“เรียบร้อยแล้วค่า พี่ชายใจดี”
ก่อนที่คนทั้งสองซึ่งกำลังตะลึงงันในการพบกันอีกครั้งจะพูดอะไรต่อ เสียงดังสดใสของเด็กหญิงก็ดังขึ้นพร้อมกับเดินถือชมพู่ลูกโตเต็มสองมือออกมาจากรั้วบ้าน เพราะเจ้าของต้นชมพู่บอกว่า เธอคงขี่จักรยานหอบถุงชมพู่กลับบ้านไม่ไหวจึงจะขับรถไปส่ง
แต่เมื่อเห็นผู้หญิงรูปร่างผอมบางคุ้นตา ทรงผมก็ใช่ การแต่งตัวเป๊ะเหมือนตอนเช้า เด็กหญิงก็กลืนน้ำลายลงคอดังอึก!
‘เอ่อ... ตายละหว่า’
แล้วขนมชั้นก็นึกได้ว่า การที่หายมานานแบบนี้ ก่อนที่เธอจะได้กินชมพู่หวานกรอบจนหมดถุง แล้วแบ่งมันเป็นถุงๆ มัดหูหิ้วไว้เอาไปฝากป้าพลอยใสแลกกับซาลาเปาสักสามลูก ตามด้วยเอาไปฝากคุณยายชื่น บ้านซอยสี่ที่ขายขนมโตเกียว เพราะหวังจะได้โตเกียวแสนอร่อยติดมือกลับมาอีกอย่าง เธอคงได้กินก้านมะยมหวานจากต้นหน้าบ้านของตัวเองก่อน
“ขนมชั้น...!” วราลีกดเสียงลงต่ำ ปรายสายตาดุจัดไปมองแม่ตัวกลม
“แม่ลี...” รอยยิ้มแป้นจางหายเพราะสายตาแม่ดุมาก ขนมชั้นรู้ตัวว่าหายมานาน ร่างเล็กจึงสะดุ้งโหยงเมื่อแม่ลีเรียกชื่อตัวเองจบ ชมพู่สีสวยลูกโตร่วงตกจากมือลงบนพื้น จะก้มเก็บด้วยความเสียดายก็ไม่ได้เพราะแม่จ้องเขม็งอยู่
พชรปรายตามองสองคนแม่ลูกสลับกันไปมา ยัยเด็กหน้าตาคล้ายคุณย่ารำไพเป็นลูกของวราลีอย่างนั้นหรือ
“อย่าบอกนะ หนูขนมสามชั้นนี่... ลูกคุณ”
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้ขนมชั้น”
แม่ตัวกลมสีหน้าย่ำแย่สลดไปอีก เอามือป้อมๆ แอบลูบถูก้นอวบๆ ตาก็มองสิ่งที่แม่ถืออยู่ พอเห็นเป็นก้านมะยมก็รู้สึกคันยิบๆ ขึ้นมาทันที เพราะรู้ว่าแม่ลีใจดี แต่เวลาทำผิด แม่ลีก็ตีเจ็บมากเช่นกัน
แม่คนฉลาดแหงนคอมองไปที่เจ้าของต้นชมพู่ร่างสูงอย่างขอตัวช่วย ที่สำคัญ เธอกลัวเขาลืมหยิบถุงชมพู่ออกมาจากรถเพื่อคืนให้ตัวเอง นั่นมันเยอะมากเลยนะ เก็บกันตั้งนานแล้วจะลืมเอากลับบ้านได้ไง
เหมือนพชรจะรับรู้ถึงสายตาเสียดายชมพู่ของแม่หนูขนมสามชั้น ชายหนุ่มจึงคิดหาทางแก้ไขสถานการณ์แล้วมองตรงไปที่วราลี
“วราลี ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ตอนนี้ผมจะกลับมาอยู่ที่นี่แล้ว เราคงได้เจอกันบ่อยๆ” เขามอบรอยยิ้มเป็นมิตรให้เธอ
คนหน้าสวยหวานทว่าเส้นเสียงนิ่งเรียบสบตาเขาแวบเดียวแล้วตอบห้วนๆ
“ใครถาม” ก่อนจะมองเมินไปยังลูกสาวตัวน้อยที่ทำเป็นยืนก้มหน้า
แม้รู้ว่าวราลีดูจะไม่ได้ยินดีกับการพบหน้าอดีตคนเคยคบหากันอย่างเขา แต่พชรก็ชักจะอยากรู้เรื่องของเธอขึ้นมาแล้ว
“คุณแต่งงานไม่เห็นแจกการ์ดผมเลย”
“ฉันไม่ได้แต่งงาน” วราลีพูดให้สั้นและกระชับที่สุด
เธออยากอุ้มขนมชั้นแล้ววิ่งหนีไปซะตอนนี้ ติดที่ลูกสาวตัวกลมน้ำหนักเกินเกณฑ์จนคุณแม่รูปร่างผอมบางอุ้มไม่ไหว แล้วนั่นอะไร ยัยตัวแสบเอามือป้อมๆ จับมือพชรไว้แน่นราวกับว่าเขาเป็นยันต์กันก้านมะยม วราลีเห็นอาการนั้นของลูกสาวก็เอ็ดเสียงเรียบๆ
“อย่าคิดว่าใครจะช่วยได้ หนีมาไกลถึงนี่ ถ้ารถเฉี่ยวชนไปจะทำยังไง” มือก็กำก้านมะยมแน่น “กลับบ้าน”
น้ำเสียงเด็ดขาด และแววตาดุๆ ของแม่ ทำให้ขนมชั้นไม่กล้าประวิงเวลาอีก
“ค่ะแม่ลี แต่ขนมชั้นขอเอาชมพู่กลับด้วยนะคะ”
“ได้สิ” พชรชิงตอบ แล้วเห็นวราลีมองดุๆ มาทางเขา “ไม่เห็นเป็นอะไรเลยลี ขนมชั้น แกบอกว่าชอบกินชมพู่”
“ขนมชั้นชอบกินทุกอย่างนั่นแหละค่ะ แกพูดไปเรื่อย”
เขาห่างจากวราลีไปหลายปี แล้วยังต้องมาเจอกันในสภาพที่เธอกลายเป็นคุณแม่ไปแล้วทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนแปลกๆ เลยพูดไม่ค่อยออก
แต่แม่คนกลัวก้านมะยมหวานแต่ขยันหางานอ้อนก้านมะยมแม่ขยับไปใกล้พชร ส่วนเจ้าของบ้านหลังแพงที่สุดในหมู่บ้านไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงอยากปกป้องหนูน้อยที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกนักหนา เขาก็ไม่ใช่สายรักเด็กเล็ก แต่สองขาขยับมาบังร่างอวบนั้นไว้
“คุณยังใจร้อนเหมือนเดิมเลยนะลี ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันก็ได้ อย่าดุขนมชั้นเลย ผมเองที่กวักมือเรียกแกมาเอาชมพู่ ไม่รู้นะว่าเป็นลูกคุณ ถ้ารู้จะเก็บให้ทั้งต้น” พชรยิ้มหล่อกระชากใจสาวส่งให้คุณแม่แสนดุ เขายื่นมือเข้าไปยุ่งแล้วขนมชั้นต้องรอดจากไม้มะยมสามก้านที่กำลังสั่นระริกนั่น
“วันหลังไม่ต้องนะคะ ฉันเกรงใจ”
คำพูดของวราลีทำเอาพชรนิ่งอึ้ง หญิงสาวยังเป็นคนเดิมที่ไม่หลงรูปและทรัพย์ของเขาเหมือนผู้หญิงคนอื่น อยากเห็นจริงๆ ว่าพ่อของขนมสามชั้นหน้าตาเป็นยังไงถึงเอาชนะใจคนใจแข็งเป็นหินอย่างวราลีได้ ขนาดเขาที่เป็นรักแรกของเธอยังเอาชนะใจแข็งๆ นั่นไม่ได้...
“หือ”
พชรนิ่งอึ้งไปเมื่อไล่เรียงระยะเวลาดูคร่าวๆ ถ้าแม่หนูขนมสามชั้นคนนี้เป็นลูกของวราลีจริงๆ เท่ากับว่าช่วงสั้นๆ ที่เขากับเธอเคยคบหากัน
‘วราลีคบซ้อนจริงๆ งั้นหรือ’
‘ร้ายลึกนะนี่’
ซึ่งนั่นดูจะไม่ใช่นิสัยของผู้หญิงเถรตรง สวยใส ไร้แรงดึงดูดในครั้งแรกที่พบหน้ากันอย่างวราลีในความคิดของเขา ตอนนั้นวราลีหว่านเสน่ห์เหมือนผู้หญิงทั่วไปทำกันไม่เป็น เธอซื่อๆ ทื่อๆ ตรงๆ ขัดกับสรีระที่โค้งเว้าได้รูปสุดๆ แต่นั่นก็ทำให้แตกต่างจากคนอื่น และเขาก็ชอบที่หญิงสาวเป็นแบบนี้จึงตัดสินใจแจกขนมจีบเธอเสียเลย
‘หลังจากคืนนั้นที่...’
และเมื่อได้คบหาดูใจกันมาระยะหนึ่งยิ่งรู้สึกดีที่มีเธออยู่ข้างๆ จนพชรคิดว่าจะสานสัมพันธ์กับวราลีไปจนถึงขั้นใช้ชีวิตเป็นครอบครัวร่วมกัน หาก... เธอไม่ขอเลิกราจากเขาไปด้วยเหตุผลที่ว่า
‘เธอ... เจอคนที่ดีกว่าเขา และมีแพลนอนาคตร่วมกัน’
หญิงสาวตัดสินใจแบบนั้น เขาจะทำอย่างไรได้ จำต้องปล่อยมือทั้งๆ ที่ยังอึ้ง งง สับสน ไม่เข้าใจอะไรหลายๆ อย่างทั้งของเธอและของตัวเอง
‘ทุกคนมีเหตุผลในทุกๆ การตัดสินใจและการกระทำของตัวเอง ซึ่งบางครั้งมันก็ยากจะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจ’
คุณหญิงย่าพูดเอาไว้ในช่วงเวลาที่เขารู้สึกเฟลหน่อยๆ และมีคำถามวนเวียนในหัวที่ยังคิดหาคำตอบไม่ได้ว่า
‘เหตุผลของเธอเป็นแบบนั้นจริงหรือ’
และไม่นาน พชรก็ได้คำตอบ เมื่อบังเอิญไปเห็นวราลีเดินคู่กับผู้ชายหน้าตาดี ท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง เธอส่งยิ้ม พูดคุยกันกะหนุงกะหนิงกับเขา แถมยังมีการจับไม้จับมือกันอีกต่างหาก
ชายหนุ่มยอมรับว่าอยากรู้ความจริงจึงทำตัวเหมือนพวกสตอล์กเกอร์[1] แอบติดตามดูเธอเพื่อหาคำตอบให้คำถามที่ค้างคาใจ และภาพที่เห็นก็บ่งบอกว่า
‘เธอมีคนใหม่จริงๆ’
[1] สตอล์กเกอร์ คือ กลุ่มคนหรือบุคคลที่มีพฤติกรรม ‘สะกดรอยตาม’ หรือตามติดชีวิตใครสักคนมากเกินไปโดยที่ใครคนนั้นไม่ต้องการ จนถึงขั้น ‘รุกล้ำ’ ความเป็นส่วนตัวให้เกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะทางจิตใจหรือทางกายภาพ