6

1243 Words
“ท่านแม่ทัพขอรับ มีกล่องของขวัญมาถึงฮูหยินขอรับ คนที่นำมาส่งบอกว่ามาจากเผ่าเคอเอ่อร์ซินของฮูหยิน ข้าจำพวกเขาได้ตอนที่พวกเขาเคยติดตามฮูหยินมาที่จวน ข้าจึงให้พวกเขารออยู่ด้านนอก ส่วนนี่เป็นของขวัญขอรับ” ลู่เคอตัวรับกล่องมาขณะที่ซู่จือยกน้ำชาขึ้นจิบ ด้วยความระมัดระวังเป็นนิจ ลู่เคอตัวจึงเปิดกล่องออกดู แล้วพบว่าข้างในเป็นพัดธรรมดาเล่มหนึ่งแต่มีความสวยงามไม่น้อย เขาจึงวางมันไว้ในกล่องอย่างเดิมแล้วยื่นให้พ่อบ้านหวัง “นำไปมอบให้ฮูหยิน แล้วสั่งให้คนส่งของกลับไปได้” คล้อยหลังพ่อบ้านหวัง ลู่เคอตัวก็หันมาสนทนากับซู่จือต่อ เขาถามถึงข้อราชการที่ซู่จือไปตรวจตราชายแดนมาว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะตามลำดับแล้วเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ ซู่จือเป็นรองแม่ทัพจึงต้องมารายงานให้เขารู้ทุกเรื่อง ลู่เคอตัวนั่งคุยกับซู่จือตั้งแต่ตะวันตรงหัวไปจนถึงตะวันคล้อย อาหารที่ว่าจะได้กินก็ยังไม่ได้กิน จนเริ่มรู้สึกว่าหิวมากขึ้นเรื่อยๆ “พ่อบ้านหวังอยู่แถวนี้หรือไม่” “ขอรับท่านแม่ทัพ” พ่อบ้านหวังรีบก้มหัวเข้ามา “ฮูหยินทำอาหารเสร็จหรือยัง นี่มันผ่านไปสองชั่วยามแล้ว ทำไมฮูหยินถึงยังทำอาหารไม่เสร็จ นางทำอาหารชนิดไหนกันถึงได้ช้านัก หรือไปไล่จับแพะ จับจามรีเพื่อมาทำอาหารให้ข้า” “ข้าทำเสร็จแล้วจะมาเรียกท่านแม่ทัพพอดี” เป็นเสียงเต้าเฟยที่ดังขึ้นด้านหลังพ่อบ้านหวัง นางเดินเข้ามาไร้ซึ่งกิริยาแช่มช้อย ยกมือปาดเหงื่อที่ไหลซึมเต็มกรอบหน้าผาก มีเขม่าควันติดข้างแก้มยิ่งทำให้ไม่น่ามองเข้าไปอีก “เจ้าไปทำอาหาร หรือลงไปเกลือกกลิ้งในเตาไฟ สภาพเจ้าเหมือนแมวตกลงไปในเตาไฟไม่มีผิด” ลู่เคอตัวเบือนหน้าหนี ฮูหยินจวนอื่นหน้าตาแฉล้มแช่มช้อยแต่ฮูหยินของเขามอมแมมราวกับสาวเร่ร่อนถูกชายฉกรรจ์ชุดคร่าไปข่มขืน นางดูราวกับผ่านศึกมาอย่างหนัก “อาหารที่ข้าทำนั้นใช้เวลาทำนาน” “แน่ใจหรือที่เจ้าหายไป ไปทำกับข้าว” เขายังมองสภาพนางอย่างลังเล เต้าเฟยพยายามข่มอารมณ์ไม่โต้ตอบด้วย “อ้อ นั่นรองแม่ทัพซู่จือนี่นา คารวะรองแม่ทัพซู่จืออยู่กินข้าวที่จวนก่อนนะเจ้าคะ” ซู่จือมองสภาพฮูหยินแม่ทัพใหญ่ที่ดูไปแล้วคล้ายลูกแมวตกลงไปในเตาไฟอย่างแม่ทัพว่าเขาพยายามกลั้นหัวเราะแล้วหาทางเลี่ยงกลับจวน สภาพคนทำอาหารยังเป็นเยี่ยงนี้ราชาติอาหารของนางอาจปลิดชีพเขาก็ได้ เขาเองกำลังมีบุตรควรถนอมร่างกายเอาไว้ “ฮูหยินโปรดอย่าเกรงใจ ข้าต่างหากที่ควรคารวะท่าน คารวะฮูหยิน” ลู่เคอตัวรู้ว่ารองแม่ทัพซู่จื่อพยายามหลบเลี่ยงหนีศึกครั้งนี้ปล่อยให้เขาต้องรับศึกคนเดียวแล้วหันหน้าไปทางซู่จือ “ซู่จือท่านจะอยู่กินอาหารเย็นกับข้าหรือไม่” ที่จริงต้องเป็นอาหารเที่ยงแต่มันเลยเวลามามากจนลู่เคอตัวต้องพูดว่าอาหารเย็นแทน “ข้าจะรีบกลับไปดูแลฮูหยิน ช่วงนี้นางแพ้ท้องมาก ข้าเป็นห่วงนาง ข้าขอตัวกลับจวนก่อนขอรับท่านแม่ทัพ ข้าลากลับก่อนนะขอรับฮูหยิน” “งั้นตามสบาย ข้าไม่รั้งไว้แล้ว” ลู่เคอตัวบอกเมื่อเห็นว่าซู่จือกำลังตัดช่องน้อยแต่พอตัว ซู่จือคารวะทั้งสองคนแล้วหมุนกายเดินออกไป ลู่เคอตัวหันมามองเต้าเฟยครั้งหนึ่ง แล้วเดินนำหน้าไปทางโถงที่ใช้เป็นห้องกินอาหารทันที “ท่านแม่ทัพรอข้าด้วยสิ” “สตรีที่เต็มไปด้วยความแข็งกระด้างเช่นเจ้าข้าไม่ต้องรอเจ้าก็เดินตามมาทัน” “แต่ชุดนี้มันแคบเดินได้ช้า” “หรือเจ้าจะไม่ใส่อะไรเดินก็ได้” เต้าเฟยเม้มปากแน่น “นี่ท่าน ข้าเป็นฮูหยินของท่านนะ พูดอะไรรักษาน้ำใจข้าบ้างก็ได้ ข้าอุตส่าห์ทำอาหารให้กิน” “ทำให้ข้ากินแต่ข้าจะกินได้หรือเปล่านั่นเป็นอีกเรื่อง” ลู่เคอตัวหันกายกลับมาจ้องเขม็ง เขาชอบสตรีที่ยิ้มหวาน ดวงตาเรียวงาม มีความอ่อนโยน ทว่าสตรีที่เขาแต่งเป็นฮูหยินแม้เพียงสักข้อที่ต้องการก็ไม่มี “จะกินได้หรือไม่ยังไม่รู้เลย อย่าเพิ่งเรียกมันว่าอาหารจะดีกว่า” ลู่เคอตัวพูดแล้วเดินจากไป เต้าเฟยหน้าแดงจัดด้วยความโกรธ มองลู่เคอตัวที่เดินห่างไปเรื่อยๆ โดยที่นางทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เก็บความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ ‘ใช่สิ ข้าไม่ใช่ฮองเฮาหนิงซูเยว่ที่ท่านแอบรัก’ เต้าเฟยทำใจอีกครู่ก็ตามลู่เคอตัวไปยังโถงที่ใช้กินอาหารได้ทัน ลู่เคอตัวนั่งรออยู่ก่อนแล้ว พอนางนั่งลง เขาก็เริ่มมองอาหารตรงหน้า “ท่านจะลองชิมอะไรก่อนดี ข้าตั้งใจทำให้ท่านเลยนะ” “ตั้งใจแกล้งข้าให้รอนานมากกว่า” เต้าเฟยสะดุ้ง เขารู้ได้อย่างไร แต่มีหรือนางจะยอมรับ นางรีบเปลี่ยนเรื่อง“ท่านแม่ทัพ ท่านเคยกินเนื้อแพะหรือไม่” “ข้าต้องเคยกินอยู่แล้ว” “งั้นก็ดี นี่คือเนื้อแพะย่างไฟอาลาข่านต้องใช้เนื้อแพะทั้งตัวย่างไฟ และต้องคอยดูว่ามันสุกเท่ากันหรือยัง อาหารจานนี้จึงนับได้ว่าเป็นสุดยอดเมนู และยังเนื้อแพะหม้อไฟที่เหมาะกับสารทฤดูยิ่งนัก ช่วยคลายหนาว ทั้งสองเมนูล้วนต้องใช้ใจทำไม่ได้ทำส่งๆไปเพียงเพื่อให้เสร็จ” เต้าเฟยอธิบายเสียงใสแจ๋ว พลางลอบมองท่าทีของคนที่ขมวดคิ้วมอง ลู่เคอตัวมองอาหารหน้าตาหน้ากินตรงหน้าสลับกับใบหน้ามอมแมมราวกับแมวน้อยแต่แสนจะร่าเริง จากที่หนักใจจะชิมอาหารของนาง ลู่เคอตัวก็ลองใช้ตะเกียบคีบชิ้นเนื้อแพะย่างไฟขึ้นมาส่งเข้าปาก ทันทีที่เนื้อแพะเข้าปากก็ให้รสชาตินุ่มหวานละมุนลิ้นจนเขาแทบสำลักความรู้สึกนั้นไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นฝีมือของนาง “รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง อร่อยหรือไม่ ข้าเพิ่งลองทำครั้งแรก เมื่อครู่ก่อนยกออกมาแม่นมเซียงบอกว่าดีเยี่ยม” “ไม่เลว” เต้าเฟยอมยิ้ม ที่เขาว่าอร่อยคงเพราะรอนานจนหิวมากกว่า เนื่องจากเมนูแพะย่างไฟและแพะหม้อไฟนั้นนางไม่ได้ปรุงรสอะไรเลยสักนิด “เอ่อ พรุ่งนี้ข้าจะตื่นมาชงชาให้ท่านดื่ม แม่ข้าเคยสอนการต้มชานม ข้านำนมแพะมาด้วยจะบีบนมแพะจากเต้าใส่ชามนมให้ท่านดื่ม หรือว่าท่านชอบแบบใส่เนยแข็ง ข้าลืมบอกท่านว่านอกจากข้าจะต้มชานมได้ ข้ายังทำเต้าหู้นมแพะได้อร่อยมาก ข้าจะ...” “หุบปากซะ แล้วกินได้แล้ว” ลู่เคอตัวตัดบทเพราะหิว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD