สำนักงานเขตบางรัก แค่ก้าวลงมาจากรถแล้วเดินตรงไปด้านใน นายแพทย์หนุ่มก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีว่าสิ่งที่เขาไม่เคยคิดให้มันเกิดขึ้นจะเป็นเรื่องจริง แต่ในเมื่อมาถึงแล้วก็ต้องเผชิญหน้าให้รู้ อีกอย่างอย่างไรก็ต้องช่วยเหลือให้ตลอดรอดฝั่ง มือหนาผลักบานประตูกระจกเข้าไป กวาดมองไปยังด้านในสำนักงานเขต เห็นคนมากมายที่มาใช้บริการ ดวงตาคมกริบเห็นหญิงต่างวัยสองคนที่แสนคุ้นหน้านั่งอยู่บนเก้าอี้ในมุมหนึ่งจึงรีบเดินตรงไปหา
ตฤณหยุดตรงหน้าทั้งสอง ยกมือขึ้นไหว้ทันทีที่เห็น “สวัสดีครับคุณป้าผ่อง”
“ไหว้พระเถอะจ้ะ”
ตฤณมองคุณป้าผ่องพรรณที่รับไหว้ด้วยท่าทีกังวล แล้วมองไปยังหญิงสาวที่นั่งข้างๆ สาวน้อยยกมือขึ้นไหว้เขา
“สวัสดีค่ะพี่หมอตฤณ”
ม่านพิรุณยกมือขึ้นไหว้คนมาใหม่แล้วหลุบตาลง แต่ตฤณทันสังเกตเห็นว่าใบหน้าหวานสวยนั้นนิ่งจนอ่านความคิดไม่ออก ชายหนุ่มเลื่อนสายตากลับมาที่คุณป้าผ่องพรรณ
“นัดให้ผมมาที่นี่ ตกลงมีเรื่องอะไรกันแน่ครับคุณป้า”
“หมอตฤณ” นางลุกขึ้นแล้วพูดด้วยใบหน้าเครียดจัด “จะด่าว่าป้าเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่ป้ามองไม่เห็นทางอื่นแล้ว ป้าอยากให้หมอตฤณจดทะเบียนสมรสกับยายอิ๊งค์วันนี้”
ตฤณหันใบหน้าตกตะลึงไปทางสาวน้อยที่ลุกขึ้นยืนตาม ทว่าทำตัวนิ่งราวกับหุ่น ม่านพิรุณเอาแต่ก้มหน้าหลุบตามองพื้น เขาหันกลับไปทางคนที่เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาทันที
“คุณป้าครับ ผมเอ็นดูอิ๊งค์เหมือนน้องสาวนะครับ ทำไมคุณป้าถึงอยากให้ผมแต่งงานกับอิ๊งค์ อีกอย่างเรื่องนี้เราเคยคุยกันแล้วว่ามันจะไม่มีทางเกิดขึ้น” ตฤณพูดเสียงเย็นเยียบเฉียบขาดไม่อยากให้เกิดงานวิวาห์จำยอมเกิดขึ้น ม่านพิรุณยังเด็กส่วนเขาก็ยังไม่พร้อมจะแต่งงานไม่ว่ากับใครทั้งนั้น
“แต่ป้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”
คุณป้าผ่องพรรณพูดแล้วก็เอาแต่จ้องหน้าคนที่รักเหมือนลูกเหมือนหลาน
ตฤณถอนใจเฮือก ท่าทางแน่วแน่ของคุณป้าผ่องพรรณตอกย้ำว่าต้องการให้เป็นแบบนี้จริงๆ ท่านเคยคุยเรื่องที่จะยกหลานสาวคนเดียวให้แต่งงานกับเขาแล้วครั้งหนึ่ง หากแต่เขาปฏิเสธไป เพราะการแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มันควรจะเกิดขึ้นด้วยความรักและความสมัครใจของคนสองคน ไม่ใช่เพราะเหตุการณ์บังคับเหมือนในละครหลังข่าวซึ่งพล็อตแบบนี้มันโบราณแล้ว
อีกอย่างคนที่คุณป้าผ่องพรรณจะให้เขาแต่งงานด้วยก็ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยเลยด้วยซ้ำ ดีที่อายุยี่สิบ บรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาได้ข้อหาพรากผู้เยาว์มานอนกอดแทนแต่งเมีย อีกทั้งสมัยก่อนม่านพิรุณยังเคยเรียกเขาว่าคุณน้าด้วยซ้ำไป แต่ว่าต่อมาเขาขอให้เธอเรียกเขาว่าพี่แทน
ตฤณไม่ได้มองทางสาวน้อยที่ก้มหน้างุด เพราะคิดว่าม่านพิรุณคงถูกยายกล่อมมาแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้ด้วยท่าทีนิ่งสงบ ร้อยหนึ่งเอาบาทเดียวเลย เขาไม่เชื่อว่าม่านพิรุณอยากแต่งงาน แต่คงจำยอมมากกว่า ซึ่งเขาคิดว่าจะต้องหาทางช่วยเหลือสองคนยายหลานคู่นี้ โดยไม่ต้องให้ม่านพิรุณแต่งงานกับเขา เธอยังเด็กควรตั้งใจเรียนหนังสือให้จบก่อน
“ป้าจำได้ค่ะว่าหมอตฤณเคยบอกว่าจะไม่แต่งงานกับอิ๊งค์เพื่อแก้ไขปัญหา แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงินที่ป้ายืมจากหมอตฤณแต่มันมีเรื่องที่พ่อของยายอิ๊งค์ที่ไปก่อไว้ด้วย พ่อยายอิ๊งค์จะเอายายอิ๊งค์ไปขายให้เจ้าหนี้ด้วยน่ะสิ”
“อะไรนะครับ คุณพ่อของอิงค์จะขายอิ๊งค์ให้เจ้าหนี้หรือครับ” ตฤณมีสีหน้าเหลือเชื่อ ก่อนจะลดเสียงให้เบาลงเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกใจจนเผลอพูดเสียงดังไป เขามองทางม่านพิรุณที่ยังไม่เอ่ยอะไรสักคำ นอกจากยืนก้มหน้าอย่างเดียว เขาเองก็ไม่ได้คาดหวังให้เด็กสาวพูดอะไรออกมาหรอก
ม่านพิรุณคงยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“คุณป้าครับ ช่วยเล่ารายละเอียดให้ผมฟังหน่อย”
คุณป้าผ่องพรรณทอดถอนใจ สีหน้าแก่ชราลงไปอีกสิบปี ทั้งเรื่องลูกสาวที่นอนป่วยเป็นเจ้าหญิงนิทราเพราะฝีมือของไอ้สารเลววาทิน อดีตลูกเขย ก่อนจะเริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับนายแพทย์หนุ่มได้ฟัง
วาทินมันทำร้ายสายพิรุณคนเดียวไม่พอ ยังทำลายชีวิตลูกสาวคนเดียวของมันเองอีกด้วย มันยังเป็นคนอยู่อีกไหม คุณผ่องพรรณคิดแล้วเจ็บแค้นในอกแทบปางตาย อยากให้มันถูกฟ้าดินลงโทษวันนี้พรุ่งนี้เลยถ้าเป็นไปได้
วาทินเลิกรากับสายพิรุณไปเกือบห้าปีแล้วแต่ยังไม่เลิกมารีดไถเงิน จนเมื่อหกเดือนก่อนมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะวาทินมาขโมยสร้อยทองสองบาทไปจากคอนโดฯ ของม่านพิรุณ สายพิรุณขับรถตามไปทวงคืน ทว่าเกิดอุบัติเหตุไปพุ่งชนเสาไฟฟ้าศีรษะได้รับความกระทบเทือนอย่างรุนแรงต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
ลูกสาวนางนอนเป็นผักไม่ได้สติ แต่ไอ้วาทินก็ไม่รู้สึกผิด ซ้ำเมื่อเดือนก่อนยังมาหว่านล้อมให้ม่านพิรุณไปกินข้าวกับเสี่ยคนหนึ่ง โดยบอกว่าจะได้เป็นใบเบิกทางไปสู่งานในวงการบันเทิง แต่นางกับม่านพิรุณรู้ดีว่าไม่ใช่
“ไอ้วาทินมันอยากได้เงินไปใช้หนี้พนันบอล มันเลยมาตามเฝ้าให้ยายอิ๊งค์ไปกินข้าวกับเสี่ยทัดเทพ มันมาขอร้องยายอิ๊งค์ทุกวัน ป้าไล่ยังไงก็ไม่ไป พูดมาแค่นี้คุณหมอก็เข้าใจแล้วใช่ไหมคะ ไปกินข้าวก็คือจะให้ยายอิ๊งค์ไปทำอะไรเราก็รู้ดีกันอยู่ แต่ถ้ายายอิ๊งค์แต่งงานกับหมอตฤณ ไอ้วาทินจะได้ไม่กล้ามายุ่งด้วยอีก ยายอิ๊งค์จะได้อ้างว่ามีสามีเป็นผู้ปกครองที่ดูแลได้อย่างเต็มที่และมีสิทธิ์ทุกอย่าง” คุณผ่องพรรณพูดไปก็มีสีหน้าเจ็บแค้นอดีตลูกเขยตัวแสบจนนางต้องตัดสินใจให้หลานแต่งงานแก้ปัญหา ลำพังตัวนางเองก็แก่มากแล้ว กลัวแต่ว่าจะเป็นอะไรไปก่อนแล้วปกป้องหลานไม่ได้
อาการหายใจหอบสะท้านขึ้นลง ทำให้คนที่ยืนนิ่งเงียบมาตลอดรีบประคองยายให้นั่งลงแล้วหยิบยาดมในกระเป๋าสะพายใบใหญ่ที่เตรียมไว้ตลอดยื่นไปที่จมูกให้ยายได้สูดดม
“ยายจ๊ะ อย่าเพิ่งโมโหนะ เดี๋ยวความดันขึ้น อิ๊งค์ไม่เหลือใครแล้ว ยายอย่าเป็นอะไรนะ”
คำพูดเศร้าๆ ของสาวน้อยที่เอ่ยออกมาทำให้คนสองคนที่อยู่ตรงนั้นเกิดความรู้สึกสะเทือนใจแตกต่างกัน คนตัวโตที่ยืนมองอยู่รู้สึกว่าเขาควรต้องทำอะไรสักอย่าง บางอย่างที่อาจผิดต่อปณิธานของตัวเอง แต่มันคือคุณธรรมที่คนหนึ่งควรมีต่ออีกคนหนึ่ง
“ยายไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกอิ๊งค์ ยายต้องอยู่กับอิ๊งค์ไปอีกนาน” ผ่องพรรณบอกหลานสาว
ม่านพิรุณยิ้มทั้งน้ำตาคลอเบ้าแล้วสะกดกลั้นให้มันลงไป ป่วยการจะเศร้า ชีวิตของเธอต้องเดินหน้าต่อ เพราะมีแม่ที่ป่วยกับยายที่ชราแล้วต้องดูแล ไม่อยากให้ยายไม่สบายใจ ใบหน้าสวยแม้ไร้การแต่งแต้มหันไปทางคุณหมอหนุ่ม
“พี่หมอตฤณคะ อิ๊งค์ต้องขอโทษแทนยายด้วย ที่ทำให้ลำบากใจ ปัญหาครอบครัวของเรา อิ๊งค์จะจัดการเองค่ะ” ม่านพิรุณบอกออกไปหลังเห็นท่าทีไม่สบายใจของเขา
“แล้วอิ๊งค์จะจัดการยังไง” ตฤณถาม พลางกวาดตามองลูกสาวของพี่ที่สนิทด้วยสายตาเคร่งเครียด
สายพิรุณอายุมากกว่าเขาเจ็ดปี เธอแต่งงานมีลูกตั้งแต่อายุสิบเก้า สายพิรุณได้ส่งต่อความสวยราวกับนางในวรรณคดีมาให้กับลูกสาวคนเดียวอย่างไม่มีตกหล่น ม่านพิรุณในวัยยี่สิบปีไม่ต่างจากดอกไม้แรกแย้ม สวยสะพรั่งน่ามอง เขาอยากให้เด็กสาวได้เรียนจนจบ ไม่ใช่รีบแต่งงานตอนนี้ แต่สิ่งที่อีกฝ่ายพูดเมื่อครู่ว่าจะจัดการปัญหาเอง เขาก็กลัวว่าเธอจะเลือกทางผิด
“อิ๊งค์ยังไม่รู้เลยค่ะ แต่ว่าอิ๊งค์จะพยายาม ยังไงอิ๊งค์ก็ไม่ยอมทำตามที่พ่อต้องการ” เด็กสาวที่อายุน้อยกว่าเขาถึงรอบหนึ่งเอ่ยด้วยความมั่นใจ แต่เขาเห็นสีหน้าแววตาเจือความกังวลใจก็รู้ว่ามีความไม่แน่ใจแกมหวาดหวั่นปะปนอยู่
“ความพยายามควรใช้ให้ถูกเรื่อง อย่างเช่นตอนนี้อิ๊งค์ควรพยายามตั้งใจเรียน”
ม่านพิรุณขมวดคิ้วมองเขา “อิ๊งค์ไม่เข้าใจค่ะ”
“จดทะเบียนสมรสกับฉัน” ตฤณตัดสินใจได้ในที่สุด
ม่านพิรุณมองหน้าคนตัวโตกว่าด้วยสายตาประหลาดใจ หัวใจเต้นตึกตักรุนแรงราวกับมีใครมาตีกลองในอก ก่อนจะหลุบตาลง ขณะที่คุณผ่องพรรณแทบจะหายจากอาการความดันขึ้นทันที
“หมอตฤณพูดจริงๆ ใช่ไหม ป้าได้ยินแบบนี้จะได้นอนตายตาหลับ” นางรู้ดีว่าเห็นแก่ตัวที่ผูกมัดชายหนุ่มกับหลาน แต่นางก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ หลานสาวมีนางเป็นที่พึ่งเพียงคนเดียว แต่ไม้ใกล้ฝั่งอย่างนางจะดูแลหลานไปได้อีกนานแค่ไหน ถ้าได้ไม้ใหญ่ที่แข็งแรงมั่นคงอย่างหมอตฤณนั่นคงจะดีกว่า
ตฤณพยักหน้าช้าๆ “ครับผมจะแต่งงานกับอิ๊งค์ แต่ที่แต่งก็เพื่อให้ผมมีสิทธิ์ดูแลอิ๊งค์ กันให้อิ๊งค์ห่างจากพ่อของเขา ผมจะจดทะเบียนสมรสแต่ไม่จัดงานเพราะอยากให้อิ๊งค์ตั้งใจเรียนหนังสือให้จบก่อน จากนั้นค่อยว่ากันอีกที” ตฤณบอกด้วยความเป็นห่วง เขาอยากให้ม่านพิรุณได้มีทางเลือกในชีวิต การที่เขาทำแบบนี้เท่ากับได้ช่วยเหลือคนถึงสามคน นั่นคือม่านพิรุณ คุณผ่องพรรณ และสายพิรุณ
“แค่นี้ป้าก็พอใจแล้วค่ะ”
“อิ๊งค์จะไม่ทำตัวเป็นภาระให้พี่หมอตฤณต้องลำบากแน่นอนค่ะ ที่เหลือหลังจากนี้อิ๊งค์กับยายจะดูแลกันเองเหมือนเดิม จะไม่เข้าไปก้าวก่ายในชีวิตของพี่หมอตฤณเลย” ม่านพิรุณพูดขึ้นบ้างหลังจากฟังเขาพูดจบ