เมื่อกฤษฎิ์จากไปแล้วที่รักจึงลุกขึ้นมาอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนที่จะหยิบเช็คที่กฤษฎิ์วางไว้ให้บนหัวเตียงขึ้นมาเตรียมเก็บใส่กระเป๋า แต่ตัวเลขที่ปรากฏบนเช็คนั้นทำให้ที่รักต้องตกใจ ด้วยคาดไม่ถึงว่ากฤษฎิ์จะกล้าให้เงินจำนวนที่มากขนาดนี้ซึ่งมากกว่าที่เธอร้องขอถึงสิบเท่า ดวงตาคู่สวยปริ่มด้วยน้ำตาอีกครั้ง เมื่อคิดถึงประโยคสุดท้ายของกฤษฎิ์ก่อนที่จะจากกันไป
“ขอบคุณนะคะคุณหมอ ขอบคุณจริง ๆ”
ยกมือขึ้นปิดปากสะอื้นฮักก่อนตัดใจปาดน้ำตา กลั้นสะอื้น คว้ากระเป๋าและโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่กฤษฎิ์ซื้อให้เดินออกจากห้องไป แต่ก่อนที่จะเดินพ้นห้อง ที่รักกวาดสายตาดูรอบห้องที่มีแต่ความทรงจำของเธอกับกฤษฎิ์อีกครั้ง ไม่ว่าจะมุมไหนก็จะมีภาพของเธอกับกฤษฎิ์พูดคุยหยอกล้อกันอยู่ทั่วทุกมุมห้องก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมาอีกครั้ง ที่รักกลั้นใจยกมือปาดน้ำตาแล้วตัดสินใจปิดประตูห้องลงเพื่อเดินทางกลับไปโรงพยาบาล กลับไปสู่ความเป็นจริงที่เธอต้องอยู่กับมัน
ต่อจากนี้ Move on ซะนะที่รัก
โรงพยาบาล N
“พี่อ้อยจ๊ะแม่เป็นยังไงบ้าง”
ที่รักถามอ้อยทันทีที่มาถึงห้องพักฟื้นที่มีร่างของผกานอนพักผ่อนอยู่หลังจากเข้ารับการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว
“ผ่านไปด้วยดีจ้ะที่รัก แม่โอเคแล้ว พักฟื้นสองสามวันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”
อ้อยหันมายิ้มให้ที่รักก่อนที่จะสังเกตเห็นดวงตาที่บวมช้ำของที่รักก็อดถามขึ้นไม่ได้
“ร้องไห้ทำไมที่รักแม่แกปลอดภัยแล้ว”
ลูบหัวลูบหลังที่รักอย่างปลอบโยนก่อนที่รักจะโผเข้ากอดอ้อยเต็มแรง
“พี่อ้อย ฮึก ฮืออ คุณหมอเขาไปแล้ว”
ร้องไห้สะอึกสะอื้นซบไหล่อ้อยจนไหล่บางสั่นสะท้านไปหมด
“ลืมมันซะนะคนดีลืมมันซะ ถือเสียว่าเขาเป็นแค่ใครบางคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตนะที่รักนะ”
ลูบหลังที่รักอย่างรู้สึกเจ็บปวดใจไปด้วยก่อนที่น้ำตาจะไหลเมื่อเห็นที่รักไม่มีทีท่าว่าจะหยุดร้องไห้ สงสารเหลือเกินเด็กน้อยเอ๋ย
“ฮึก ฮืออ พี่อ้อยที่รักจะทำยังไงดี มีแต่ภาพคุณหมออยู่ในหัวเต็มไปหมดเลย”
ที่รักยังคงพร่ำพูดความในใจออกมามือบางกำชายเสื้ออ้อยเอาไว้แน่น
“ไม่เอานะที่รัก ไม่เอาแบบนี้ อย่าเป็นแบบนี้ ลืมมันซะให้หมดลืมทุกอย่างแล้วก้าวต่อไปข้างหน้าเข้าใจไหม”
ผละออกจากที่รักพร้อมยกมือเรียวมาจับใบหน้าที่รักที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาไว้ก่อนที่จะบอกที่รักทั้งน้ำตา
ที่รักพยักหน้ารับทั้งสะอื้นไห้ก่อนที่ทั้งคู่จะกอดกันร้องไห้ให้กับโชคชะตาที่เล่นตลกกับพวกเธอไม่หยุดสักทีสาธุต่อแต่นี้ไปขอให้ชีวิตมีแต่เรื่องดี ๆ และมีความสุขด้วยเถอะ
สามเดือนต่อมา
“แม่จ๋าที่รักทำเอง อย่ายกของหนักแบบนี้สิจ๊ะ”
ที่รักรีบวิ่งเข้าไปช่วยผกายกหม้อแกงลงทันทีที่เห็นผกากำลังยกลงจากเตา
“ที่รัก แม่ทำได้ลูกแค่นี้เอง”
ผกาหันมาส่ายหน้าบอกที่รักยิ้ม ๆ ให้เด็กสาวเลิกกังวลจนเกินเหตุ ตั้งแต่เธอหายป่วยที่รักก็แทบจะทำทุกอย่างแทนเธอ จนเธออดสงสารลูกไม่ได้ ที่สุขภาพไม่แข็งแรงเหมือนแต่ก่อน
“ไม่เอาจ้ะแม่ ที่รักทำได้แค่นี้ที่รักไหว ที่รักยังเด็กแข็งแรงจะตาย”
บอกผู้เป็นแม่ก่อนที่จะทำท่าเบ่งกล้ามให้ดู จนผกาอดหัวเราะออกมาไม่ได้กับความน่ารักของลูกสาว
“แล้วเรื่องเรียนตกลงจะเข้าคณะบัญชีจริง ๆ ใช่ไหมลูก”
ผกาเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ก่อนที่จะถามที่รักถึงเรื่องที่เรียน
“ใช่จ้ะแม่คณะบัญชีหางานง่ายจบมาที่รักจะได้ทำงานหาเลี้ยงแม่ไงจ๊ะ”
เดินมานั่งลงตรงข้ามผกาก่อนที่จะหยิบถุงแกงมาตักแกงใส่เตรียมไปขายที่ตลาดเย็นนี้
“แล้วค่าเทอมล่ะลูก”
ถามที่รักเสียงแผ่วเพราะค่ารักษาพยาบาลเกือบสี่แสนที่จ่ายไป อ้อยบอกว่าลูกสาวเธอไปยืมเจ้ที่ทำงานอ้อยมาซึ่งหารู้ไม่ว่าที่อ้อยบอกมานั้นคือคำโกหกทั้งสิ้น
“เดี๋ยวที่รักกู้เรียนก็ได้จ้ะแม่ ค่าเทอมเขาจ่ายให้ส่วนค่ากินค่าอยู่เดี๋ยวที่รักหาเอา”
ยิ้มสดใสให้แม่คลายกังวลก่อนที่มือจะจับยางมามัดถุงแกงอย่างคล่องแคล่ว
“ที่รัก ไปเอากระเทียมเจียวมาโรยหน้าหมูทอดหน่อยลูก”
ผกาบอกที่รักที่กำลังมัดถุงแกงเสร็จพอดีก่อนที่ที่รักจะลุกไปหยิบกล่องใส่กระเทียมที่เจียวไว้มาเปิดออกแต่พอกลิ่นกระเทียมเจียวปะทะจมูกเท่านั้นแหละ ความรู้สึกพะอืดพะอมก็ตีขึ้นมาทันที
“อุ๊บ แหวะ แม่ทำไมมันเหม็นแบบนี้ล่ะจ๊ะ”
ผกาชะงักมือทันทีที่ได้ยินเสียงที่รักบอกแบบนั้นหน้าสวยที่แม้อายุจะมากแล้วก็ตามขมวดคิ้วอย่างสงสัยทันที
“เหม็นตรงไหนที่รัก หอมออกแม่เพิ่งเจียวเสร็จใหม่ ๆ เลยนะลูก”
บอกที่รักด้วยน้ำเสียงแปลกใจก่อนที่ที่รักจะทนไม่ไหววิ่งเข้าห้องน้ำไปอาเจียนเสียงดังจนผกาต้องวิ่งตามไปดู
“อ้วกก แหวะ”
อาเจียนอาหารที่กินเมื่อเที่ยงออกมาจนหมดในขณะที่ผกาลูบหลังลูกสาวอย่างห่วงใย
“ไหวไหมลูก ไหวไหม ไม่สบายหรือเปล่า”
ลูบหลังไปด้วยถามไปด้วยอย่างห่วงใยจนเมื่อรู้สึกดีขึ้นอ้วกจนไม่มีอะไรจะออกมาแล้วที่รักก็บ้วนปากแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำทันที
“เฮ้ออ หมดไส้หมดพุง”
เอ่ยบอกผู้เป็นแม่ก่อนจะยิ้มอย่างต้องการบอกแม่ว่าเธอยังไหวอยู่
“งั้นวันนี้ที่รักพักนะลูกเดี๋ยวให้อ้อยไปขายช่วยแม่เอง”
ผกาบอกที่รักอย่างห่วงใยก่อนที่ที่รักจะส่ายหน้าพรืดทันที
“ไม่เป็นไรจ้ะแม่ที่รักไหวไปช่วยกันขายดีกว่าจะได้หมดไว ๆ นะแม่นะ ที่รักไหวจริง ๆ”
บอกแม่ก่อนที่จะจูงมือผกากลับมานั่งที่เดิมแต่หยิบมาสก์ปิดจมูกในกระเป๋ามาสวมไว้ สร้างความสงสัยในใจของผู้เป็นแม่อย่างมาก
“ปิดจมูกทำไมล่ะลูก ไหนว่าสบายดีไง”
ผกาถามด้วยสีหน้าวิตกกังวล
“ที่รักเหม็นกระเทียมจ้ะแม่ แม่ตักหมูทอดไปนะเดี๋ยวที่รักตักแกงใส่ถุงเอง”
บอกผู้เป็นแม่ก่อนที่จะลงมือตักแกงใส่ถุงจนหมดหม้อ ในขณะที่ผกาแอบมองที่รักอย่างสงสัยในอาการที่ที่รักเป็นอยู่
อีกด้านหนึ่ง
“อ้วกก แหวะ”
กฤษฎิ์ที่กำลังนั่งกินข้าวกับคุณหญิงกรองแก้ววิ่งไปอ้วกในห้องน้ำจนหมดไส้หมดพุงเมื่อได้กลิ่นอาหารที่คนรับใช้นำมาวางตรงหน้า
“ตากฤษฎิ์เป็นอะไรไปลูก”
กรองแก้วตามมาดูลูกชายด้วยความเป็นห่วงก่อนที่จะลูบหลังให้อย่างตกใจที่เห็นลูกชายอาเจียนหนักขนาดนี้
“ม้า อึก อุ๊บ แหวะ”
กฤษฎิ์หันกลับมาจะพูดกับผู้เป็นแม่แต่อาการคลื่นไส้กลับตีขึ้นมาอีกครั้งจนต้องหันกลับไปอาเจียนหมดไส้หมดพุงอีกรอบ คุณหญิงกรองแก้วเห็นสภาพลูกชายไม่สู้ดีกระวีกระวาดลูบหลังเสียยกใหญ่
“เฮ้อ ค่อยยังชั่ว”
เดินโซซัดโซเซออกมาจากห้องน้ำก่อนที่นั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรง
“กฤษฎิ์เป็นอะไรลูกป่วยหรือเปล่า ไปหาหมอไหม”
ถามลูกชายอย่างห่วงใย ในขณะที่เจ้าสัวธาวินทร์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ขยับแว่นมองลูกชายอย่างพินิจพิจารณา
“จะให้มันไปหาหมอไหนล่ะคุณหญิงก็มันน่ะหมอ”
ท่านเจ้าสัวบอกคุณหญิงยิ้ม ๆ ส่วนคุณหญิงส่งค้อนให้สามีวงใหญ่
“รู้ค่ะคุณพี่ก็แก้วเป็นห่วงลูกนี่คะ ร้อยวันพันปีไม่เคยป่วยอยู่ ๆ มาอาเจียนแบบนี้แก้วก็ตกใจสิคะ”
บอกผู้เป็นสามีก่อนที่จะยื่นยาหอมให้ลูกชายแต่พอกฤษฎิ์ได้กลิ่นยาหอมก็หันหน้าหนีทันที
“เหม็นอะม้า ขอยาดมหน่อย”
บอกคุณหญิงกรองแก้วก่อนจะหันไปขอยาดมจากสาวใช้ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คุณหญิงที่รีบยื่นมาให้ทันที
“ทำเหมือนคนแพ้ท้องแทนเมียไปได้”
เจ้าสัวธาวินทร์อดแซวลูกชายไม่ได้แต่ประโยคนั้นทำกฤษฎิ์ชะงักมือที่กำลังพัดยาดมไปมาทันที
แพ้ท้องเนี่ยนะ
“โธ่ป๊า กฤษฎิ์โสดนะจะมาแพ้ท้องแทนเมียได้ไง”
หันไปโอดครวญกับผู้เป็นพ่อก่อนจะจับยาดมยัดใส่จมูกเอาไว้
“หึ ไม่มีเมียไม่ใช่ว่าไปแอบไข่ไว้ที่ไหนหรอกเหรอ”
เจ้าสัวยังคงแซวลูกชายด้วยรอยยิ้มนิด ๆ
“ไม่อะป๊า ผมป้องกันปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีทางทำสาวท้องหรอกครับ”
หันกลับไปบอกผู้เป็นพ่อก่อนที่จะหันไปหาป้าแม่บ้าน
“ป้าแม้นครับ กฤษฎิ์อยากกินแกงฮังเลครับ”
หันไปอ้อนแม่ครัวประจำบ้านที่รับใช้กันมานาน คุณหญิงกรองแก้วที่นั่งอยู่ข้างลูกชายนั้นขมวดคิ้วมุ่นทันทีที่ได้ยิน
ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นอยากกินอาหารแปลก ๆ กับเขาสักที
“หืม แกงฮังเล แกงเหนือน่ะเหรอลูก”
ถามอย่างแปลกใจในขณะที่กฤษฎิ์พยักหน้ารับรัว ๆ
“ใช่ครับแม่ ขอข้าวซอยด้วยนะป้าแม้น ตอนนี้เลย หิวแล้ว”
ป้าแม้นได้ยินคุณชายของบ้านสั่งมาเช่นนั้นจึงรีบลุกขึ้นไปเตรียมทำอาหารทันที แม้จะสงสัยอยู่บ้างแต่ก็ไม่อาจถามให้มากความ
“แปลกคน ปกติไม่ค่อยเห็นทานอาหารพวกนี้นี่ลูก”
คุณหญิงถามลูกชายอย่างแปลกใจก่อนที่กฤษฎิ์จะหันมาตอบมารดาเสียงหวาน
“อยู่ ๆ ก็รู้สึกหิวขึ้นมาน่ะม้า อยากกินแกงเหนือจำได้ว่าเคยกิน มันอร่อยมาก”
บอกผู้เป็นมารดาด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มาเล่นฆ่าเวลารออาหารที่ตนอยากกินอย่างใจจดใจจ่อ
“ที่รัก ทำไมผ้าอนามัยแกเหลือเท่าเดิมล่ะ ซื้อมาจะสามเดือนแล้วนะไม่ได้ใช้สักชิ้นเลยเหรอ”
อ้อยถามที่รักอย่างสงสัยเมื่อเห็นห่อผ้าอนามัยของที่รักยังไม่ถูกแกะใช้เลยสักนิด
ตอนนี้อ้อยย้ายมาอยู่บ้านหลังเดียวกับที่รักเรียบร้อยแล้วซึ่งตอนแรกอ้อยก็เกรงใจแต่ที่รักก็อยากให้มาอยู่ด้วยกันเพราะจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายอ้อยไปด้วย
“สงสัยประจำเดือนไม่มาอะพี่อ้อย เครียดเรื่องเรียนมั้ง ไม่อยากไปอยู่หอเลย”
หันมาตอบอ้อยเสียงเบาก่อนที่จะตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์รายงานในโน้ตบุ๊กไปด้วย เธอรับจ้างทำรายงานน่ะ ส่วนโน้ตบุ๊กเธอเพิ่งซื้อมาด้วยเงินที่ได้มาจากกฤษฎิ์นั่นแหละ เพราะเธอกำลังจะเข้ามหา’ลัย คิดว่ามันคงจำเป็นจึงตัดสินใจซื้อมาไว้ใช้เพื่อการศึกษา
“หืม ไอ้ที่รักสามเดือนเลยนะ ประจำเดือนไม่มาทำไมไม่ไปหาหมอวะแก ปล่อยไว้ระวังมะเร็งปากมดลูกนะ”
อ้อยอดเตือนที่รักอย่างเป็นห่วงไม่ได้โรคผู้หญิงใครว่ามันไม่ร้ายแรงละคนป่วยตายเยอะแยะถมไป
“คงไม่เป็นไรหรอกมั้งพี่แค่สามเดือนเองเดี๋ยวเดือนนี้น่าจะมา”
บอกอ้อยอย่างขอไปทีก่อนที่จะตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์รายงานต่อไป
“ไม่ต้องเลยนะที่รักพรุ่งนี้พี่ว่าง เดี๋ยวไปหาหมอด้วยกันพี่จะแวะไปเอายาบำรุงเลือดที่คลินิกด้วย”
บอกที่รักด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนที่รักจะพยักหน้ารับตกลง
ไปหาหมอก็ดีประจำเดือนเธอจะได้มาปกติเสียที คงเป็นเพราะความเครียดที่ส่งผลให้ร่างกายเธอไม่ปกติ
คลินิกสูตินรีเวชกรรม
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะคุณนลินนิภา ตอนนี้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้สิบสองสัปดาห์แล้วค่ะ”
คุณหมอยังสาวยิ้มให้เด็กสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างยินดีแต่ที่รักกลับนิ่งงันไปทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
“คะ คุณหมอ ว่าอะไรนะคะ ทะ ท้อง หนูท้องเหรอคะ”
ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองก่อนจะมองหน้าคุณหมอเพื่อต้องการให้ยืนยันอีกครั้ง
“ใช่ค่ะ คุณแม่ตั้งครรภ์ได้สิบสองสัปดาห์ ท้องสาวก็แบบนี้แหละค่ะมองไม่เห็นหรอก”
คุณหมอบอกด้วยรอยยิ้มให้คุณแม่ยังสาวตรงหน้า ส่วนที่รักตกใจจนหน้าซีดที่ได้ยินแบบนั้น
“ฮึก หนูท้อง หนูท้องจริง ๆ เหรอคะ”
หยดน้ำตาไหลรินลงมาทันทีที่ได้ยินคุณหมอสาวยืนยันอีกครั้ง
ที่รักยกมือขึ้นปิดหน้าร่ำไห้ทันที คุณหมอสาวได้แต่มองอาการของคนไข้ตรงหน้าอย่างสับสน
“เอ๋ คุณแม่ร้องไห้ทำไมคะ อะ...นี่จ้ะเช็ดน้ำตาก่อนนะ”
หยิบทิชชูออกมาก่อนที่จะยื่นให้ที่รักที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุด
“ฮืออ ทำยังไงดี ทำยังไงดี”
ที่รักร้องไห้คร่ำครวญเสียงแผ่วก่อนที่น้ำตาจะไหลเป็นทางเมื่อคิดไปถึงอนาคตข้างหน้า เธอกำลังจะเป็นนักศึกษาในรั้วมหา’ลัยที่ใฝ่ฝัน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเธอกำลังจะเป็นแม่คนโดยที่ไม่ทันตั้งตัว เส้นทางที่เธอวาดไว้พังลงไม่เป็นท่าเพราะความสะเพร่าของเธอแท้ ๆ ที่ลืมกินยาคุมจนทำให้เรื่องกลายเป็นแบบนี้
“หมอว่าคุณแม่หยุดร้องไห้ก่อนดีกว่านะคะ แล้วค่อย ๆ คิดนะว่าจะทำอย่างไรต่อไปมีอะไรปรึกษาหมอได้นะคะ”
คุณหมอสาวบอกอย่างใจดีในขณะที่ที่รักหยุดร้องไห้แล้วค่อย ๆ ตั้งสติคิดตามที่คุณหมอบอก
“ขอบคุณนะคะคุณหมอ”
ยกมือไหว้คุณหมอก่อนที่คุณหมอสาวจะอธิบายให้ที่รักฟังถึงวิธีการดูแลตัวเองเมื่อเป็นคุณแม่ อาหารการกินที่ต้องบำรุงและที่ห้ามทานก่อนจะลงใบนัดให้มาตรวจครรภ์ใหม่
“เป็นไงบ้างที่รักหมอว่าไงบ้าง”
อ้อยที่รออยู่ด้านนอกรีบลุกขึ้นปรี่ไปหาที่รักทันทีที่เห็นที่รักเดินเหม่อลอยตาแดงก่ำออกมาจากห้องตรวจ
“เป็นอะไรร้ายแรงหรือเปล่า ร้องไห้ทำไม”
อ้อยถามอย่างตกใจที่เห็นที่รักตาแดงช้ำเหมือนคนผ่านการร้องไห้มาอย่างไรอย่างนั้น
“พี่อ้อย ฮึก ฮืออ พี่อ้อย”
ที่รักเงยหน้าขึ้นมองอ้อยก่อนที่จะร้องไห้ออกมาอีกครั้งกับอนาคตที่มืดมนและความรับผิดชอบที่กำลังจะเกิดขึ้น
“แกเป็นไรที่รัก แกเป็นไร”
อ้อยตกใจทันทีที่เห็นที่รักร้องไห้ด้วยความกลัวว่าที่รักจะเป็นโรคร้ายแรงอะไรหรือเปล่าเพราะดูจากดวงตาที่แดงช้ำแล้วที่รักเหมือนจะเป็นโรคร้ายแรงเลย
“พี่อ้อย ฮึกกก ที่รักท้องได้สามเดือนแล้ว ฮืออ พี่อ้อยทำไงดี ถ้าแม่รู้ต้องเสียใจแน่ ๆ เลย”
ยกมือขึ้นปิดหน้าร่ำไห้อีกครั้งทันทีในขณะที่แก้วกาแฟในมืออ้อยร่วงลงแตกกระจายเต็มพื้นเมื่อได้ยินแบบนั้น
“แกว่าอะไรนะที่รัก แก ทะ ท้อง ยังงั้นเหรอ”
อ้อยยกมือขึ้นปิดปากทันทีก่อนที่ที่รักจะพยักหน้ารับเป็นการยืนยันอีกครั้งว่าเธอท้องจริง ๆ
“ไอ้ที่รัก ฮืออ น้องพี่ ทำไมเคราะห์ซ้ำกรรมซัดแบบนี้วะ”
ดึงที่รักเข้ามากอดแน่นก่อนที่ที่รักจะสะอื้นไห้จนไหล่บอบบางสั่นสะท้านไปหมด
“ไม่เป็นไรนะไม่เป็นไร ค่อย ๆ คิดว่าจะเอายังไงต่อ”
บอกที่รักเสียงสั่นก่อนจะจับที่รักนั่งลงแล้วเดินไปจ่ายค่ารักษาและรับยาบำรุงครรภ์แทนที่รักที่ตอนนี้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
“ปะ กลับกันก่อนค่อยคุยกันบนรถว่าจะเอายังไง”
บอกที่รักก่อนที่จะประคองร่างบอบบางที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาเดินออกจากคลินิกไป
“ทำแท้งไหม”
อ้อยถามที่รักทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถในขณะที่ที่รักหันขวับทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น
“มันไม่ใจร้ายเกินไปเหรอพี่อ้อยลูกหนูกำลังจะเกิดมานะ”
ที่รักถามอ้อยเสียงสั่น ทำแท้งเหรอ ถ้าทำแล้วลูกเธอจะเจ็บสักแค่ไหนที่เธอทำแบบนั้น
“แล้วแกจะบอกแม่แกว่ายังไงที่รัก บอกว่าแกท้อง ท้องกับใครล่ะ ใครเป็นพ่อเด็ก ต่อให้แกรู้ทั้งรู้ว่าพ่อของเด็กในท้องแกคือหมอกฤษฎิ์ พิสิฐกุลวัตรดิลก แล้วยังไงที่รักเขาไม่กลับมารับผิดชอบแกหรอกนะ ถ้าแกเก็บเด็กไว้คนจะตราหน้าว่าลูกแกเป็นเด็กไม่มีพ่อ”
อ้อยพรั่งพรูคำพูดมากมายเตือนสติที่รักถึงมันจะเป็นวิธีที่ใจร้ายแต่เธอทนเห็นใครต่อใครมาตราหน้าที่รักว่าท้องไม่มีพ่อไม่ได้หรอกที่รักร้องไห้ออกมาอีกครั้งกับคำพูดประโยคนั้นของอ้อย ก่อนที่มือเรียวบอบบางจะแตะที่หน้าท้องแบนราบลูบแผ่วเบาพลางครุ่นคิดอย่างหนักก่อนตัดสินใจ
“ที่รักจะเก็บเด็กไว้ ที่รักจะไม่ทำร้ายเด็กที่กำลังจะเกิดมาเด็ดขาดต่อให้เขาไม่มีพ่อแต่เขาจะมีที่รัก มียาย มีพี่อ้อย ที่ให้ความรักเขา จนเขาไม่รู้สึกขาดเพราะเราทุกคนจะเติมเต็มให้เขาเอง”
พูดอย่างตัดสินใจเด็ดเดี่ยวก่อนที่อ้อยจะถอนหายใจอย่างยอมรับในการตัดสินใจของที่รัก
“ตามใจแกแล้วกันยังไงพี่ก็ผิดที่มีส่วนทำให้แกต้องเจอกับอะไรแบบนี้ พี่จะช่วยแกเลี้ยงเด็กที่เกิดมาให้ดีที่สุดแล้วกัน”
บอกที่รักเสียงแผ่วเบาก่อนที่จะสตาร์ตรถแล้วขับออกจากหน้าคลินิกทันที
บ้านที่รัก
“อะ อะไรนะ ที่รักว่าอะไรนะ แม่หูฝาดไปใช่ไหม”
ผกาถามเสียงสั่นทันทีเมื่อลูกสาวบอกเรื่องที่น่าตกใจกับเธอ
“ฮือออ แม่จ๋า ที่รักท้องจ้ะ ท้องได้สามเดือนแล้ว”
ก้มหน้าบอกแม่อย่างสำนึกผิดก่อนที่ที่ผกาจะทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
“ที่รักขอโทษนะจ๊ะแม่จ๋า ที่ทำให้แม่ผิดหวังในตัวที่รักที่รักไม่ได้ตั้งใจ หนูขอโทษนะแม่จ๋า”
ขยับเข้ามากอดแม่ไว้แน่นในขณะที่ผกาน้ำตาไหลแต่ไร้เสียงสะอื้นแต่ข้างในเธอเจ็บปวดอย่างสุดหัวใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกสาวตัวน้อยของเธอ
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร พ่อของเด็กเป็นใคร”
ถามที่รักเสียงแผ่วเบาในขณะที่น้ำตาก็ไหลไม่หยุดจนสายตาพร่ามัวไปหมด
“คืออย่างนี้จ้ะป้าผกา”
อ้อยที่นั่งข้าง ๆ ที่รักบอกกับผกาก่อนที่เรื่องราวเมื่อสามเดือนก่อนจะถูกถ่ายทอดออกจากปากของอ้อยให้ผกาฟังโดยที่มีที่รักนั่งฟังเรื่ิองราวความหลังทั้งน้ำตาไปด้วย
“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละจ้ะ ฉันขอโทษนะจ๊ะป้าที่พาน้องไปทำเรื่องสิ้นคิดแบบนี้ ขอโทษจริง ๆ”
อ้อยก้มลงกราบที่ตักผกาอย่างขอขมาลาโทษในขณะที่ผกาเมื่อได้ฟังอ้อยเล่าแบบนั้นเธอก็รู้สึกสงสารลูกสาวจับใจ
“ช่างมันเถอะนะ ช่างมันเถอะ มันผ่านไปแล้ว ต่อไปนี้เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะลูกนะ เราจะเลี้ยงเด็กที่เกิดมาให้ดีที่สุด ถึงเขาจะขาดพ่อแต่เขาจะมีเราทุกคนคอยอุ้มชูเลี้ยงดูเขาให้เกิดมาอย่างมีความสุขที่สุดนะลูก ฮึก ฮืออ”
ผกาน้ำตาไหลให้กับชะตาชีวิตที่สุดแสนน่าเศร้าของครอบครัวเธอก่อนที่ที่รักกับอ้อยจะโผเข้ากอดผกาแล้วกอดกันร้องไห้ออกมากับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“ร้องออกมาลูกร้องออกมาร้องออกมาให้พอเพราะหลังจากนี้เราจะไม่ร้องไห้กันแล้วนะลูกนะ”
ผกาทั้งกอดและลูบหลังที่รักกับอ้อยอย่างปลอบโยนทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็สะอื้นไห้จนปวดตาไปหมด เธอจะร้องไห้วันนี้เป็นวันสุดท้าย แล้ววันข้างหน้าเธอจะเข้มแข็งเพื่อเป็นเสาหลักให้ลูกและหลานของเธอเอง