นางจึงตัดรำคาญยอมให้เขาดู ชายชราตรวจดวงนางพลันสายตาตื่นตะลึง แล้วบอกนางว่าวาสนานางสูงส่ง ฮุ่ยชิงแทบหลุดขำ ชายชราคงเลอะเลือน ร่างเล็กคิดเรื่องขบขันพลางหัวเราะเบาๆ
“ข้ามีวาสนาสูงส่งจริง คงไม่ต้องมานั่งเก็บสมุนไพรไปขายแบบนี้หรอก”
สมุนไพรพวกนี้นอกจากนำไปใช้เอง ที่เหลือนางจะนำไปขาย นางหาเงินทุกทางเพื่อให้มารดาได้มีของกินดีๆ เพื่อบำรุงร่างกายบ้าง ขณะกำลังจะเดินกลับแต่นางหันไปเห็นกระต่ายป่าตัวน้อยสีขาวน่ารักตัวหนึ่งเข้า กระต่ายน้อยกำลังจ้องมองนางอยู่ราวกับจะชวนไปวิ่งเล่น
ฮุ่ยชิงส่ายหน้า “ข้าไปวิ่งเล่นกับเจ้าไม่ได้หรอกกระต่ายน้อย ข้าต้องรีบกลับบ้าน วันนี้ท่านพี่เหมยลี่จะมาเยี่ยมบ้าน ข้าต้องรีบกลับไปคารวะ”
นางว่าแล้วก็เตรียมจะหมุนตัวเดินกลับ แต่เจ้ากระต่ายน้อยสีขาวปุกปุยที่ดูจะรู้เรื่องเกินเหตุ กลับวิ่งเข้าหานาง
“เอ๊ะ ยังไงกัน เจ้ากลับไปหาครอบครัวเจ้าเถอะ ถ้าหากมีพวกพรานล่าสัตว์มาเจอ ต้องจับเจ้าเป็นอาหารแน่” ฮุ่ยชิงย่อตัวลงนั่งคุยกับกระต่าย แต่มันก็ไม่ยอมไปไหนมิหนำซ้ำมันยังวิ่งเข้ามาคลอเคลียกับเท้าของนาง
“ไม่วิ่งหนีข้าแบบนี้ เป็นอาหารของข้าดีหรือไม่” นางหยอกมันเล่นเท่านั้น แต่กระต่ายน้อยสัมผัสถึงความอ่อนโยนจากท่าที่ของนางได้ เจ้าขนปุยจึงไม่กระโดดไปไหน
แต่ความผิดปกติทำให้มันกลับถอยหนี แล้ววิ่งไปอีกทาง ด้วยความสงสัยแกมอยากรู้ว่าเจ้ากระต่ายน้อยจะสื่อสารอะไร นางจึงวิ่งตามเจ้ากระต่ายน้อยไปอย่างไม่รู้ตัว
“เกิดอะไรขึ้นเจ้ากระต่ายน้อย เป็นอะไรเล่า”
ร่างเล็กที่วิ่งตามมาได้สักพัก เม็ดเหงื่อก็เริ่มผุดพรายขึ้นเต็มกรอบหน้าผาก ฮุ่ยชิงหยุดวิ่งแล้วยกมือปาดเหงื่อ
“รอข้าด้วยเจ้าเห็นข้าหน้าเหมือนเจ้าหรือไง เจ้าขนปุย ข้าไม่ใช่กระต่ายจะได้วิ่งตามเจ้าทัน”
มันสนใจคำของนางเสียไหน ใช่แล้วมันฟังนางไม่เข้าใจ ร่างอ้อนแอ้นแก่นเซี้ยววิ่งตามไปอย่างปราดเปรียว
“ข้าเหนื่อยแล้ว ข้าไม่มีเวลามาวิ่งเล่นกับเจ้าแล้ว ถ้าอยากชวนข้าวิ่งเล่นก็ไว้วันหน้าเถอะ”
ฮุ่ยชิงมองพระอาทิตย์บนท้องฟ้าที่เคลื่อนจากบริเวณศีรษะไปทางทิศตะวันตกก็ร้อนใจ เพราะแสดงว่าเลยยามอู่ไปมากแล้ว นางตัดสินใจจะวิ่งกลับทว่าหูของนางได้ยินเสียงกรีดร้องสลับกับเสียงต่อสู้ดังแว่วอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“นั่นเสียงอะไร หรือใครจ้างพวกงิ้วเข้ามาเล่นในป่า” นางพูดออกไปเช่นนั้นแต่ดวงตาเคลือบความระแวงสงสัย
อีกด้านหนึ่ง
“คุ้มกันเกี้ยวเจ้าสาวอย่าให้เจ้าสาวเป็นอะไรเด็ดขาด”
หยางต้าหลงสีหน้าเคร่งเครียด ดำทะมึนด้วยความโกรธจัด เขากำลังขี่ม้านำขบวนเกี้ยวเจ้าสาวผ่านป่าไผ่ที่รกทึบ จู่ๆก็มีโจรป่านับสิบคนกรูกันเข้ามาขวางหน้าขบวนเกี้ยว พวกมันมีคนมากพร้อมอาวุธครบมือ หนำซ้ำลงมืออย่างรวดเร็วจนเขาเกือบตั้งรับไม่ทัน พวกมันฆ่าสาวใช้และบ่าวผู้ชายตายหมด เหลือแต่คนในสำนักคุ้มภัย
ฝีมือกระบี่พวกมันไม่ธรรมดา จัดอยู่ในกระบวนท่าสูงส่ง จนหยางต้าหลงตะโกนสั่งศิษย์ในสำนัก
“ปกป้องเจ้าสาวในเกี้ยวด้วยชีวิต”
“ขอรับท่านประมุข”
หยางต้าหลงยกมือปาดเหงื่อ คุ้มครองความปลอดภัยคนครั้งนี้นับว่าเป็นอีกงานหนึ่งที่ต้องเสี่ยงชีวิต แต่เมื่อรับงานมาแล้วก็ต้องยอม ดวงตาเฉียบคมกวาดมองศิษย์ในสำนักคุ้มภัย บาดเจ็บไปห้าคน ล้มตายไปหนึ่งคน ยังเหลือต่อสู้กับพวกโจรอีกสี่คน แต่โจรมีมากถึงยี่สิบคนต่อให้พวกเขามีปีกก็ยากจะบินหนี พวกคนคุ้มภัยที่บ้านเจ้าสาวที่จ้างมาต่างหากต่างตายเกลื่อนดังใบไม้ปลิดปลิวไปหมด
หยางต้าหลงยืนอยู่กลางวงล้อมโจรป่าท่าทางเด็ดเดี่ยว ใบหน้าหล่อเหลายังสงบนิ่ง ไม่มีแวววิตกพาดผ่าน เขาเหลือบตาเพียงนิดเดียว มองให้แน่ใจว่าเจ้าสาวยังอยู่ในเกี้ยวอย่างปลอดภัยไม่มีโจรป่าคนไหนไปยุ่ง แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว คนยังไม่ตายนับว่างานยังสำเร็จอยู่
“เจ้ายอมแพ้พวกเราเถอะท่านประมุขหยาง สิบต่อหนึ่งยังไงท่านก็เอาชนะเราไม่ได้”
หยางต้าหลงเดาว่าคนที่พูดน่าจะเป็นลูกพี่ของพวกมัน เขาแค่นยิ้มเย็นชาครั้งหนึ่ง แต่แค่นั้นก็ทำให้คนมองขนคอตั้งชัน
“ว่ายังไง ยอมแพ้เถอะ ส่งตัวเจ้าสาวกับสมบัติมาให้พวกเราเดี๋ยวนี้”
“พวกสมองสุกร ตาสุนัข ข้าไม่มีวันให้ในสิ่งที่พวกเจ้าต้องการ ต่อให้พวกเจ้ามามากกว่านี้ข้าก็ไม่กลัว” หยางต้าหลงถีบตัวขึ้นกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ปลายเท้าแตะกิ่งไม้ครั้งหนึ่ง ก็วาดกระบี่เมฆาเคลื่อนเข้าใส่พวกมัน ที่ไม่ทันแม้แต่จะได้กะพริบตา
สามคนถึงกับทรุดล้มลงกับพื้น เลือดที่ลำคอพุ่งกระฉูดเป็นสายน้ำหลาก เพราะคมมีดเมฆาเคลื่อนนั้นบางแต่คมกริบแถมยังแข็งแรง หาอาวุธใดเปรียบได้ยาก อีกทั้งพลังข้อมือของหยางต้าหลงทั้งหนักแน่น ว่องไว ลงกระบี่ครั้งเดียวตายไปสาม
“อ๊า”
เสียงคนที่เหลือร้องออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจปนหวาดกลัว เทพเจ้าหน้าหยกคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว พวกมันต่างคิดไม่ถึงว่าวิทยายุทธ์ของเจ้าสำนักคุ้มภัยเป่าจินจงที่ได้ยินแต่เพียงคำเล่าลือจะร้ายกาจถึงเพียงนี้
“พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันให้หมดนี่ ข้าไม่อยากเสียเวลา” หยางต้าหลงคำรามครั้งเดียว วาดกระบี่ออก ดวงตาเฉียบคมย้อมไอสังหารจ้องมองที่ศัตรูเบื้องหน้าเขม็ง
พวกมันมองหน้ากัน แล้วพยักหน้าอย่างหวาดๆจะหนีก็หนีไม่ได้ จะสู้ก็ตายแต่มาถึงตอนนี้ ตายเป็นตาย จากนั้นก็กรูเข้าใส่เป้าหมายพร้อมกัน ค่าหัวของหยางต้าหลง รวมทั้งทรัพย์สมบัติที่จะได้จากการปล้นชิงครั้งนี้มากพอที่จะทำให้พวกมันขวัญกล้าเทียมฟ้า ประจันหน้ากับเทพสวรรค์ที่แม้ยืนอยู่หนึ่งเดียวก็ยังกล้าต่อกรกับคนสิบคนไม่หวาดหวั่น
หยางต้าหลงใช้กระบี่รับการฟาดฟันจากโจรป่าที่กระโดดลอยตัวมาจากด้านบนหมายจะตัดหัวของเขา เขารับด้วยตัวกระบี่จากนั้นก็สะบัดข้อมือเปลี่ยนจากการตั้งรับเป็นแทงกลับแต่มันใช้วิชาตัวเบาเตะเท้ากลางอากาศหลบคมกระบี่ได้ทัน
แต่หยางต้าหลงไม่มีเวลาหายใจเมื่อพวกโจรที่รอจังหวะทีเผลอก็พุ่งปลายกระบี่แหลมคมเข้าหาลำตัวของเขา เขาเอี้ยวตัวหลบแต่เอวก็ถูกถากไปทีหนึ่งจนเลือดซิบ