สิบวันผ่านมาการเดินทางของพวกเขาทำท่าว่าจะสงบราบเรียบ ไม่เกิดเรื่องราวขึ้นอีกคล้ายกลับว่าคนที่ต้องการตัวนางมิได้ติดตามมาแล้ว แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้โจวหลิวหยางก็ยังไม่วางใจ ระหว่างนี้เขาจึงเฝ้าจับตาดูความปลอดภัยอยู่เงียบ ๆ คงจะมีเพียงสตรีนางนั้นที่วัน ๆ คิดเอาแต่จะเที่ยวเล่นไม่เคยหวาดระแวงอันใด
เขายังเคยเอ่ยปากให้นางระวังตัวแต่นางกลับเอ่ยว่า
"ข้ามีเรื่องอันใดให้หวาดกลัวในเมื่อมีท่านอยู่ข้างกาย วรยุทธ์ของท่านสูงส่งวิชาแพทย์ล้ำเลิศใต้หล้านี้เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้แล้ว"
กล่าวจบนางก็ขยิบตาและทำท่าจะจับมือเขาอีก ตั้งแต่นั้นมาโจวหลิวหยางจึงไม่เอ่ยปากหาเรื่องให้ตนเองให้ถูกสตรีผู้นั้นเกี้ยวพาอีก
สามวันก่อนถึงหัวเมืองใหญ่ถัดไปฟ้าใกล้มืดลงไปทุกที โจวหลิวหยางคิดว่าวันนี้คงต้องหาที่พักแรมแถวนี้ เขาจึงโผล่หน้าออกจากหน้าต่างเล็กน้อยสั่งการเฉิงจั่วที่ขี่ม้าคอยอารักขาอยู่ข้าง ๆ
"ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว เฉิงจั่วเจ้าไปสำรวจแถวนี้พอมีจุดใดพอจะค้างแรมได้บ้าง"
"ขอรับ"
เฉิงจั่วรับคำแล้วพุ่งกระตุกบังเ**ยนบังคับม้าพุ่งทะยานไปเบื้องหน้า ไม่นานเขาก็กลับมา
"คุณชาย เราควรผ่านตรงจุดนี้ไปก่อนแถวนี้เกิดการปล้นชิงทรัพย์ผู้ที่เดินทางและขบวนสินค้าบ่อยครั้ง ข้าเกรงจะไม่ปลอดภัยขอรับ"
โจวหลิวหยางพยักหน้า
"เช่นนั้นก็ให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน บอกคนขับรถม้าให้เร่งความเร็วขึ้น"
"ขอรับ"
ขบวนรถม้าของโจวหลิวหยางมีทั้งหมดสามคัน คันแรกเป็นคันที่เขานั่งมาพร้อมกับกูหลี่เอ๋อร์
ในขณะที่คันที่สองเอาไว้เก็บเสบียงอาหารพร้อมข้าวของที่ใช้เดินทาง
ส่วนคันที่สามเป็นคันที่หลิวฉูฉู่ฮองเฮาเตรียมการเอาไว้ให้พวกเขา ล้วนเต็มไปด้วยเครื่องใช้และเสื้อผ้าอาภรณ์ซึ่งรถม้าคันนี้ยังเป็นคันที่สาวใช้ของกูหลี่เอ๋อร์เอาไว้พำนักหลับนอนในยามที่ต้องพักค้างคืนระหว่างทาง
หลังจากที่รถม้าเคลื่อนผ่านจุดอันตรายแล้วบัดนี้โจวหลิวหยางก็โล่งอก ถึงคนที่ติดตามเขาทั้งหมดรวมทั้งสาวใช้ของกูหลี่เอ๋อร์จะเป็นวรยุทธ์ทว่าเขาก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ปล้นชิงขึ้นมา
โจวหลิวหยางรู้มาว่ากลุ่มโจรพวกนี้เป็นเหมือนมด กำราบอย่างไรก็ไม่มีวันหมดพวกเขามักจะหนีรอดไปได้บางส่วนและรอเวลาดักปล้นสะดมอยู่เป็นประจำ
เขามิได้กลัวยังคิดปราบโจรพวกนี้ให้หมดสิ้นแต่ยามนี้มีสตรีร่วมเดินทางถึงวรยุทธ์นางจะสูงส่งแต่หากเลี่ยงการปะทะได้เขาย่อมวางใจกว่า
ทว่าเมื่อขบวนรถม้าพ้นจากจุดนั้นมาได้ไม่นาน พวกเขาต่างก็ได้ยินเสียงโห่ร้องและเสียงกระบี่ปะทะกัน เปลวเพลิงลุกโชติช่วงอยู่เบื้องหน้า โจวหลิวหยางสั่งให้รถม้าของตนเองหยุด กูหลี่เอ๋อร์โผล่ใบหน้าออกมาดูหลังจากที่โจวหลิวหยางออกจากรถม้าไปแล้ว
"ท่านพี่มีสิ่งใด อ้ะ...นั่นมันของข้า"
กูหลิวเอ๋อร์เห็นบางสิ่งที่กำลังถูกเผาอยู่เบื้องหน้า บัดนี้นางไม่สนใจสิ่งใดแล้ว ยังตะโกนด้วยเสียงอันดังบอกเสี่ยวเหมยให้เข้าไปช่วยขบวนสินค้าที่อยู่ตรงหน้า
"เสี่ยวเหมยเร็วเข้า คุ้มครองสินค้า"
กล่าวจบร่างของเสี่ยวเหมยก็พุ่งผ่านหน้านางไป โจวหลิวหยางกำลังจะอ้าปากบอกให้นางรออยู่ที่นี่ เขาจะไปดูเอง ทว่าบัดนี้ปากยังไม่ขยับสตรีนางนั้นก็ดึงดาบอ่อนออกจากเอว ทั้งทยานเข้าไปร่วมขบวนรบกับคนพวกนั้นเสียแล้ว
โจวหลิวหยางกระโดดตามนางมา เขาย่อมเร็วกว่านางในที่สุดก็คว้าข้อมือเล็กเอาไว้ได้
"ห้ามไป อันตราย"
กูหลี่เอ๋อร์ตวัดดาบอ่อนสังหารโจรผู้หนึ่งที่กำลังทำท่าจะเงื้อมือฟันพวกเขา แล้วหันมาบอกเขาด้วยน้ำเสียงร้อนรน
"คุณชาย นี่คือกองคาราวานสินค้าพันธมิตรของข้า"
"จริงหรือ"
เขาดึงนางมาหลบอยู่ด้านหลังเมื่อศัตรูบุกเข้ามา พร้อมกับยกเท้าถีบคนร้ายจนร่างกระเด็น กูหลี่เอ๋อร์โผล่ใบหน้าขาวมาอยู่ในครองจักษุแล้วพยักหน้า
"นั่นธงการค้าของแม่บุญธรรมและนั่นคือธงพันธมิตร"
"จริงด้วย"
ไม่คิดว่ากูหลี่เอ๋อร์จะดวงตาว่องไวปานนั้น เมื่อเป็นของกูลี่เอ๋อร์ก็ย่อมเป็นของหลิวฉูฉู่มารดาด้วยเช่นกัน กูหลี่เอ๋อร์เห็นพวกโจรร้ายกำลังลำเลียงสินค้าอยู่ท้ายขบวน บัดนี้นางจึงไม่รอช้าแล้วพุ่งตัวออกไปจัดการโดยไม่สนใจเขาอีก
หัวใจของโจวหลิวหยางกระตุก เขาไม่เคยคิดว่านางจะบ้าบิ่นเพียงนี้ทั้ง ๆ ที่นางเพิ่งถูกพิษมา บัดนี้เขาจึงรู้สึกเดือดดาลยิ่งกว่านางเสียอีก
"คุ้มครองคุณหนู"
เขาตะโกนเสียงดัง องครักษ์เงาที่แฝงกายอยู่ใกล้ ๆ จึงปรากฏกายโดยพลัน พวกเขาล้วนเข้าไปคุ้มครองกูหลี่เอ๋อร์โดยไม่รอช้า
การต่อสู้ปะทะกันอย่างดุเดือด กลุ่มโจรเหล่านั้นมีคนมากทั้งยังลงมือเหี้ยมโหด ฆ่าฟันคนที่มากับกองคาราวานไปเป็นจำนวนมาก
และเมื่อพวกเขาออกจากรถม้า ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดที่ลอบมาวางระเบิดจึงทำให้รถม้าของโจวหลิวหยางถูกดินระเบิดทำลายเสียจนสิ้น โชคดีที่บัดนี้ไม่มีผู้ใดอยู่ในนั้น
เหล่าโจรร้ายต่างสู้สุดชีวิต ไม่คิดจะยอมแพ้กูหลี่เอ๋อร์เข้าถึงตัวของหัวหน้าโจรในขณะที่คนผู้นั้นจะฟันเข้าที่ร่างของคุณชายผู้หนึ่ง
แม้ชายผู้นั้นจะวรยุทธ์ดีแต่ก่อนหน้านี้เพราะถูกรุมและต้านทานกับโจรกลุ่มนี้มาเนิ่นนานแล้วจึงทำให้กำลังถดถอย ในยามที่เขาจะเสียท่าโชคดีที่กูหลี่เอ๋อร์โผล่มาช่วยเขาเอาไว้เสียก่อนจึงรอดพ้นจากความตายได้
หลังจากนั้นโจวหลิวหยางก็มาช่วยลงมือ เขาจัดการหัวหน้าโจรผู้นั้นอย่างว่องไว ในขณะที่กูหลี่เอ๋อร์ช่วยประคองคุณชายผู้นั้นขึ้นมา
เมื่อเห็นใบหน้าของเขาชัดเจนกูหลี่เอ๋อร์ก็จดจำเขาได้ทันใด เขาคืออู๋กวงผู้นั้นที่ช่วยนางเอาไว้ที่โรงน้ำชา
เสียงการรบราฆ่าฟันกันค่อย ๆ สงบลง สุดท้ายแล้วกลุ่มโจรก็ถูกสังหารจนหมดสิ้น โจวหลิวหยางสั่งให้คนตรวจสอบแล้วแจ้งทางการ ก่อนจะเดินมาหากูหลี่เอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างกายคนผู้นั้น
โจวหลิวหยางขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกว่าบุรุษผู้นี้คุ้นหน้านัก กูหลี่เอ๋อร์เห็นว่าใบหน้าของโจวหลิวหยางเปื้อนเลือดนางก็ดึงแพรพกออกมาจากแขนเสื้อแล้วเช็ดให้เขาทันใด
แรกเริ่มโจวหลิวหยางคิดปัดมือนางออก ทว่าเมื่อเห็นสายตาของคุณชายหน้าหยกผู้นั้นที่เอาแต่จ้องมองนางเขาก็เกิดเปลี่ยนใจ ปล่อยให้นางทำตามต้องการโดยไม่ขยับเขยื้อน
"คุณชาย ท่านเป็นเช่นไรบ้าง"
เพราะกูหลี่เอ๋อร์ออกแรงมากจนเกินไปในตอนที่ลงมือเช็ดใบหน้าเขารู้สึกแสบหน้าเล็กน้อย
"ข้าไม่ตายเพราะโจรพวกนั้น แต่จะตายเพราะน้ำมือของเจ้า"
กูหลี่เอ๋อร์ไม่เข้าใจ มิใช่ว่านางกำลังดูแลเขาด้วยหัวใจรักอันเต็มเปี่ยมหรอกหรือนางขมวดคิ้วโจวหลิวหยางจึงดึงมือนางลง เอ่ยเบา ๆ
"ห่าง ๆ จากใบหน้าข้าหน่อยก่อนที่เจ้าจะทำหนังหน้าของข้าหลุดติดมือของเจ้ามาด้วย"
นางร้องอ้อออกมาคำหนึ่ง บ่นเบา ๆ
"คุณชายที่แท้ท่านมิได้หน้าหนาหรอกหรือ หน้าบางเพียงนั้นข้าเช็ดเล็กน้อยก็เจ็บแล้ว"
ถูกต่อว่าเช่นนี้โจวหลิวหยางถึงกลับสะอึก เขาถลึงตามองนางที่บัดนี้ก้มลงมองมือที่เปื้อนเลือดของเขาอย่างพิจารณา ไม่ใช่ว่านางคิดจะถลกหนังมือของเขาออกอีกหรอกนะ
เป็นอย่างที่เขาคิด เมื่อบัดนี้กูหลี่เอ๋อร์กำลังเช็ดมือให้เขาคล้ายจะถลกหนังจากมือออกอย่างแรง เขากำมือของนางเอาไว้ในฝ่ามือใหญ่เอ่ยว่า
"ไม่ต้องแล้ว"
เพื่อป้องกันไม่ให้นางคิดปรนนิบัติเขาอีก โจวหลิวหยางจึงกุมมือนางเอาไว้แน่นไม่ปล่อยนางให้หลุดออกมาโดยเด็ดขาด
โจวหลิวหยางคิดว่า กูหลี่เอ๋อร์คงไม่รู้ตัวว่าตนเองไม่เหมาะที่จะปรนนิบัติผู้ใด ความดีและเก่งกาจของนางนอกจากเรื่องการค้าและการใช้วรยุทธ์คงมีเพียงเรื่องชงชาเท่านั้น ไม่เหมาะที่จะนำมาเป็นภรรยาอย่างสิ้นเชิง
กูหลี่เอ๋อร์ยิ้มตาหยี นางไม่รู้ว่าควรทำท่าเขินอายหรือไม่ ถูกบุรุษกุมมือเช่นนี้สตรีทั่วไปจะทำหน้าเช่นไรกันนะ ความคิดของนางล่องลอยไปไกลยิ่งนัก รู้สึกอบอุ่นหัวใจจนบอกไม่ถูก
ความสนิทสนมนี้ทำให้คุณชายอู๋กวงรู้สึกเจ็บแปลบในใจ เขายิ้มเศร้าสร้อยทั้งประสานมือ
"ขอบคุณคุณชายและแม่นางหลี่เอ๋อร์ที่ช่วยเหลือ มิเช่นนั้นสินค้าของข้าคงถูกโจรชิงไปเป็นแน่"
"เพราะข้าเห็นว่าเป็นท่านจึงเข้ามาช่วย ไม่ต้องเกรงใจ ที่แท้คุณชายอู๋ก็คือเถ้าแก่ใหญ่นี่เอง"
กูหลี่เอ๋อร์ไม่อาจเปิดเผยว่าตนเองคือเถ้าแก่ใหญ่ซึ่งเป็นพันธมิตรของเขาได้ปกตินางทำการค้ามักจะปกปิดตัวตนอยู่แล้ว เนื่องจากนางเป็นคนของราชสำนักจึงมักส่งตัวแทนออกหน้าแทนตนเองจนน้อยคนนักที่จะล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของนาง
อีกทั้งนางยังมิได้พกตราการค้าแสดงฐานะมาเพราะได้ถูกส่งคืนให้หลิวฉูฉู่เป็นการชั่วคราว หากเอ่ยออกไปเกรงว่าคนผู้นี้อาจจะไม่เชื่อถือ นางจึงเลือกที่จะหุบปากไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก
กูหลี่เอ๋อร์มองกองคาราวานที่เสียหายเพียงบางส่วน การค้าครานี้ดูแล้วยังคงได้กำไรด้วยยังเหลือสินค้าเป็นจำนวนมาก เช่นนี้นางก็วางใจแล้ว บัดนี้อารมณ์ที่หงุดหงิดจึงดีขึ้นนางเอ่ยอย่างกระตือรือร้น
อู๋กวงเอ่ยว่า
"ไม่ทราบว่าแม่นางได้รับบาดเจ็บหรือไม่"
กูหลี่เอ๋อร์ยิ้ม
"มีคุณชายของข้าคอยคุ้มครอง ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่ปลายนิ้ว"
นางมองโจวหลิวหยางด้วยสายตารักใคร่ไม่ปิดบัง ยังถือโอกาสนี้ประสานนิ้วมือเรียวเข้ากับนิ้วมือใหญ่ โชคดีที่ต่อมรังเกียจของโจวหลิวหยางถูกปิดไปชั่วครู่เขาจึงยินยอมให้นางประสานมือทั้งยังกุมมือของนางเอาไว้แน่น
กูหลี่เอ๋อร์ซาบซึ้งใจจนน้ำตาเกือบจะไหลในขณะที่โจวหลิวหยางนั้นเมื่อสักครู่เห็นนิ้วของนางขยับโจวหลิวหยางคิดว่านางจะคิดปรนนิบัติมาวุ่นวายกับเนื้อตัวของเขาอีกจึงเผลอจับมือนางเอาไว้แน่นยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
โจวหลิวหยางไม่คิดสนทนากับคนผู้นั้นที่จู่ ๆ เขาก็รู้สึกไม่ชอบหน้า เขาจึงดึงมือของกูหลี่เอ๋อร์แล้วกระตุกเบา ๆ
"หมดธุระแล้ว พวกข้าขอตัว"
อู๋กวงรีบเดินมาขวาง ดวงตาจับจ้องที่ใบหน้างามของกูหลี่เอ๋อร์
"รถม้าของพวกท่านถูกดินระเบิดไปแล้ว มิสู้ให้ข้าได้ตอบแทนพวกท่าน พวกเราร่วมเดินทางไปด้วยกันดีหรือไม่ กองคาราวานของข้าจะส่งสินค้าที่เมืองเจียงคิดว่าหากไม่มีเรื่องโจรปล้นซ้ำรอยอีกสามวันต่อจากนี้คงไปถึงที่นั่น ยามนั้นค่อยจัดหารถม้าใหม่ให้พวกท่านดีหรือไม่"
โจวหลิวหยางเองก็เพิ่งรู้ว่ารถม้าของเขาถูกทำลายแล้ว เขาและกูหลี่เอ๋อร์มองหน้ากันด้วยความตกใจ กูหลี่เอ๋อร์สำรวจคนของตนเอง เสี่ยวเหมยกำลังยืนอยู่ข้าง ๆ ส่วนองครักษ์ของโจวหลิวหยางก็อยู่ไม่ห่างจากเขา คนขับรถม้าของพวกนางรีบมารายงาน
"คุณชายรถม้าทั้งสามคันถูกทำลายเสียสิ้น กระทั่งม้าก็ยังเตลิดหนีไปแล้วขอรับ"
เสี่ยวเหมยขยับเข้ามาใกล้ เมื่อเห็นว่าใบหน้าของกูหลี่เอ๋อร์ซีดเซียว
"คุณหนูไม่ต้องห่วง ตั๋วเงินข้าพกติดกายเอาไว้ตลอด การเงินของเรายังมั่นคงเจ้าค่ะ"
กูหลี่เอ๋อร์ยิ้มออกในที่สุด รถม้าจะถูกทำลายก็ช่างเถิดขอเพียงเงินยังอยู่นางย่อมหาทางซื้อหาเอาใหม่ได้
"คุณชาย เช่นนั้นเราอาศัยพวกเขาเดินทางเข้าเมืองได้หรือไม่เจ้าคะ"
โจวหลิวหยางมองใบหน้างามของกูหลี่เอ๋อร์ เมื่อลองจินตนาการภาพกูหลี่เอ๋อร์นอนกลางดินไม่ออก อย่างไรคืนนี้ก็ต้องผ่านพ้นไปก่อนแม้จะรู้สึกไม่ชอบหน้าคนผู้นี้เขาก็ต้องทำใจกว้างเอาไว้
ทั้งหมดนี้เพราะกลัวเสด็จแม่ต่อว่าเขา ที่เป็นชายอกสามศอกไยปล่อยให้สตรีผู้หนึ่งลำบากได้เพียงนี้ อย่างไรนางก็คือคนในปกครองโจวหลิวหยางจึงตัดสินใจรับข้อเสนอ
"ขอบคุณท่าน ข้าโจวหลิวหยางทำให้ท่านลำบากแล้ว"