ลู่เคอตัวแค่นเสียงต่ำในลำคอ “สตรีในต้าชิงนางใดบ้างที่มีอาวุธเป็นเครื่องประดับเยี่ยงเจ้า สมแล้วที่เจ้าหาชายใดออกเรือนด้วยไม่ได้ จนต้องเดือดร้อนมาถึงข้า เมื่อฮ่องเต้ไม่ปรารถนาจะรับเจ้าไว้เป็นสนมกรรมเลยหล่นมาถึงข้า”
เต้าเฟยอ้าปากค้าง “ใช่ว่านี่เป็นกรรมของท่านฝ่ายเดียวข้าเองก็ไม่ได้ทุกข์น้อยไปกว่าท่าน แล้วเหตุไฉนท่านไม่คิดร่วมมือกับข้าทำเรื่องนี้ให้จบๆไป” ดวงตากลมโตเฉลียวฉลาดลอบมองเขาอย่างมีความนัย “ในเมื่อเราทั้งสองก็มีกรรมร่วมกันแล้วทำไมเราไม่ช่วยกันแก้กรรมนี้เล่าเจ้าคะท่านพี่”
ยามนางพูดหวานและเรียกเขาว่าท่านพี่ลู่เคอตัวรู้สึกขนลุกอย่างประหลาดแต่ใบหน้าหล่อเหลาก็ยังแข็งกระด้างดุจเดิม
“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเสียงอ่อนเสียงหวานกับข้ามีหรือข้าจะดูเจ้าไม่ออก เจ้าคงจะชวนข้าแก้ผ้ามากกว่าแก้กรรม”
ใบหน้าคนฟังร้อนผ่าว ทั้งอาย ทั้งแสบคัน แต่ละคำที่แม่ทัพจอมหยิ่งยโสนี่กล่าวออกมาล้วนแสบระคายหู หาชายใดในใต้หล้าจะปากร้ายเท่าเขาอีกไม่มี นางเองก็มิเคยถูกบุรุษเอ่ยว่าให้เจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่าเยี่ยงนี้
“ท่านจะต้องเสียใจที่ดูถูกข้า”
“ข้าจะเสียใจมากกว่าหากยอมแก้กรรมร่วมกับเจ้า และต่อไปนี้ข้าขอสั่งห้ามเจ้า ห้ามเจ้าพกอาวุธลับ และห้ามซัดอาวุธลับใส่ข้าซึ่งเป็นเจ้าของจวนแห่งนี้อีก ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
ลู่เคอตัวบอกแล้วมือหนาใหญ่สากระคายเพราะผ่านการจับอาวุธมามากก็เริ่มทำการรื้อค้นไปทั่วตัวเต้าเฟย เรือนร่างของเต้าเฟยมีทุกอย่างเหมือนสตรีทั่วไปทุกประการ ทั้งทรวงอกเต่งตึง เอวคอดกิ่ว ลู่เคอตัวกลืนน้ำลายลงคอ ขณะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแต่มือก็ลูบคลำทั่วเรือนร่างอรชรจนทั่ว จากบนลงล่าง จากล่างขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง
“ในตัวข้าไม่มีอาวุธลับใดอีกแล้ว ข้านำติดตัวมาเพียงเท่านั้น ท่านพี่เลิกค้นได้แล้วไหนท่านพี่บอกว่าไม่อยากอยู่ใกล้ข้าหรือว่าท่านพี่คิดจะเปลี่ยนใจ”
ลู่เคอตัวหยุดมือที่คลำไปทั่วร่างของนางทันที “ข้าค้นอาวุธ ไม่ได้คิดอย่างที่เจ้ากำลังคิด อย่าคิดยั่วยวนข้าเพราะมารยาหญิงของเจ้าหาได้ทำให้ข้าสนใจได้แม้แต่น้อย”
“ข้าไม่ได้ยั่วยวนท่านพี่ แต่เป็นท่านพี่เองที่ค้นหาของในตัวข้า”
ลู่เคอตัวหน้าแดงก่ำพลันหันหลังหนี “งั้นเจ้าก็กลับไปห้องหอของเจ้าได้แล้ว ข้าจะพักผ่อน” ลู่เคอตัวไล่
เต้าเฟยมองท่าทางนิ่งเฉยของท่านแม่ทัพใหญ่แล้วคิดแผนการขั้นต่อไปออก“ท่านพูดถูกแล้วว่าข้าควรกลับห้องหอ ในเมื่อท่านอยู่ห้องใดนั่นก็คือห้องหอของข้า ท่านเองก็ไม่ควรเอาแต่วิ่งหนีข้า ท่านเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ เป็นชายชาตรีทุกประการ เหตุใดต้องคอยหนีหน้าข้าในเมื่อท่านได้รับหน้าที่มาแล้วเราน่าจะช่วยกันทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด”
ลู่เคอตัวควันออกหู หมุนตัวก้าวอาดๆไปดึงร่างบอบบางในชุดเจ้าสาวสีแดงมาใกล้ เต้าเฟยเบ้หน้า
“ข้าเจ็บ”
ลู่เคอตัวจ้องมองใบหน้าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาอย่างเดือดดาล นางกำลังยั่วให้เขาโกรธแล้วลงมือกับนางใช่หรือไม่
“เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะตกหลุมพรางของเจ้า ข้าไม่มีวันโกรธจนปล้ำเจ้าหรอก เจ้าจะได้แต่ตำแหน่งฮูหยินแต่ไม่ได้ลูกชายหรือลูกหญิงจากข้า เพราะข้าจะมอบลูกให้กับสตรีที่ข้ามีใจรักเท่านั้น ข้าไม่ใช่พ่อพันธุ์เที่ยวผลิตลูกแจกจ่ายสตรีนางใดก็ได้ไปทั่วเมือง”
“ท่านแม่ทัพบ้า ท่านจะหวงไว้ทำไมกัน หากหาสตรีใดที่ท่านมีใจรักไม่ได้ มิเท่ากับตระกูลของท่านไร้ซึ่งผู้สืบเชื้อสายหรือ ท่านไม่รู้สึกผิดต่อบรรพชนหรือ อ้อข้าลืมไปท่านพี่มีสตรีที่พึงใจรักมั่นแต่ว่า...”
“เต้าเฟยเจ้าจงหุบปากของเจ้าซะก่อนที่ข้าจะจับเจ้าโยนออกไปนอกห้อง แล้วเจ้าจงเลิกฝันไปได้เลยเรื่องจะเป็นมารดาของลูกข้า”
เต้าเฟยกัดริมฝีปากแน่น มองลู่เคอตัวอย่างขุ่นเคือง นางกำมือแน่นไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่ร่วมมือกับนางในการทำให้เรื่องนี้มันจบ เหตุใดต้องทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
“ท่านพี่ไม่มีวันเข้าใจว่าทำไมข้าต้องทำอย่างนี้”
“ทำไมข้าจะไม่เข้าใจ ทั้งหมดที่เจ้าทำลงไปก็เพื่อเผ่าของเจ้าอย่างไรล่ะ”
เต้าเฟยนิ่งเงียบไป ไม่อาจพูดความจริงได้ทั้งหมด จนลู่เคอตัวคิดว่าเป็นเพราะเขาพูดจี้ใจดำนาง
หากนางทำเพื่อเผ่าเค่อเออร์ซิน เขาเองก็เสียสละชีวิตส่วนตัวเพื่อแผ่นดินไปแล้วเช่นกัน เหตุใดต้องยอมช่วยนางทำลูกเพื่อให้นางทำเพื่อเผ่าของนางด้วย
“แต่นี่เป็นสมรสพระราชทาน ท่านต้องทำหน้าที่สามีให้ครบสมบูรณ์ ทั้งเรื่องแต่งงานและให้กำเนิดบุตร”
ดวงตาของลู่เคอตัวแข็งกระด้างจนเหมือนน้ำแข็ง “ถ้าเช่นนั้นเจ้าคงต้องหาวิธีทำให้ข้ายอมร่วมเตียงกับเจ้าอย่างเลี่ยงไม่ได้เองแล้วล่ะ ถ้าเจ้าทำได้ ข้าจะยอมช่วยเจ้าให้กำเนิดบุตร เจ้าจงทำให้ได้สิ”
ลู่เคอตัวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงดูแคลน จากนั้นร่างบึกบึน สง่างามก็ก้าวเท้าออกจากห้องนอนไปอย่างไม่สนใจว่าจะผิดธรรมเนียม
เต้าเฟยยืนมองอย่างผิดหวัง ลู่เคอตัวไม่ยอมช่วยให้นางสมหวัง ถ้าอย่างนั้นนางต้องหาวิธีทำให้เขาเลี่ยงไม่ได้อย่างที่เขาบอกแต่นางจะทำอย่างไร เต้าเฟย กลับไปนั่งครุ่นคิดที่เตียงจนหลับไป
แสงอาทิตย์ยังไม่ทาทับขอบฟ้า ลู่เคอตัวก็ตื่นมาฝึกซ้อมวรยุทธ์ตั้งแต่ยามเหม่าหรือก็คือเวลาตีห้า จากนั้นก็กินอาหารและขึ้นรถม้าเข้าวังเพื่อไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิซึ่งช่วงนี้พระองค์ทรงเกษมสำราญเป็นพิเศษพาให้ข้าราชบริพารได้รับของกำนัลกันบ่อยๆ นั่นก็เพราะฮองเฮาใกล้จะถึงกำหนดประสูติกาลเข้ามาแล้ว
เต้าเฟยยืนมองรถม้าของลู่เคอตัวอยู่บนสะพานโค้งข้ามลำธารน้ำที่สร้างจำลองธรรมชาติขึ้นมา หลังจากนางผล็อยหลับไปและตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็พบว่าลู่เคอตัวไม่ได้อยู่ที่ห้อง เมื่อถามจากสาวใช้ที่อยู่หน้าห้องจึงรู้ว่าสามีของนางออกไปประชุมขุนนางแล้ว
แม่นมเซียงที่เพิ่งจะหานางเจอที่ห้องนอนอีกห้องของลู่เคอตัวเพราะเมื่อคืนนางออกมาจากห้องหอโดยไม่ได้บอก
“คุณหนูมาอยู่ที่นี่เอง บ่าวตามหาไปทั่ว”
“ข้าขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง”
“คุณหนูเป็นนายไม่ต้องขอโทษบ่าวหรอกเจ้าค่ะ เป็นหน้าที่บ่าวที่ต้องติดตามรับใช้ท่าน ว่าแต่ตอนนี้คุณหนูไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วกินอาหารเช้าเถอะนะเจ้าคะ” แม่นมเซียงที่ติดตามมาด้วยบอกด้วยความเป็นห่วง นางเห็นสีหน้าแววตาของคนเป็นเจ้านายแล้วอดสงสารไม่ได้
แค่ตื่นมาแล้วพบว่าเจ้านายไม่อยู่ในห้องหอ นางก็รู้แล้วว่าเจ้าบ่าวไม่มาเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว แม่นมเซียงตามหาอยู่ทั้งคืนจนรู้ว่านายสาวของตนมาที่เรือนหลังนี้
“ท่านแม่ทัพลู่คงรังเกียจข้ามากนะแม่นม เขาไม่ยอมเข้าหอกับข้า หนีข้าไปนอนอีกห้องหนึ่งข้าก็พยายามทำหน้าให้หนาเข้าไว้แล้วไปรอเขาที่ห้องนอนแต่เขาก็ไม่ไยดีข้า จนกระทั่งเพิ่งถึงยามเหม่าแท้ๆ เขายังต้องรีบออกไปจากจวน”
“ท่านแม่ทัพอาจจะมีงานยุ่งก็ได้นะเจ้าคะ คุณหนูของบ่าวงดงามไม่แพ้สตรีใด ท่านแม่ทัพต้องไม่รังเกียจคุณหนูหรอกเจ้าค่ะ”