข้าหากันแล้วขยับลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่ถึงนาทีหญิงสาวก็เดินมายืนอยู่หน้าเตียง พร้อมทั้งควานหาชุดของตัวเอง ทันทีที่ได้สิ่งที่ต้องการ หญิงสาวก็หอบมันวิ่งปรี่ผ่านบานประตูที่เธอคิดว่าจะเป็นห้องน้ำ และเธอก็เดาไม่ผิด หลังจากที่ใช้เวลาอันน้อยนิดจัดการกับตัวเอง เธอก็ก้าวออกมาจากอีกครั้งในชุดเดิมของเมื่อวาน แตกต่างกันเพียงใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางแต่งแต้ม เนื่องจากใช้น้ำสะอาดชำระล้างเครื่องสำอางไปหมดแล้ว ปาจรีย์เดินตรงไปที่บานประตูลิฟต์ แต่คนตัวโตที่นั่งมองอยู่ก็ถามขึ้นมาก่อนที่เธอจะเดินผ่านหน้าเขาไปถึงเป้าหมายของเธอ “จะไปไหน” เสียงเข้มของคนตัวโตถามขึ้น “กลับ” หญิงสาวตอบกลับสั้นๆ เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูลิฟต์ พร้อมกับหันกลับมาถามชายหนุ่มเจ้าของห้องอีกครั้ง “ช่วยกรุณาแจ้งรหัสด้วย” คำพูดนิ่งๆ ของหญิงสาวกลับทำให้อีกคนโกรธ เขาไม่เคยโดนคำสั่งแบบนี้จากใคร แล้วเธอกล้าดีอย่างไรมาสั่งผู้ชายอย่างเขา “เธอกล้าดียังไงมาสั่งฉัน และฉันยังไม่อนุญาตให้เธอกลับ” ชายหนุ่มยืนขึ้นพลางบอกเสียงเข้มทรงพลัง ดวงตาคมกริบสีน้ำทะเลของเขายังจับจ้องที่ดวงหน้าของเธอไม่วางตา คำพูดของเขากรีดแทงหัวใจของเธอให้เลือดไหลซิบ เขาจะต้องการอะไรจากเธออีก ในเมื่อสิ่งที่เขาได้ก็มากมายเกินกว่าที่ตกลงกันเอาไว้ แต่เธอก็เถียงไม่ออกในเมื่อร่างกายของเธอยินยอมพร้อมใจไปกับเขา “แต่คุณจะกลับคำไม่ได้ มีความเป็นสุภาพบุรุษหรือเปล่า” “ฉันรักษาคำพูดเสมอ” “ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยฉันให้ออกไปจากห้องเฮงซวยนี่สักที” หญิงสาวบอกอย่างเดือดดาล เพราะเธอแพ้เขาทุกช่องทาง “ไม่” ชายหนุ่มตอบเหมือนจงใจยั่ว “คุณต้องการอะไรจากฉันอีกกันแน่” “แล้วเธออยากให้ฉันต้องการอะไรจากเธอล่ะทูนหัว งานหรือว่าเซ็กส์ จะได้จัดให้ถูก” ชายหนุ่มจงใจยั่วเธออีกครั้งพร้อมกับรวบตัวเธอเข้ามากอด “ปล่อยฉันนะ” ยิ่งเขาแกล้งกอดอย่างจงใจ หญิงสาวก็ยิ่งดิ้น แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวย ยิ่งขยับเธอก็ยิ่งเจ็บ “ไม่ปล่อย” “แต่ฉันเจ็บ...” “หัดเชื่อฟังฉันบ้างสิ แล้วก็อย่าดิ้น จะได้ไม่เจ็บ” ชายหนุ่มขู่แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อย “อือ...” หญิงสาวส่งเสียงครางรับส่งๆ จนชายหนุ่มยอมคลายมือออก ทันทีที่ได้รับอิสระหญิงสาวก็รีบถอยห่างจากตัวชายหนุ่มไปไกลหลายก้าวพลางแหงนหน้าต่อว่าเขา “เผด็จการ..” “ถ้าเธอรู้จักฉันมากกว่านี้ก็ควรรู้ว่าไม่ควรเล่นกับไฟ และเมื่อต้องใส่เสื้อผ้าแบบนี้ก็ไม่ควรดีดดิ้นให้เนื้อหนังโผล่ออกมายั่วผู้ชายในยามที่อยู่ด้วยกันสองต่อสองอย่างตอนนี้” ชายหนุ่มไล้สายตาโลมเลียมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มาหยุดที่เนินอกอวบที่โผล่พ้นเกาะอกอยู่รำไร “หรือว่า...อยากยั่วฉัน” หญิงสาวใช้มือตะปบปิดหน้าอกของตัวเองเอาไว้ เชิดหน้ามองกลับอย่างไม่กริ่งเกรง “ฮึ! อย่าฝัน คุณจะไม่มีวันได้เห็นนวลเนื้อใต้ร่มผ้าฉันอีก” “งั้นหรือ! เมื่อคืนก็พูดอย่างนี้ ผู้หญิง! แค่แตะนิดต้องหน่อยก็หลอมละลายแล้ว ไม่เห็นต้องใช้ความพยายามสักนิด” ชายหนุ่มเยาะเสียงขึ้นจมูกหัวเราะขำ ความโกรธของปาจรีย์วิ่งมาจุกที่อก แต่เธอคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ากลืนความรู้สึกทั้งหมดลงคอแล้วท่องให้ขึ้นใจว่าเธอต้องอดทน “คุณเองก็ยังไม่รู้จักคนอย่างฉันดีเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็อย่าเพิ่งมั่นใจให้มากว่าผู้หญิงจะเหมือนคนที่คุณเคยเจอทุกคน” บอกเสียงดังชัดเจน “อย่างนั้นหรือ...เธอกำลังท้าให้ฉันพิสูจน์ต่อใช่ไหม” ชายหนุ่มยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากบางของเธอ ส่งยิ้มยั่ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD