บทที่ 6 ข้าผู้มีเสน่ห์เหลือล้น

1757 Words
เช้าวันต่อมากูหลี่เอ๋อร์ก็ฟื้นขึ้นในยามสาย นางรู้สึกเจ็บระบมไปทั้งร่างราวกับผ่านสนามรบมา ทั้งยังอ้าปากหาวบิดขี้เกียจจนตัวเป็นเกลียวก่อนจะลืมตา ทว่าเมื่อสบตาเข้ากับดวงตาคมปลาบนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้าทั้งยังเต็มไปแววข่มขวัญกูหลี่เอ๋อร์พลันสะดุ้งโหยง "ทะ..ท่าน...อ้ะ...ไม่ใช่คุณชาย อรุณสวัสดิ์" เขาแค่นเสียงเย็นออกมา "ยังมีหน้ามากล่าวคำนี้อีก" คิ้วของนางย่นเข้าหากันตื่นมาพบหน้ายามเช้าไม่ให้กล่าวอรุณสวัสดิ์แล้วจะให้กล่าวคำใด กูหลี่เอ๋อร์เฝ้าทบทวนความผิดของตนเองว่าเคยก่อเรื่องอันใดหรือไม่ ไยคนผู้นี้จึงมองนางราวกับว่านางได้ล่วงเกินเขาไปแล้ว ทว่าเท่าที่นางจำได้ก็ไม่มีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้น กูหลี่เอ๋อร์อ้าปากหาวอีกครั้ง ไยนางรู้สึกว่าตนเองนอนมามากแต่กลับยังอ่อนเพลีย รถม้ายังเคลื่อนไปเรื่อย ๆ คงเหยียบก้อนหินเข้าจึงทำให้ร่างของนางกระเด็นกระดอน นางรู้ตัวแล้วว่าอยู่ในรถม้าแต่ไม่รู้ว่ามาอยู่ในนี้ตั้งแต่ยามใด นี่นางหลับลึกถึงขั้นถูกผู้คนเคลื่อนย้ายก็ยังไม่รู้สึกตัวหรือ นางมองหน้าเขาฉับพลันต้องตกตะลึงเมื่อใบหน้าของโจวหลิวหยางเต็มไปด้วยรอยข่วนอันเป็นทางยาว ริมฝีปากของเขายังแตกระบม ลำคอเขียวคล้ำเหมือนถูกผู้ใดขย้ำ นางชี้ไปที่ใบหน้านั้นแล้วเอ่ยตะกุกตะกัก "คุณชาย ท่านไปฟัดกับสิ่งใดมาไยจึงมีสภาพเช่นนี้" เขามองนางอย่างเย็นชา คิดถึงเสื้อผ้าของตนเองที่ถูกนางกระชากเป็นชิ้น ๆ จนเปลือยเปล่าเมื่อคืนก็รู้สึกเสียหน้า ถึงสุดท้ายเขาจะจัดการกับนางได้แต่คนสองคนก็แทบจะไม่เหลืออาภรณ์ติดกายแล้ว เมื่อยามที่นางฉีกเสื้อผ้าเขาได้นางก็เริ่มเปลื้องเสื้อผ้าของตนเองเช่นกัน ยามนี้เขารู้แล้วว่า ความต้องการของสตรีนั้นก่อเกิดพลังภายในอันเกินต้านทานจนเขาเกือบเพลี่ยงพล้ำพลีร่างให้นางไปแล้ว เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ฉับพลันใบหน้าของเขาจึงแดงก่ำ กูหลี่เอ๋อร์คิดว่าเขากำลังผิดปกติ หรือจะเกิดเรื่องจนทำให้คนผู้นี้ไม่สบายนางจึงห่วงยิ่งนัก ไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนเองกระเถิบเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว กระทั่งหยุดตรงหน้าเขาเพราะเขานั่งสูงกว่านางหนึ่งขั้นบัดนี้จึงเหมือนว่านางกำลังนั่งอยู่แทบเท้า มือเล็ก ๆ ของนางจับขาของเขาเอาไว้แน่นเอ่ยถามเสียงสั่น "คุณชายท่านได้รับบาดเจ็บมาหรือ ผู้ใดบังอาจทำท่านข้าจะแก้แค้นให้ท่านเอง" เขาพยายามดึงขาหนีแต่ถูกสองมือยึดไว้แน่นหนา จึงได้แต่ถอนหายใจออกมา "เมื่อคืนเจ้าถูกยาปลุกกำหนัด เราสองคนต่อสู้กันทั้งคืนจึงทำให้ข้ากลายเป็นเช่นนี้ ตื่นเช้ามาเจ้าก็ลืมจนหมดสิ้น กูหลี่เอ๋อร์เจ้ามันตัวโง่งมของจริง" กูหลี่เอ๋อร์ชะงักค้าง และแล้วนางก็จำเหตุการณ์ก่อนถูกซัดยาสลบได้ และบัดนี้ได้รู้แน่ชัดว่ามิใช่ยาสลบแต่คือยาปลุกกำหนัด ทั้งยังอยู่กับโจวหลิวหยางทั้งคืน นี่มิใช่เรื่องดีหรอกหรือ นางกลั้นยิ้มเอาไว้ จู่ ๆ น้ำตาแห่งความยินดีก็ไหลออกมา ทั้งยังถือโอกาสแนบใบหน้าลงบนตักของคนผู้นั้น "ท่านพี่ ข้าเป็นของท่านแล้วใช่หรือไม่ เราจะแต่งงานกันเมื่อใด ข้าเป็นสตรีอย่างไรท่านก็ต้องรับผิดชอบ แต่ท่านไม่ต้องห่วงหากท่านไม่ต้องการรับผิดชอบข้า ตัวข้าจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบท่านเอง ท่านพี่ไม่ต้องเกรงใจ ข้ายังจะมีลูกให้ท่านสักหลาย ๆ คน แล้วเราจะมีความสุขชั่วนิรันดร์ รักกันจนกว่าฟ้าดินจะมอดไหม้" กูหลี่เอ๋อร์คิดว่าตนเองกล่าวคำนี้ได้อย่างกินใจนัก ยิ่งคิดทบทวนก็ยิ่งคิดว่าตนเองกล่าวได้ดีจนโจวหลิวหยางต้องรู้สึกซาบซึ้ง นางเงยหน้าขึ้นสบตาของเขาแล้วยิ้มอ่อนโยนน่าสงสาร ใบหน้าของโจวหลิวหยางค่อย ๆ เปลี่ยนจากแดงกลายเป็นเขียว และยามนั้นก็ทำเรื่องที่เขาทำเป็นประจำ คืองอนิ้วเขกเข้าที่ศีรษะของนางเพื่อเรียกสติ ปกติกูหลี่เอ๋อร์ไม่เคยรู้สึกเจ็บแต่ครานี้แรงของนิ้วนี้มีไม่ใช่น้อยนางจึงร้องโอยออกมา "ทำผิดยังไม่สำนึก กล้าเข้าใกล้ข้าแล้วยังกล่าววาจาเหลวไหล" กูหลี่เอ๋อร์น้ำตาเล็ด ถูไถใบหน้าของตนเข้าที่หน้าขาของเขา "คุณชาย ข้าทำความผิดอันใดท่านจึงได้ใจดำอำมหิตลงไม้ลงมือกับข้าเช่นนี้ ข้าเพียงแต่เอ่ยความจริงแม้แต่เดิมข้าไม่ได้ชอบท่าน แต่ยามนี้ในเมื่อเรื่องเกินเลยถึงขั้นนี้แล้วข้าก็ยินดีแต่งกับท่านโดยไม่มีข้อแม้ แต่ท่านกลับเอ่ยอย่างไร้หัวใจเช่นนี้หมายความอย่างไร ข้าเสียใจยิ่งนัก" โจวหลิวหยางไม่รู้จะอธิบายสิ่งใดให้สตรีเพี้ยนคนนี้เข้าใจได้อีก เขาจึงเอ่ยอย่างเย็นชา "เจ้าคิดมากแล้ว เมื่อคืนเราสองคนมิได้ทำสิ่งใดเกินเลย ข้าจี้จุดของเจ้าไม่ให้ขยับได้จากนั้นลงมือตีเจ้าก่อนจะให้ดื่มยาแก้พิษกำหนัด หลังจากนั้นเจ้าก็หลับไม่รู้เรื่องจนถึงยามนี้ เรื่องทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้" ได้ฟังความจริงจากปาก ว่าเขาไม่แตะต้องนางทั้งยังลงมือตีนางด้วยตนเอง กูหลี่เอ๋อร์รู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก ถ้าเป็นผู้อื่นรังแกนางย่อมจัดการเอาคืนคนผู้นั้นอย่างสาสม ทว่านี่คือโจวหลิวหยางบุรุษที่นางมอบหัวใจให้ สิ่งที่ทำได้ก็คือปล่อยให้เขารังแกและยังต้องหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสาย โจวหลิวหยางส่ายหน้า นับวันยิ่งเอือมระอากับสตรีที่เสแสร้งเขาย่อมรู้ว่านางถอดแบบนิสัยนี้มาจากผู้ใด นั่นคงเพราะว่ากูหลี่เอ๋อร์เหมือนมารดาของเขามากจนเกินไป จึงทำให้โจวหลิวหยางตัดใจตีนางไม่ลง เมื่อคืนที่นางเจ็บตัวล้วนเป็นเพราะนางเซ่อซ่าเดินชนนั่นชนนี่ด้วยตัวของนางเองทั้งนั้น เขาทำท่าเมินนางทั้งยังมีสีหน้าเย็นชาเอ่ยน้ำเสียงไร้ความรู้สึกออกมา "เป็นคนอ่อนแอตั้งแต่เมื่อใด เช็ดน้ำตาของเจ้าเสีย" นางเงยหน้ามองเขา เห็นท่าทางคล้ายไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับนางอีก ความเจ็บปวดยิ่งล้นเอ่อ นางจับชายเสื้อของเขาแล้วเช็ดน้ำตาที่กำลังหยดแหมะ ทั้งสะอื้นไม่หยุด "ฮึก ข้าเป็นสตรีอ่อนแอมาตั้งนานแล้ว ท่านไม่รู้หรือ ฮึก ฮึก" น้ำเสียงที่โต้ตอบกลับมาเย็นเยียบเล็กน้อย "สตรีอ่อนแอที่ใดจะตีคนพวกนั้นปางตายไปหลายคน ยังก่อเรื่องไม่หยุดจนกระทั่งตนเองโดนพิษ กูหลี่เอ๋อร์ข้าถามเจ้าจริง ๆ ว่าที่ผ่านมาเจ้าเคยมีเรื่องมีราวกับผู้ใดหรือไม่" กูหลี่เอ๋อร์ส่ายหน้า "ท่านอย่าใส่ร้ายข้า ความจริงนิสัยของข้าเป็นสตรีอ่อนโยนและอ่อนแอ เดิมทีไม่ชอบความรุนแรง หากมิใช่ถูกรังแกก่อน ข้าไม่เคยลงมือทำร้ายผู้ใด อีกอย่างที่ผ่านมาข้าทำตัวอยู่ในโอวาทของท่านแม่ กระทั่งใบหน้ายังมีน้อยคนนักที่ได้พบเจอ คุณชายข้าไม่เคยก่อเรื่องมาก่อนจริง ๆ นะเจ้าคะ" โจวหลิวหยางไร้คำจะเอ่ยกับสตรีผู้อ่อนโยนและอ่อนแอผู้นี้ ดูเหมือนว่าเมื่อคืนนางจะหักขาคนไปหลายคน ยังตีคนจนฟันร่วงอีกนับไม่ถ้วน แต่ที่นางกล่าวว่าไม่เคยลงมือรังแกผู้ใดก่อนเห็นจะเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นเขาจึงละเว้นโทษให้นางไว้คราหนึ่ง ไม่จับนางส่งกลับเมืองผูไปในทันที "แต่ข้าสืบมาแล้ว ยาพิษที่เจ้าโดนนี้มิใช่คนจากโรงพนันนั่น พวกนั้นเป็นเพียงนักเลงหัวไม้ใช้ของเหล่านี้ไม่เป็น หากเจ้าไม่เคยก่อเรื่องมาก่อน ผู้ใดกันที่อยากได้ตัวเจ้าจนทำสิ่งนี้" กูหลี่เอ๋อร์ใคร่ครวญเนิ่นนาน ในที่สุดดวงตากลมโตก็เบิกกว้างราวกับคิดสิ่งใดได้ นางก้มลงเช็ดน้ำตาสั่งน้ำมูกจนจมูกโล่ง ยามนี้น้ำตาที่ไหลราวกับเขื่อนแตกหยุดแล้วราวกับว่านางสามารถสั่งมันได้ โจวหลิวหยางรู้สึกว่าตนเองฉลาดยิ่งที่ไม่หลงกลคนเจ้าน้ำตาเช่นนาง จู่ ๆ นางก็เอ่ยว่า "คุณชาย หรือเป็นเพราะสิ่งนี้" โจวหลิวหยางมองชายแขนเสื้อกว้างของตนเองที่เปียกเป็นหย่อม ๆ เพราะน้ำตาและน้ำมูกของนางอย่างนึกอดสู เขาเป็นถึงรัชทายาทผู้สูงส่งทว่ากลับถูกสตรีนางนี้ล่วงเกินมานับครั้งไม่ถ้วน โกรธจนร่างเกือบระเบิดอยู่หลายครั้งนับวันเขายิ่งประหลาดใจที่ความอดทนของเขาดูเหมือนจะเพิ่มสูงขึ้นในทุกวันที่อยู่กับนาง เขาถอนหายใจไม่ถือสาน้ำหูน้ำตาของนางแล้วเอ่ยต่อ "เจ้าคิดสิ่งใดออกกัน หรือว่าเคยมีเรื่องกับผู้ใดจริง ๆ" กูหลี่เอ๋อร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง "หรือว่าเพราะความงามของข้าไปต้องตาผู้ใดเข้าจนทำเรื่องนี้ขึ้นมา ท่านพี่พวกเราใกล้ชิดกันเพียงนี้ท่านยังช่วยข้าจากเงื้อมือคนพาลมิใช่หมายความว่าท่านมีใจให้ข้าแล้วใช่หรือไม่ เพื่อเห็นแก่ท่านและความต้องการของท่านแม่เราสองคนรีบจัดงานแต่งงานกันเถิด มิเช่นนั้นหากมีผู้ใดลักตัวข้าไปท่านอาจจะต้องร้องไห้กินนอนไม่ได้ถึงขั้นตรอมใจตายเพราะคิดถึงข้าก็เป็นได้ ท่านพี่เราส่งข่าวให้ท่านแม่รู้กำหนดวันมงคลสมรสเลยดีหรือไม่เจ้าคะ" โจวหลิวหยางดวงตากระตุก ใบหน้าดำคล้ำเหมือนกำลังก่อเมฆฝน ไยเขาต้องเสียเวลาฟังสตรีผู้นี้กล่าวเพ้อเจ้อกัน!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD