2

1473 Words
ลู่เคอตัวคิดแล้วยกจอกเหล้าขึ้นเทลงคอพรวดเดียว “ท่านแม่ทัพโปรดดื่มน้อยหน่อยเถอะขอรับ ท่านดื่มเหล้าหมดไปแล้วเกือบสิบไห” ติงอี้เทาทหารคนสนิทอีกคนทำใจกล้ายับยั้ง เขาเกรงว่าแม่ทัพใหญ่จะไม่ทันเข้าหอแต่ล้มพับลงตรงหน้าเสียก่อน “พวกเจ้าไม่ต้องห้าม ข้าอยากดื่ม ร้อยไหข้าก็จะดื่ม” รองแม่ทัพคนสนิททั้งเกาลุ่ยหาน และติงอี้เทาต่างถอนใจแลกเปลี่ยนสายตากัน คำสั่งของลู่เคอตัวท่านแม่ทัพใหญ่แห่งกองแปดธงทำให้พวกเขาสองคนไม่กล้าห้ามและไม่กล้าลุกไปไหน นั่งดื่มสุรากินอาหารไปจนเลยเวลาส่งตัวเข้าหอ “พวกเจ้าสองคนจำศึกบัวแดงได้หรือไม่ ครั้งนั้นข้าคิดว่าข้าเกือบไม่รอดกลับมาเพราะเฉินเต๋อหมิงวรยุทธ์สูงส่ง แต่ข้าก็เอาชนะมันมาได้แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าข้าต้องมาแพ้ให้กับสตรีคนหนึ่ง เต้าเฟย สตรีบรรณาการจากฮ่องเต้” เฉินเต๋อหมิงคือหัวหน้ากลุ่มกบฏบัวแดงที่ต้องการล้มชิงและกู้หมิงกลับคืน ลู่เคอตัวต้องใช้เวลาปราบปรามกลุ่มบัวแดงอยู่นานถึงจะปราบลงได้ เขาจับตัวเฉินเต๋อหมิงและส่งให้ทางการลงโทษได้ คนในกลุ่มถึงได้แตกสลายหายไป “เฉินเต๋อหมิงคือหัวหน้ากบฎแต่สตรีที่ท่านพูดถึงคือฮูหยินพระราชทานนะขอรับ” เกาลุ่ยหานกลืนน้ำลายลงคอก่อนพูดเตือนสติ ลู่เคอตัวเงยหน้าขึ้นมองขุนทหารสองคนสนิทก็พบแววเป็นห่วงในดวงตาของคนทั้งสอง เขาถอนใจกลัดกลุ้ม จริงอย่างที่เกาลุ่ยหานพูด สตรีที่ว่าคือฮูหยินของเขา เหตุใดเขาต้องหลีกลี้หนีหน้านาง เขาจึงเลิกพูดแล้วโบกมือไล่ “เอาล่ะพวกเจ้ากลับกันไปได้ คงจะอยากกลับบ้านกันแล้วสิ เอาล่ะข้าก็ไม่อยากรบกวนพวกเจ้าแล้ว ข้าจะเข้าหอ” “ดีจริงๆ ขอรับ ท่านแม่ทัพอย่าให้ฮูหยินรอนานเลย ถ้าอย่างนั้นพวกข้าสองคนขอตัวกลับก่อน” เกาลุ่ยหานรีบลุกขึ้น ติงอี้เทาก็รีบลุกขึ้นตาม ทั้งสองลากลับไปแล้ว ลู่เคอตัวจึงเดินไปเข้าหอแต่พอมาหยุดที่หน้าประตูห้องเขาก็เห็นว่าแม่นมของเต้าเฟยหลับไปแล้ว พวกนางคงรอเขานานแต่ไม่มีใครกล้าไปตามก็ดีที่เต้าเฟยไม่ออกมาตามเขาเพื่อมาเข้าหอ นับว่ายังมีความละอายอยู่บ้าง ลู่เคอตัวหยุดยืนด้วยฝีเท้าเงียบกริบ ราวกับเขาไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น สุราสิบไหไม่ได้ทำให้เขาเมามายได้ ลู่เคอตัวอยากพักผ่อนก็จริงแต่หากเข้าไปแล้วเจอหน้าของเต้าเฟยอาจทำให้เขาเปลี่ยนใจไม่ได้นอนแต่อยากฆ่านางแทน จริงๆเขาจะไม่โกรธนางเลย หากนางไม่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองจะกลายเป็นพ่อวัวผลิตลูกให้กับนางหลังจากนี้ ครั้นนึกถึงสิ่งที่นางต้องการจากเขาทีไรทำให้ความไม่พอใจปะทุขึ้น เขาจึงหมุนตัวเดินไปอีกทางของจวนซึ่งเป็นเรือนพักที่มีห้องนอนอีกห้องของเขา ลู่เคอตัวเปิดประตูห้องนอนอีกห้องของตัวเองเข้าไป เพียงเพื่อจะพบว่าบนเตียงของเขาที่ว่างเปล่าพร้อมจะเอนกายลงนอนแต่เหตุไฉนกลับมีร่างอรชรของสตรีนั่งคอยเขาอยู่ ดวงตากลมโตของนางจ้องมองมายังเขาเขม็ง ลู่เคอตัวขบกรามแน่น “นี่เจ้าเข้ามาในห้องของข้าได้อย่างไร” เสียงเย็นเยียบตวาดออกไป เขาคิดไม่ถึงว่าเต้าเฟยจะใจกล้าเทียมฟ้ามาดักคอยเขาที่ห้องนอนอีกห้องราวกับนกรู้ นั่นก็หมายความว่านางเปิดผ้าคลุมหน้าเอง และยังออกมาจากห้องหอเองอีกด้วย “ท่านไม่ยอมเข้าหอกับข้าจริงด้วย ข้าถึงต้องมารอท่านที่นี่อย่างไรล่ะ ท่านแม่ทัพลู่เคอตัว ท่านกล้าขัดราชโองการหรือ” เต้าเฟยย้อนถามเสียงแข็ง ดวงตากลมโตขึงมอง แม่ทัพหนุ่มเดินลงเท้าหนักจนหางเปียยาวๆสะบัด แสดงว่าโกรธมาก ร่างกำยำใหญ่โตยืนค้ำอยู่เหนือร่างเล็กที่นั่งอยู่ขอบเตียง “ข้าขัดราชโองการตรงไหน” เต้าเฟยเงยหน้าขึ้นมอง นางไม่กลัวเขาแม้น้ำเสียงที่ใช้จะแข็งกร้าว ดังก้องกังวานจนนางอยากยกมือขึ้นปิดหู แต่เพราะนางก็มีหน้าที่ต้องทำจึงทำใจดีสู้เสือตอบ “ท่านก็รู้แก่ใจ ท่านไม่ยอมเข้าหอ ร่วมเตียงกับข้า ไม่ยอมให้ข้าให้กำเนิดลูกชายแล้วเมื่อใดข้าจะได้รับอิสระ” นางพูดไปพลันก็หน้าแดงขึ้นมา ดีที่เป็นเวลามืดมีเพียงแสงเทียนสั่นไหวไปมา “ข้ายอมแต่งก็เพียงพอแล้ว ส่วนเรื่องการให้กำเนิดลูกชายนั้น ไม่จำเป็นต้องทำตามพระบัญชา ถ้าฝ่าบาทไม่เข้ามาทอดพระเนตรถึงในหอข้าก็ไม่ทำ” เต้าเฟยลุกพรวดขึ้นประจันหน้ากับเขา ได้กลิ่นสุราโชยหึ่งออกมา “ไม่ได้นะ ข้าอยากมีลูก ท่านแม่ทัพโปรดมีลูกกับข้าเถอะนะ” นางจับมือเขา แต่ถูกเขาสะบัดมือออก “นี่เจ้า เป็นสตรีเช่นใดกัน ข้ายอมแต่งกับเจ้า เพื่อผูกสัมพันธ์ต้าชิงกับเผ่าของเจ้าให้แน่นแฟ้นมากขึ้น เจ้ายังไม่พอใจอีกหรือ เป็นสตรีควรหวงเนื้อหวงตัวไม่ใช่ทำตัวเยี่ยงนี้ ช่างขายหน้านัก” เต้าเฟยเงียบไปทันที นางเม้มปากแน่น เพราะการแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพราะผูกสัมพันธ์อย่างเดียวแต่ยังมีเรื่องอื่นอีกแต่นางบอกเขาไม่ได้ เป็นนางที่ยื่นข้อเสนอกับองค์จักรพรรดิเอง เป็นเรื่องของนางกับองค์จักรพรรดิหยางจื่อสองคนที่รู้ “ถือว่าช่วยเหลือข้าไม่ได้หรือ ข้าก็ไม่ได้ขอร้องอะไรมาก พวกท่านผู้ชายมีแต่ได้เปรียบ ท่านพ่อยังเคยเอ่ยชมข้าว่าข้าเป็นธิดาที่งามที่สุดในเผ่า” “งามรึ” น้ำเสียงกึ่งดูแคลน “ตรงไหนที่เรียกว่างาม” “นี่ท่าน!” “ต่อให้เจ้าคุกเข่าขอร้องให้ข้าร่วมหอลงโรงกับเจ้าในคืนนี้อยางไรเสียข้าก็ไม่ยอม ยกเว้นว่าเจ้า...” เต้าเฟยพอเห็นช่องทางที่นางจะเจ็บตัวเพียงแค่ค่ำคืนเดียวแม้จะดูไร้ยางอายไปบ้างแต่นางก็เป็นฮูหยินที่ถูกต้องนางจะหยั่งเชิงเขาอีกรอบ “ข้าต้องทำอย่างไรหรือรีบบอกมาเถิด” “เจ้าก็ต้องทำมันเอง” น้ำเสียงห้าวหาญนั้นห้วนและเย็นชาจนเสียดแทงใจคนฟังยิ่งนัก เต้าเฟยขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจความหมายของท่านแม่ทัพ “ทำเองหรือเจ้าคะ ข้าจะทำได้อย่างไรกัน” แต่เมื่อนึกให้ดีเต้าเฟยก็เหมือนจะร้องอ๋อในใจ หนังสือปกขาวที่เคยได้รับจากลี้กิมจูเพื่อนของนางซึ่งออกเรือนไปแล้ว ในหนังสือนั้นมีภาพวาดสตรีอยู่ด้านบนผู้ชายอยู่ด้านล่างก็ทำให้นางอายจนหน้าแดงไม่คิดว่าแม่ทัพบ้าคนนี้จะกล้าดูถูกนาง “ลู่เคอตัว!ท่านดูหมิ่นข้ามากไปแล้ว อย่างไรเสียข้าก็คือฮูหยินพระราชทาน” ร่างหนาใหญ่ในชุดเจ้าบ่าวหมุนตัวเดินไปที่ประตูอีกครั้งอย่างไม่สนใจจะฟัง ประตูกำลังถูกผลักออกไปแต่อาวุธลับที่บินมาปักตรงเสาก็ทำให้ลู่คัวเตอมีสีหน้าแข็งกระด้าง ชักมือกลับในฉับพลัน “เจ้านำอาวุธลับเข้ามาในห้องนอนด้วยหรือ นี่แม่นมเจ้าไม่เคยสอนหรืออย่างไรว่าไม่ให้นำอาวุธเข้ามาด้วย” ลู่เคอตัวเดินสีหน้ามืดทะมึนเข้าไปหาเต้าเฟย “ไหนดูสิว่าในตัวเจ้ามีอาวุธลับอะไรอีกบ้าง บุปผาเต็มไปด้วยพิษอย่างเจ้าอย่าหวังจะได้เชยชมร่างกายข้า” เต้าเฟยเป็นฝ่ายหน้าแดงด้วยความโมโหบ้างเมื่อถูกมือใหญ่คว้าตัวให้เข้าไปหาอย่างแรง เนื้อตัวของนางแทบจมหายไปในร่างใหญ่ของเขา “คิดว่าตัวเองเป็นใคร หากไม่ใช่สมรสพระราชทานข้าเต้าเฟยก็ไม่เคยคิดปรารถนาจะเป็นฮูหยินของท่าน ส่วนอาวุธนี้ข้าแค่มีไว้ป้องกันตัว” “อยู่กับข้าทำไมต้องป้องกันตัว ในจวนแม่ทัพมีอันใดให้เจ้าต้องกลัว” ลู่เคอตัวถามเสียงดังดึงนางเข้ามาใกล้แผ่นอกมากขึ้น “ข้าคุ้นชินกับการมีอาวุธพวกนี้ ข้าโตมากับพวกมัน มันก็เปรียบดั่งเครื่องประดับของข้า”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD