บทที่ 5
วางแผนร้าย...
ย้อนกลับไปที่อนุอวี้หลันหลังจากกลับมาจากการไปหาผู้ที่ซึ่งเป็นสามี
กลับลอบได้ยินเรื่องราวบางอย่างทำให้ความเคียดแค้นที่มีอยู่แต่เดิมแล้วพุ่งสูงเทียมฟ้า
ใบหน้างามที่ถูกตกแต่งอย่างดีนั่งอยู่ในเรือนของตนเองขบคิดเรื่องราวทั้งที่ตั้งใจจะไปขอร้องเรื่องที่บุตรสาวของนางให้อนุโลมผ่อนผันสักหน่อยด้วยการไม่ให้ออกไปไหนเป็นเวลาสามเดือน
ทั้งที่บุตรสาวนั้นล่วงเลยวัยออกเรือนมากว่าหนึ่งปีแล้ว
ช่างเป็นคำสั่งโหดร้ายต่อบุตรสาวของนางไม่น้อย
ยิ่งมาเห็นท่าทีรักใคร่กับบุตรสาวคนรองพร้อมหาคู่ครองเป็นบุรุษสูงศักดิ์เช่นรุ่ยอ๋อง ยิ่งทำให้จิตใจที่ดำมืดซ่อนเร่นภายใต้ใบหน้างดงามนั้นค่อยๆ ทอแววอำมหิตขึ้นมาหลายส่วน
ช่างกระทำแตกต่างกับบุตรสาวของนางราวฟ้ากับเหว...
ลำเอียงรังแกกันเกินไปแล้ว...
คิดว่างานแต่งแบบที่รุ่ยอ๋องไม่ยินยอมจะราบรื่นเช่นนั้นหรือ
ร่างงงามขบคิดหาทางอยู่นานกว่าชั่วยาม
แล้วเอ่ยเรียกสาวใช้คนสนิทที่ติดตามมาจากตระกูลเดิมทันที
"ฮุ่ยเหนียง เจ้าเอาเงินนี่ไป..."พลางเอ่ยกระซิบบางอย่างให้สาวใช้สนิทกระทำการบางอย่างที่มิอาจแพร่งพรายให้คนนนอกรู้ได้
"เจ้าค่ะ "สาวใช้วัยกลางคนรับคำทันทีอย่างเต็มใจ
หลังจากที่สาวใช้จากไปแล้ว
อนุอวี้หลันนั่งยกยิ้มมุมปาก
'เป็นท่านที่ลำเอียงก่อน ในเมื่อรักบุตรสาวคนรองมากกว่าก็ลองให้นางแต่งเข้าตำหนักรุ่ยอ๋องพร้อมข่าวลือเน่าเฟะก็แล้วกัน
_____________________________
เรือนคุณหนูรองหวังเลี่ยงเฟิ่ง
หลังจากที่เลี่ยงเฟิ่งกลับมาจากการพูดคุยกับบิดาแล้ว
ร่างบางพยายามทบทวนเรื่องราวตามบทละครที่ได้รับมา
นางเพียงอ่านผ่านตาเพียงสองสามครั้งเท่านั้น
รุ่ยอ๋องเป็นตัวละครที่ค่อนข้างลึกลับและ ไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับพระนางในซี่รี่ย์ดวงใจข้ามภพมากนัก
อีกทั้งเป็นตัวละครที่มีอุปนิสัยไม่ชอบการถูกบังคับ มีสตรีคนรักคือคุณหนูสามจวนเสนาบดีอวิ๋นที่ต่างเล่าลือว่าใบหน้างดงามกริยาเรียบร้อยอ่อนหวาน เก่งกาจด้านศาสตร์ทั้งสี่ที่เป็นยอดพลูเมืองหลวงก็ว่าได้
ทุกเรื่องราวถูกเลี่ยงเฟิ่งจดไว้ด้วยภาษาศตวรรษที่ 22 ที่ผู้คนในยุคนี้ไม่สามารถอ่านได้เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล
ซึ่งนางเองก็ยงคงคาใจเรื่องความฝันหลังจากที่พลัดหลงมาอยู่ในยุคนี้
พรที่ชายแปลกหน้าให้นางไว้หนึ่งข้อ ที่ว่าอยากแต่งงานกับคู่แท้นั้นจะใช่รุ่ยอ๋องหรือไม่
ในเมื่อรุ่ยอ๋องนั้นมีคนรักอยู่แล้ว
เป็นคำถามที่มิอาจหาคำตอบได้ในตอนนี้...
"คุณหนูเจ้าค่ะ ใบที่คุณหนูให้ทำการตากแห้งพร้อมบดละเอียดได้แล้วนะเจ้าค่ะ"อิงอิงเอ่ยขึ้นขณะหิ้วตระกร้าใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยตลับไม้ที่ภายในบรรจุด้วยใบชนิดหนึ่งที่ตากจนแห้งกรอบนำมาบดให้ละเอียดตามที่คุณหนูสั่งทุกอย่าง
"อืม...แล้วน้ำผึ้งเล่า"
"บ่าวสั่งให้แม่ครัวจัดซื้อมาไว้ห้องข้างๆ แล้วเจ้าค่ะ"
"ดียิ่ง..."
"บ่าวขอถามได้ไหมเจ้าค่ะ ว่าคุณหนูจะเอาของพวกนี้ไปทำอะไร"
"บำรุงผิวพรรณอย่างไรเล่า นี่เป็นความลับอย่าได้แพร่งพรายออกไป แล้วเจ้าเองก็ต้องช่วยข้าด้วย"สิ้นเสียงเลี่ยงเฟิ่ง ดวงตาสาวใช้คนสนิทกลับเป็นประกายกว่าที่เคยเมื่อรู้ว่าเป็นเคล้ดลับความงาม
"เจ้าค่ะ ต้องทำเช่นไรบ้างเจ้าค่ะ"
"คงต้องทำช่วงเย็นก่อนอาบน้ำ ไปเตรียมของไว้ก่อนก็แล้วกัน"
"เจ้าค่ะ"
ช่วงค่ำ
ร่างอวบยังคงปิดประตูเงียบอยู่ในเรือนตนเองมิให้ผู้ใดรบกวนเป็นประจำอยู่เนืองนิจ เพื่อโหมออกกำลังกายเบริ์นไขมันส่วนเกินที่ไม่ต้องการออกอย่างหนัก แววตามุ่งมั่นตั้งใจพลางเหงื่อไหลโทรมกายพร้อมกลิ่นเหงื่อที่ทำให้รู้ว่าความมุ่งมั่นไม่เคยทรยศผู้ที่พยายาม กว่ายี่สิบกระบวนท่าวนเวียนกว่าสองชั่วยามจึงหยุด ลงร่างอวบนั่งลงพร้อมจิบน้ำเปล่าอย่างใจเย็นเพื่อพักนางมาจากศตวรรษที่ 22ผู้ชื่นชอบการดื่มชานมไข่มุกและน้ำเย็นเป็นยิ่งนัก น้ำชาในกาถูกสลับเปลี่ยนเป็นเพียงน้ำธรรมดาเท่านั้นด้วยในยุคนี้มีอากาศค่อนข้างไปทางเย็นไม่ร้อนมานัก ไม่จำเป็นต้องพึ่งแอร์หรือฮีตเตอร์เพื่อให้ความเย็นหรือความร้อนแม้แต่น้อย อากาศก็บริสุทธิ์ไม่มีหมอกควันหรือมลพิษให้ต้องใส่ผ้าปิดจมูกตลอดเวลา ขณะที่ขบคิดเรื่องราวบางอย่าง
สาวใช้คนสนิทที่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวเงียบลง
"คุณหนูเจ้าคะ"
"เตรียมน้ำอุ่นให้ข้าด้วย ข้าจะอาบน้ำ "
"เจ้าค่ะ"สาวใช้คนสนิทรับคำอยู่ด้านหน้าห้องของตนเอง
เพียงหนึ่งก้านธูป
ร่างอวบที่แขนขาเริ่มลดลงจนสังเกตได้ แช่อยู่ในน้ำอุ่นโปรยเครื่องหอมใบหน้าที่เริ่มได้รูปจากการดูแลตนเองอย่างดีและควบคุมอาหารหลับตาพริ้มอย่างผ่อนคลาย โดยมีสาวใช้คนสนิททั้งสามช่วยขัดถูและนวด
"วันนี้ไม่ต้องนวดนะ ข้าจะพอกผิวและอาบน้ำอีกครั้ง เตรียมของและน้ำผึ้งให้ข้าด้วย"
"เจ้าค่ะ"
ไม่นานของทั้งหมดถูกเตรียตรงหน้าเลี่ยงเฟิ่งอย่างพิถีพิถัน พร้อมอ่างใบเล็บเพื่อรวมส่วนนผสม
"ข้าจะสอนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น "มืออวบหยิบใบตำลึงที่ถูกตากแห้งและตำอย่างละเอียดเทลงในอ่างพร้อมผสมน้ำผึ้งให้เข้ากันจนเป็นสีเขียวเหนียวๆ โดยมีสาวใช้คนสนิทมองตาไม่กระพริบ
"ทาทั้งหมดลงบนผิวข้า จับเวลาทั้งหมดสองก้านธูป "
"เจ้าค่ะ"สาวใช้ทั้งสาวก็ช่วยกันพวกปาดลงบนผิวของเลี่ยงเฟิ่งอย่างพิถีพิถัน ร่างอวบมองเรือนร่างของตนเองที่มีแต่ตุ่มทั้งใหม่ทั้งเก่า ทั้งบนใบหน้าและลำตัวพลางถอนหายใจปลงตก
'คงต้องอดทนพอกตัวทุกวันจนกว่าร่างกายนี้จะดูดีเช่นตัวนางในศตวรษที่ 22 เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง...'
_____________________________
ตำหนักรุ่ยอ๋อง
ห้องทำงาน
"ส่งสาส์นไปหาคุณหนูสาม เจอกันที่เดิมยามโหย่ว"ร่างหนาเอ่ยสั่งองครักษ์คนสนิทเสียงเข้ม วันนี้ต้องคุยกับคุณหนูสามให้รู้เรื่องเสียก่อนถึงจะทำตามแผนที่วางไว้ได้
หวังว่าคุรหนูสามจะเข้าใจและยินยอมสักครั้ง...
ทุกอย่างเป็นเขาที่คิดถี่ถ้วนแล้วว่า
มิได้ขัดรับสั่งพระบิดาการแต่งงานระหว่างตนเองและคุรหนูสามตระกูลอวิ๋นนั้นเคยพูดคุยกันมาบ้างแล้ว
อีกทั้งตนเองก็เข้านอกออกในไปมาหาสู่จวนเสนาบดีอวิ๋นไม่เคยขาด
ฟ้าดินล้วนเป็นพยานได้
ข่าวที่ให้องครักษ์คนสนิทนั้นเป็นสืบมาเกี่ยวกับว่าที่พระชายาเอกนั้นมีแต่เล่าลือในทางเสียหายไม่น้อย ทั้งรูปร่างอ้วนอวบเหมือนหมูในเล้าหน้าตาอัปลักษณ์และนิสัยร้ายกาจชอบทุบตีรังแกบ่าวไพร่เป็นกิจวัตรลือกันว่าแอบชื่นชอบตัวเขามานาน หากต้องแต่งกับสตรีที่อัปลักษณ์ทั้งกายใจก็แต่งคุณหนูสามสตรีที่ดีงามพร้อมทั้งกายใจเข้าตำหนักตนเองพร้อมกันก็สิ้นเรื่อง
กายบังคับได้...แต่จิตใจข้าหายอมไม่...
"พะยะค่ะ"เจียงจูองครักษ์คนสนิทประจำกายของรุ่ยอ๋องตั้งแต่ยังเล็กเป็นเพียงองค์ชายปลายแถวเท่านั้น
ไม่นานรถม้าจากตำหนักสัญลักษณ์รุ่ยอ๋องก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกของเมืองไปยังสถานที่นัดหมาย
โรงเตี๊ยมซินยี่โรงเตี๊ยมเหลาอาหารอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ประดับตกแต่งด้วยของมูลค่าสูงลิ่วพร้อมบทกวีแห่งยุคหลายท่านให้ผู้ที่มารับประทานอาหารได้ชื่นชมดื่มด่ำอรรถรสบรรยากาศโดยรอบ ซึ่งว่ากันว่าโรงเตี๊ยมแห่งนี้ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้นและรับลุกค้เพียงวันละยี่สิบโต๊ะเท่านั้นซึ่งราคาอาหารแต่ละเมนูล้วนแล้วแต่ราคาสูงลิ่วตามวัตถุดิบที่เลือกมารังสรรค์เป็นอาหารรสเลิศ
"เชิญ ขอรับ"หลงจู๊เอ่ยอย่างนอบน้อมด้วยรู้ว่าบุรุษที่ก้าวเท้าเข้าโรงเตี๊ยมผู้นี้มีฐานะใด
อีกทั้งไม่ต้องจองล่วงหน้าก็มีห้องส่วนตัวบนชั้นสอง
"คุณหนูอวิ๋นมาหรือยัง"ขณะก้าวเท้าขึ้นบันไดเดินมาห้องสุดท้ายอันเป็นห้องส่วนตัวของตนเอง
และเป็นสถานที่นัดพบสตรีคนรักในครั้งนี้
"รออยู่ด้านในขอรับ" หลงจู๊เอ่ยอย่างรู้งานพลางก้าวถอยหลังเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้เป็นนาย
มีเพียงองครักษ์คนสนิทที่ยืนเฝ้าหน้าห้องเท่านั้น
ร่างหนาก้าวเท้าเข้าห้องไปอย่างช้ามีบางอย่างพุ่งเข้าหาพร้อมกลิ่นหอมอันคุ้ยเคย
"พี่หลวนเค่อ"ชื่อพระนามเดิมเชื้อพระวงศ์ที่น้อยคนนักที่เรียกได้นอกจากเจ้าตัวเอ่ยอนุญาติเท่านั้น ร่างบางเอ่ยเสียงสั่นเครือในชุดสีเหลืองนวลอ่อนหวาน ใบหน้างามเศร้าสลดน้ำตาคลอให้ผู้พบเห็นอดที่จะรู้สึกสงสารไม่ได้
"ลี่เหมย เป็นเราที่ทำผิดต่อเจ้า"
"ไม่จริงใช่หรือไม่เพคะ ข่าวลือนั่นไม่ใช่เรื่องจริงเพียงพระองค์บอกมาหม่อมฉันยินดีจะเชื่อ"
"เรื่องนั้น...เป็นเรื่องจริง"
"แล้วหม่อมฉันเล่าจะมีหน้าอยู่ต่อไปอย่างไร"
"ยังพอมีวิธี เพียงแต่ว่าเจ้าจะยินยอมหรือไม่"
"วิธีการใดหรือเพคะ "
"ลี่เหมยเจ้าจะยอมหรือไม่ หากว่าเราจะแต่งเจ้าเป็นชายารองมีศักดิ์และสิทธิ์เทียบเท่าชายาเอกและแต่งในวันเดียวกันกับนาง"
"คือว่า...เรื่องนี้..."
"หากเจ้ายินยอมพร่งนี้เราจะเข้าไปคุยกับเสนาบดีอวิ๋นและฮูหยิน เวลาไม่คอยท่าแล้ว
"เพคะ หม่อมฉันรักพระองค์หม่อมฉันยินดีเพคะ"
"ขอบใจเจ้าที่เข้าใจ สตรีตะกูลหวังผู้นั้นจะเป้นพระชายาเพียงในนามเท่านั้น จะอย่างไรใจของเราก็มีลี่เหมยเท่านั้น"
"หม่อมฉันเชื่อพระองค์เพคะ"
สองสายตาประสานกันหวานล้ำ อิงแอบแนบชิดซึมซับความรักที่มีให้กันโดยที่ไม่รู้เลยว่า ร่างบางในอ้อมกอดเก็บสายตาไม่พอใจริษยาไม่น้อยไว้อย่างมิดชิด
____________________________
เรือนคุณหนูใหญ่
จวนตระกูลหวัง
ทางด้านคุณหนูใหญ่หวังอ้ายเซียง ที่ตอนนี้ถูกทำโทษมิให้ออกเรือน พร้อมตัดเบี้ยหวัดและให้คัดจารีตสอนหญิงหนึ่งร้อยบท ใบหน้าเคร่งเครียดดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยน้ำใสๆ สุดฝืนด้วยในใจยังคงพร่ำบอกถึงความไม่ชอบยุติธรรมที่ต้องเผชิญ
เป็นหวังเลี่ยงเฟิ่งที่หาเรื่องนางก่อนแท้ๆ
มือบางจับพู่กันแน่นจนแดงไปทั้งมือ ชายอาภรณ์ตรงแขนล้วนเต็มไปด้วยหมึกที่ใช้เขียนอักษรเลอะเปอะเปื้อน
"คุณหนู พักก่อนดีหรือไม่เจ้าค่ะ" สาวใช้ขั้นสองที่มาทำหน้าที่แทนคนเดิมที่ถูกขายออกไปที่หอคณิกาเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง
"ข้ายังไหว ไม่เป็นไรฝนหมึกให้ข้าเพิ่มอีก"ร่างบางยังคงมุ่งมั่นตวัดพู่กันบนกระดาษไม่ลดละเพื่อคัดให้แล้วเสร็จตามความตั้งใจเดิม
แม้ว่ามือนั้นจะอ่อนล้าเท่าไดกระตาม...
"เจ้าค่ะ"สาวใช้คนใหม่พยัหน้าพร้อมฝนหมึกให้ผู้เป็นนายต่อ
ขณะนั้นเองมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
" เซียงเออร์ เจ้าๆๆๆ!! ช่างโง่นัก"ร่างงามในชุดสีเข้มเดินเข้ามาดูบุตรสาวอย่างเป็นห่วง ทันทีที่รู้ว่าบุตรสาวถูกทำโทษตนเองก็รีบไปหานายท่านทันทีแต่กลับพบว่า
"ท่านแม่มาได้อย่างเจ้าค่ะ"ใบหน้างามเอ่ยขึ้นพยายามหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบอารมณ์ตนเองมิให้เกรี้ยวกราดต่อผู้ใด
แม้อยากทำใจจะขาดก็ตาม
มือบางจับมือตนเองไว้แน่นอย่างกดข่ม
"คัดไปใช่ว่าบิดาจะเห็นความจริงใจของเจ้า พักก่อนมาๆ แม่เตรียมน้ำขิงอุ่นๆ มาให้เจ้าทานรองท้องสักหน่อย"ร่างงามของอนุผู้เดียวในจวนประคองบุตรสาวให้ลุกขึ้นมานั่งที่โต๊ะน้ำชา พลางรินน้ำขิงในตระกร้าที่สาวใช้คนสนิทวางไว้
"ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ"อ้ายเซียงรับถ้วยน้ำขิงมาดื่มอย่างว่าง่าย
เมื่อดื่มน้ำขิงไปแล้วจิตใจก็สงบลงไม่น้อย...
"ต่อไปอย่าได้หักโหมเช่นนั้น ไม่กี่ราตรีพ่อเจ้าก็จะออกรบแล้ว ทำเท่าที่ทำได้ก็พอ หากทั้งพ่อเจ้าไปรบน้องสาวเจ้าแต่งออกจวนไปครานี้เจ้าจะออกไปพบผู้ใดคงไม่มีใครห้ามอีก"ผู้เป็นมารดาเอ่ยอย่างรู้ทัน
"ท่านแม่รู้เรื่องของข้า..."อ้ายเซียงก้มลงหน้าแดงไม่น้อย ที่มารดารับรู้ว่านางช่วงนี้ออกนอกจวนบ่อยครั้งเพื่อพบปะคนผู้หนึ่ง
คนผู้นี้มีความคิดอ่านไม่เหมือนผู้คนในยุคนี้
สง่างาม...หล่อเหลา...
น่าจะเป็นนิยามของบุรุษผู้นั้น เมื่อนึกถึงใบหน้างามก็เห่อร้อนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"หากมีอะไรที่แม่เจ้าพอช่วยได้ขอให้บอก แม่ยินดีสนับสนุนเจ้าเต็มที่"
"ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ"อ้ายเซียงยิ้มรับอย่างยินดี