“ท่านแม่ทัพขอรับ มีกล่องของขวัญมาถึงฮูหยินขอรับ คนที่นำมาส่งบอกว่ามาจากเผ่าเคอเอ่อร์ซินของฮูหยิน ข้าจำพวกเขาได้ตอนที่พวกเขาเคยติดตามฮูหยินมาที่จวน ข้าจึงให้พวกเขารออยู่ด้านนอก ส่วนนี่เป็นของขวัญขอรับ”
ลู่เคอตัวรับกล่องมาขณะที่ซู่จือยกน้ำชาขึ้นจิบ ด้วยความระมัดระวังเป็นนิจ ลู่เคอตัวจึงเปิดกล่องออกดู แล้วพบว่าข้างในเป็นพัดธรรมดาเล่มหนึ่งแต่มีความสวยงามไม่น้อย เขาจึงวางมันไว้ในกล่องอย่างเดิมแล้วยื่นให้พ่อบ้านหวัง
“นำไปมอบให้ฮูหยิน แล้วสั่งให้คนส่งของกลับไปได้”
คล้อยหลังพ่อบ้านหวัง ลู่เคอตัวก็หันมาสนทนากับซู่จือต่อ เขาถามถึงข้อราชการที่ซู่จือไปตรวจตราชายแดนมาว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะตามลำดับแล้วเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ ซู่จือเป็นรองแม่ทัพจึงต้องมารายงานให้เขารู้ทุกเรื่อง
ลู่เคอตัวนั่งคุยกับซู่จือตั้งแต่ตะวันตรงหัวไปจนถึงตะวันคล้อย อาหารที่ว่าจะได้กินก็ยังไม่ได้กิน จนเริ่มรู้สึกว่าหิวมากขึ้นเรื่อยๆ
“พ่อบ้านหวังอยู่แถวนี้หรือไม่”
“ขอรับท่านแม่ทัพ” พ่อบ้านหวังรีบก้มหัวเข้ามา
“ฮูหยินทำอาหารเสร็จหรือยัง นี่มันผ่านไปสองชั่วยามแล้ว ทำไมฮูหยินถึงยังทำอาหารไม่เสร็จ นางทำอาหารชนิดไหนกันถึงได้ช้านัก หรือไปไล่จับแพะ จับจามรีเพื่อมาทำอาหารให้ข้า”
“ข้าทำเสร็จแล้วจะมาเรียกท่านแม่ทัพพอดี” เป็นเสียงเต้าเฟยที่ดังขึ้นด้านหลังพ่อบ้านหวัง
นางเดินเข้ามาไร้ซึ่งกิริยาแช่มช้อย ยกมือปาดเหงื่อที่ไหลซึมเต็มกรอบหน้าผาก มีเขม่าควันติดข้างแก้มยิ่งทำให้ไม่น่ามองเข้าไปอีก
“เจ้าไปทำอาหาร หรือลงไปเกลือกกลิ้งในเตาไฟ สภาพเจ้าเหมือนแมวตกลงไปในเตาไฟไม่มีผิด”
ลู่เคอตัวเบือนหน้าหนี ฮูหยินจวนอื่นหน้าตาแฉล้มแช่มช้อยแต่ฮูหยินของเขามอมแมมราวกับสาวเร่ร่อนถูกชายฉกรรจ์ชุดคร่าไปข่มขืน นางดูราวกับผ่านศึกมาอย่างหนัก
“อาหารที่ข้าทำนั้นใช้เวลาทำนาน”
“แน่ใจหรือที่เจ้าหายไป ไปทำกับข้าว” เขายังมองสภาพนางอย่างลังเล
เต้าเฟยพยายามข่มอารมณ์ไม่โต้ตอบด้วย
“อ้อ นั่นรองแม่ทัพซู่จือนี่นา คารวะรองแม่ทัพซู่จืออยู่กินข้าวที่จวนก่อนนะเจ้าคะ”
ซู่จือมองสภาพฮูหยินแม่ทัพใหญ่ที่ดูไปแล้วคล้ายลูกแมวตกลงไปในเตาไฟอย่างแม่ทัพว่าเขาพยายามกลั้นหัวเราะแล้วหาทางเลี่ยงกลับจวน สภาพคนทำอาหารยังเป็นเยี่ยงนี้ราชาติอาหารของนางอาจปลิดชีพเขาก็ได้ เขาเองกำลังมีบุตรควรถนอมร่างกายเอาไว้
“ฮูหยินโปรดอย่าเกรงใจ ข้าต่างหากที่ควรคารวะท่าน คารวะฮูหยิน”
ลู่เคอตัวรู้ว่ารองแม่ทัพซู่จื่อพยายามหลบเลี่ยงหนีศึกครั้งนี้ปล่อยให้เขาต้องรับศึกคนเดียวแล้วหันหน้าไปทางซู่จือ
“ซู่จือท่านจะอยู่กินอาหารเย็นกับข้าหรือไม่” ที่จริงต้องเป็นอาหารเที่ยงแต่มันเลยเวลามามากจนลู่เคอตัวต้องพูดว่าอาหารเย็นแทน
“ข้าจะรีบกลับไปดูแลฮูหยิน ช่วงนี้นางแพ้ท้องมาก ข้าเป็นห่วงนาง ข้าขอตัวกลับจวนก่อนขอรับท่านแม่ทัพ ข้าลากลับก่อนนะขอรับฮูหยิน”
“งั้นตามสบาย ข้าไม่รั้งไว้แล้ว” ลู่เคอตัวบอกเมื่อเห็นว่าซู่จือกำลังตัดช่องน้อยแต่พอตัว
ซู่จือคารวะทั้งสองคนแล้วหมุนกายเดินออกไป ลู่เคอตัวหันมามองเต้าเฟยครั้งหนึ่ง แล้วเดินนำหน้าไปทางโถงที่ใช้เป็นห้องกินอาหารทันที
“ท่านแม่ทัพรอข้าด้วยสิ”
“สตรีที่เต็มไปด้วยความแข็งกระด้างเช่นเจ้าข้าไม่ต้องรอเจ้าก็เดินตามมาทัน”
“แต่ชุดนี้มันแคบเดินได้ช้า”
“หรือเจ้าจะไม่ใส่อะไรเดินก็ได้”
เต้าเฟยเม้มปากแน่น “นี่ท่าน ข้าเป็นฮูหยินของท่านนะ พูดอะไรรักษาน้ำใจข้าบ้างก็ได้ ข้าอุตส่าห์ทำอาหารให้กิน”
“ทำให้ข้ากินแต่ข้าจะกินได้หรือเปล่านั่นเป็นอีกเรื่อง”
ลู่เคอตัวหันกายกลับมาจ้องเขม็ง เขาชอบสตรีที่ยิ้มหวาน ดวงตาเรียวงาม มีความอ่อนโยน ทว่าสตรีที่เขาแต่งเป็นฮูหยินแม้เพียงสักข้อที่ต้องการก็ไม่มี
“จะกินได้หรือไม่ยังไม่รู้เลย อย่าเพิ่งเรียกมันว่าอาหารจะดีกว่า”
ลู่เคอตัวพูดแล้วเดินจากไป เต้าเฟยหน้าแดงจัดด้วยความโกรธ มองลู่เคอตัวที่เดินห่างไปเรื่อยๆ โดยที่นางทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เก็บความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้
‘ใช่สิ ข้าไม่ใช่ฮองเฮาหนิงซูเยว่ที่ท่านแอบรัก’
เต้าเฟยทำใจอีกครู่ก็ตามลู่เคอตัวไปยังโถงที่ใช้กินอาหารได้ทัน ลู่เคอตัวนั่งรออยู่ก่อนแล้ว พอนางนั่งลง เขาก็เริ่มมองอาหารตรงหน้า
“ท่านจะลองชิมอะไรก่อนดี ข้าตั้งใจทำให้ท่านเลยนะ”
“ตั้งใจแกล้งข้าให้รอนานมากกว่า”
เต้าเฟยสะดุ้ง เขารู้ได้อย่างไร แต่มีหรือนางจะยอมรับ นางรีบเปลี่ยนเรื่อง“ท่านแม่ทัพ ท่านเคยกินเนื้อแพะหรือไม่”
“ข้าต้องเคยกินอยู่แล้ว”
“งั้นก็ดี นี่คือเนื้อแพะย่างไฟอาลาข่านต้องใช้เนื้อแพะทั้งตัวย่างไฟ และต้องคอยดูว่ามันสุกเท่ากันหรือยัง อาหารจานนี้จึงนับได้ว่าเป็นสุดยอดเมนู และยังเนื้อแพะหม้อไฟที่เหมาะกับสารทฤดูยิ่งนัก ช่วยคลายหนาว ทั้งสองเมนูล้วนต้องใช้ใจทำไม่ได้ทำส่งๆไปเพียงเพื่อให้เสร็จ” เต้าเฟยอธิบายเสียงใสแจ๋ว พลางลอบมองท่าทีของคนที่ขมวดคิ้วมอง
ลู่เคอตัวมองอาหารหน้าตาหน้ากินตรงหน้าสลับกับใบหน้ามอมแมมราวกับแมวน้อยแต่แสนจะร่าเริง จากที่หนักใจจะชิมอาหารของนาง ลู่เคอตัวก็ลองใช้ตะเกียบคีบชิ้นเนื้อแพะย่างไฟขึ้นมาส่งเข้าปาก ทันทีที่เนื้อแพะเข้าปากก็ให้รสชาตินุ่มหวานละมุนลิ้นจนเขาแทบสำลักความรู้สึกนั้นไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นฝีมือของนาง
“รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง อร่อยหรือไม่ ข้าเพิ่งลองทำครั้งแรก เมื่อครู่ก่อนยกออกมาแม่นมเซียงบอกว่าดีเยี่ยม”
“ไม่เลว”
เต้าเฟยอมยิ้ม ที่เขาว่าอร่อยคงเพราะรอนานจนหิวมากกว่า เนื่องจากเมนูแพะย่างไฟและแพะหม้อไฟนั้นนางไม่ได้ปรุงรสอะไรเลยสักนิด
“เอ่อ พรุ่งนี้ข้าจะตื่นมาชงชาให้ท่านดื่ม แม่ข้าเคยสอนการต้มชานม ข้านำนมแพะมาด้วยจะบีบนมแพะจากเต้าใส่ชามนมให้ท่านดื่ม หรือว่าท่านชอบแบบใส่เนยแข็ง ข้าลืมบอกท่านว่านอกจากข้าจะต้มชานมได้ ข้ายังทำเต้าหู้นมแพะได้อร่อยมาก ข้าจะ...”
“หุบปากซะ แล้วกินได้แล้ว” ลู่เคอตัวตัดบทเพราะหิว