โรงพยาบาล N
“แก้มใสลูกนั่งรอแม่ขาตรงนี้นะคะเดี๋ยวแม่ขามาอย่าเถลไถลนะรู้ไหม เดี๋ยวป้าอ้อยมานะลูกนะ”
ที่รักบอกแก้มใสที่อยู่ในชุดกระโปรงลายการ์ตูนก่อนที่จะเดินเข้าไปในร้านค้าสวัสดิการของโรงพยาบาลเพื่อติดต่อขอวางขนมไทยของแม่เธอขาย
ตุ้บ
ของเล่นที่แก้มใสกำลังนั่งเล่นเผลอหลุดมือกลิ้งไปบนทางเดินหนูน้อยรีบปีนลงจากเก้าอี้เพื่อวิ่งไปเก็บทันที
“อะ หนู ระวัง”
กฤษฎิ์ร้องบอกแก้มใสก่อนที่จะอุ้มแก้มใสขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนทันที เมื่อเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกำลังเข็นรถอุปกรณ์ของใช้ใส่ลังซึ่งซ้อนกันหลายชั้นจนทำให้มองไม่เห็นทาง ซึ่งเขาผ่านมาทางนี้พอดีก่อนจะเห็นหนูน้อยกำลังวิ่งตามเก็บของเล่นที่หล่นอยู่จนไม่ทันมองทางเดินเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของกฤษฎิ์แก้มใสก็กอดคอแกร่งไว้ทันทีด้วยความตกใจ
“เอ่อ ขอโทษครับท่านประธานพอดีพวกผมมองไม่เห็นทางจริง ๆ”
พนักงานสองคนที่ช่วยกันเข็นรีบขอโทษกฤษฎิ์ทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นกฤษฎิ์ที่กำลังอุ้มเด็กน้อยอยู่
“ทีหลังระวังด้วยในเมื่อลังมันซ้อนกันแบบนี้ก็ควรแบ่งกันเข็นคนละฝั่งจะได้ช่วยกันดูทางไม่ใช่ไปเข็นฝั่งเดียวกัน” ตำหนิพนักงานด้วยน้ำเสียงเข้มก่อนที่พนักงานทั้งสองจะยกมือไหว้ขอโทษอีกครั้งแล้วทำตามคำแนะนำของกฤษฎิ์ทันที
“อะ ส่วนนี้ของหนู” กฤษฎิ์ก้มลงเก็บของเล่นให้แก้มใสพร้อมกับวางหนูน้อยลงบนเก้าอี้ที่นั่งของโรงพยาบาล
“ขอบคุณคุณลุงมากเลยนะคะ” ยกมือป้อมน้อย ๆ ขอบคุณกฤษฎิ์อีกครั้งก่อนที่กฤษฎิ์จะหรี่ตาลงน้อย ๆ เมื่อรู้สึกคุ้นหน้าแก้มใสมาก
“เราเพิ่งเจอกันเมื่อวานใช่ไหมคะ” เมื่อคิดออกก็ถามแก้มใสทันทีก่อนจะได้รับรอยยิ้มแป้นจนแก้มป่องพร้อมพยักหน้ารับ
“เมื่อวานคุณลุงหยิบขนมให้แก้มใสด้วยค่ะ” ปากน้อยช่างเจรจาบอกผู้ชายตรงหน้าที่เธอเรียกว่าคุณลุง
“อืม ความจำดีนี่เราฉลาดตั้งแต่เด็กเลย” ชมแก้มใสก่อนที่จะยกมือแกร่งขึ้นมาลูบศีรษะเด็กน้อยอย่างรู้สึกเอ็นดู
“แล้วเราชื่ออะไรคะ มาทำอะไรที่โรงพยาบาลหรือว่าป่วย” กฤษฎิ์ถามหนูน้อยด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะเอามืออังหน้าผากเด็กน้อยอย่างต้องการตรวจดูว่าตัวร้อนไม่สบายหรือเปล่า
“หนูชื่อแก้มใสค่ะเป็นลูกสาวของคุณแม่ที่รัก วันนี้คุณแม่บอกว่ามาเที่ยวโรงพยาบาลแต่หนูไม่ได้ป่วยนะคะคุณแม่หนูบอกว่าถ้าหนูไม่ดื้อหนูก็จะไม่ป่วย”
ปากน้อยจิ้มลิ้มแนะนำตัวเองกับกฤษฎิ์แถมยังช่างพูดช่างเจรจา ส่วนกฤษฎิ์ชะงักมือที่กำลังลูบผมแก้มใสทันทีเมื่อได้ยินคำว่าเป็นลูกสาวของคุณแม่ที่รัก ชื่อแม่ทำไมชื่อมันคล้ายกับเด็กสาวคนหนึ่งที่เคยมาดูแลและสร้างความทรงจำดี ๆ ไว้กับเขามากมายนะแต่คงไม่หรอกมั้งที่รักอยู่เชียงใหม่นี่คงไม่ใช่คนเดียวกันแน่ ๆ
“หึ หนูน้อยแม่ของหนูช่างหลอกล่อเสียจริง” เมื่อสลัดความคิดถึงใครบางคนออกไปกฤษฎิ์ก็กระตุกยิ้มมุมปากเมื่อคิดถึงคำว่า ถ้าหนูไม่ดื้อก็จะไม่ป่วย
“แล้วแม่ไปไหนคะทำไมให้หนูนั่งอยู่คนเดียว” ถามหนูน้อยอีกครั้งก่อนที่แก้มใสจะชี้ไปที่ร้านค้าสวัสดิการของโรงพยาบาล
“คุณแม่อยู่ข้างในค่ะเมื่อเช้าแก้มใสได้ยินคุณแม่บอกว่าจะเอาขนมไทยที่คุณยายทำมาวางขายที่นี่ คนในโรงพยาบาลจะได้กินของอร่อย ๆ เหมือนที่แก้มใสได้กิน”
ยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มน้อย ๆ ทั้งสองข้างกฤษฎิ์ชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง เวลายิ้มเหมือนที่รักฉิบหายทำไมคุ้นหน้าเด็กน้อยคนนี้จังหน้าเหมือนใครกันวะหรือเขารู้จักพ่อเด็ก
“แล้วคุณพ่อหนูไปไหน ไม่มาด้วยเหรอคะ” กฤษฎิ์หยั่งเชิงถามถึงพ่อของแก้มใสก่อนเด็กน้อยจะทำหน้า งง ๆ
“แก้มใสมีแค่คุณแม่กับยาย แล้วก็ป้าอ้อยค่ะ คุณพ่อ คุณแม่บอกว่าอยู่ไกลมาก ๆ เลยค่ะ”
เอียงคอตอบกฤษฎิ์อย่างน่ารักกฤษฎิ์ที่ได้ยินแบบนั้นก็เข้าใจได้ในทันทีว่าแก้มใสไม่มีพ่อนั่นเอง
“อ้าวคุณหมอ ลูกสาวเหรอคะนั่นน่ารักจังเลย” พยาบาลสาวที่เดินผ่านมาร้องถามเมื่อเห็นกฤษฎิ์นั่งอยู่กับแก้มใส
“อ๋อ เปล่าครับพอดีน้องเขารอคุณแม่ผมเลยมานั่งเป็นเพื่อน” ตอบพยาบาลสาวไปแต่พยาบาลกลับขมวดคิ้วน้อย ๆ ทันที
“แก้วก็นึกว่าลูกสาวคุณหมอนะคะเนี่ย หน้าเหมือนกันมากเลยค่ะมีลักยิ้มเหมือนกันด้วยน่าเอ็นดูเชียว” พยาบาลแก้วบอกกฤษฎิ์ก่อนที่จะยิ้มให้แก้มใสเด็กอะไรน่ารักจริง ๆ
“สงสัยบังเอิญน่ะครับ” ตอบพยาบาลสาวไปก่อนที่แก้วจะขอตัวแล้วเดินจากไปทันที
“ลุงหมอไปแล้วนะครับ วันหลังถ้ามาเล่นที่นี่อีกขอให้ได้เจอกันนะ”
ยิ้มกว้างให้แก้มใสส่วนแก้มใสโบกมือหย็อย ๆ ให้กฤษฎิ์ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินจากไปคลาดกันกับที่รักเพียงแค่เสี้ยววินาทีที่เดินออกมาจากร้านค้าสวัสดิการพอดีกับอ้อยที่เพิ่งเดินมาถึง
“ที่รักเป็นไงบ้าง โอเคไหม” อ้อยถามที่รักทันทีที่ที่รักเดินมาถึงที่ ๆ ที่รักให้แก้มใสนั่งรอ
“เขาบอกขอชิมก่อนน่ะพี่อ้อย ที่รักว่าจะเอาขนมที่ทำง่ายและหาซื้อวัตถุดิบง่ายและทำขายได้ตลอดปีน่ะจ้ะ พรุ่งนี้ที่รักจะเอามาให้เขาชิมเพื่อพิจารณาใหม่อีกรอบ” ที่รักบอกอ้อยก่อนที่จะนั่งลงข้าง ๆ แก้มใส
“ว่าไงคะลูกสาวแม่นั่งรอแม่ขานานไหมคะ” เอ่ยถามลูกสาวตัวน้อยที่ขยับเข้ามากอดเอวบางไว้ทันทีที่ผู้เป็นแม่นั่งลงข้างกัน
“แก้มใสไม่เหงาเลยค่ะแม่ขา มีคุณลุงใจดีมานั่งเล่นกับแก้มใสด้วยค่ะ” แก้มใสบอกผู้เป็นแม่ที่รักได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วพร้อมถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“คุณลุงแถวไหนคะลูก” ก้มลงถามแก้มใสก่อนที่เสียงเล็กจะตอบอย่างสดใส
“คุณลุงหมอค่ะแม่ขา คุณลุงยังบอกด้วยว่าถ้าได้มาเล่นที่นี่อีกหวังว่าจะเจอกันหนูอยากเล่นกับคุณลุงหมอจังเลยค่ะ” คำพูดแสนไร้เดียงสาของแก้มใสนั้นทำให้ที่รักชะงักไปทันทีจนอ้อยสังเกตได้
“แล้วคุณลุงหมอใจดีไหมคะแก้มใส” กลายเป็นอ้อยนั่นเองที่ถามแก้มใสต่อ
“ใจดีมากค่ะป้าอ้อย คุณลุงหมอมาช่วยแก้มใสไม่ให้โดนรถเข็นชนด้วยค่ะ” บอกป้าอ้อยอย่างชื่นชมลุงหมอจนอ้อยอดยิ้มตามด้วยความเอ็นดูหลานเสียไม่ได้
“ชอบคุณลุงหมอเหรอคะลูก” ถามแก้มใสต่ออย่างอยากรู้เมื่อเห็นแววตาที่หนูน้อยแก้มใสพูดถึงคุณลุงหมอทอเป็นประกายอย่างชื่นชอบ
“ชอบค่ะป้าอ้อย วันหลังถ้ามาที่นี่อีกแก้มใสขอมาเล่นกับคุณลุงหมอนะคะแม่ขา” เงยหน้าถามที่รักที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ก่อนที่อ้อยจะกระตุกแขนที่รักอย่างต้องการดึงสติ
“อะ อ้อ ได้สิคะลูกขาพรุ่งนี้เรามาอีกเรามาเล่นกับคุณลุงหมอกันนะคะ” บอกลูกสาวตัวน้อยด้วยรอยยิ้มก่อนที่แก้มใสจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
“เย่ เย่ แก้มใสจะได้เล่นกับลุงหมอแล้ว” เด็กน้อยยิ้มอย่างดีใจส่งความสดใสผ่านรอยยิ้มไปยังอ้อยและที่รักที่มองอยู่ต่างคนต่างยิ้มกับความร่าเริงของหนูน้อยแก้มใส
“ปะ เรากลับบ้านไปเตรียมของกันดีกว่า” ที่รักชวนทั้งอ้อยทั้งแก้มใสก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินออกจากโรงพยาบาลเพื่อเดินทางกลับบ้านกัน
บ้านสวน
“เขาบอกว่าขอสักห้าอย่างจ้ะแม่จ๋าเอาไปลองให้เขาชิมก่อน” เมื่อมาถึงบ้านที่รักก็บอกผกาที่กำลังเตรียมของจะทำขนมอยู่พอดี
“แม่ว่าเราทำขนมชั้น ขนมเสน่ห์จันทร์ ขนมวุ้นลูกชุบ ขนมลืมกลืน แล้วก็ขนมหม้อแกงดีไหมลูก” ผการ่ายรายชื่อขนมทั้งห้าชนิดออกมาก่อนที่ที่รักจะพยักหน้าเห็นด้วยแล้วจึงลงมือช่วยกันเตรียมของเพื่อทำขนมในวันพรุ่งนี้
“แม่ขาแก้มใสหิวนม” แก้มใสที่นั่งเล่นตัวการ์ตูนอยู่บอกที่รักอย่างงัวเงียเมื่อรู้สึกง่วงนอนแล้วก่อนจะลุกจากกองของเล่นเดินมาหาที่รักที่กำลังนั่งทำรายงานบนโต๊ะอ่านหนังสือขนาดเล็ก
“แก้มใสรอแม่แป๊บหนึ่งนะคะ แม่ไปชงนมอุ่น ๆ ให้”
บอกลูกสาวตัวน้อยก่อนจะอุ้มแก้มใสขึ้นนอนบนเตียงเพื่อรอเธอไปชงนมก่อนที่จะรีบวิ่งออกจากห้องไปชงนมให้ลูกสาวเธอทันที
“มาแล้วค่ะลูกสาว” หายไปไม่ถึงห้านาทีที่รักก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมนมแก้วเล็กหนูน้อยแก้มใสดีดตัวลุกจากที่นอนโผเข้าหาแม่ทันที
“นมสดจากแก้ว” นั่งลงข้างลูกสาวก่อนที่จะค่อย ๆ เป่านมให้เย็นลงแล้วยื่นให้แก้มใสซึ่งแก้มใสก็รับไปดื่มอย่างเอร็ดอร่อย
“ฮ่า อร่อยจังเลยค่ะแม่ขา” เลียริมฝีปากก่อนจะยื่นแก้วให้ผู้เป็นแม่แล้วล้มตัวลงนอนกอดตุ๊กตาหมีตัวโปรด
“หนูนอนก่อนนะลูกนะแม่ขอพิมพ์รายงานแป๊บเดียวนะคะ” ลูบหัวแก้มใสก่อนที่จะก้มลงหอมแก้มลูกสาวอย่างแสนรักแล้วผละออกไปทำรายงานต่อ
“แม่ขา เมื่อไหร่คุณพ่อจะกลับมาคะ”
ยังไม่ทันจะลุกขึ้นจากเตียงนอนเสียงเล็ก ๆ ของแก้มใสก็ถามที่รักขึ้นมาที่รักชะงักยืนนิ่งอยู่กับที่ทันทีที่ได้ยิน พยายามคิดหาคำตอบที่ไม่ทำร้ายจิตใจเจ้าตัวเล็กของเธอมากเกินไปก่อนจะหันไปหาลูกสาวตัวน้อยแล้วนั่งลงข้างเด็กน้อยบนเตียงพร้อมตอบคำถามนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“คุณพ่อไปทำงานที่ไกลมากเลยค่ะแก้มใส สักวันถ้าแก้มใสเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซนคุณพ่อก็จะกลับมาค่ะ” โกหกลูกสาวคำโตแต่เด็กน้อยช่างไร้เดียงสาแก้มใสเชื่อคำพูดของผู้เป็นแม่อย่างสุดหัวใจ
ความหวังถูกจุดประกายขึ้นมาในใจของเด็กน้อยเธอยิ้มอย่างดีใจเมื่อวาดฝันไว้ว่าสักวันหนึ่งหากเธอเป็นเด็กที่ดีพอคุณพ่อก็จะกลับมา
“ถ้าแก้มใสไม่ดื้อไม่งอแงคุณพ่อจะกลับมาเร็ว ๆ จริง ๆ ใช่ไหมคะ”
เด็กน้อยถามย้ำอีกครั้งดวงตากลมโตที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นแม่สบตาเธออย่างมีความหวังในขณะที่ที่รักกลับเศร้าใจทันทีที่ได้ยินแบบนั้นแต่ก็พยายามฝืนยิ้มให้ลูกสาว
“กลับมาเร็วสิคะ หนูต้องเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซนคุณพ่อจะได้กลับมาหาหนูไว ๆ ไงคะคนเก่งของแม่”
ลูบหัวบอกแก้มใสก่อนที่หนูน้อยจะพยักหน้ารัว ๆ แล้วหลับตาลงด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มที่รักที่เห็นแบบนั้นถึงกับสะท้อนในอกที่เธอต้องโกหกลูกไปจนกว่าวันหนึ่งที่ลูกเธอโตพอพร้อมที่จะรู้ความจริงแล้วถึงวันนั้นลูกสาวของเธอคงเข้าใจและยอมรับได้
“แม่ขอโทษนะคะลูกสาวแม่ขอโทษ”
พึมพำเสียงแผ่วก่อนที่หยดน้ำตาที่กลั้นไว้จะไหลลงมาอาบแก้มเนียน เธอคิดถึงคุณหมอเหลือเกินถ้าวันหนึ่งเขารู้ว่าเธอมีลูกเขาจะรู้สึกอย่างไรนะ คิดในใจก่อนที่จะนั่งร้องไห้ท่ามกลางแสงไฟสลัวที่เปิดอยู่ที่หัวเตียง ทรมานเหลือเกินกับความคิดถึงที่จับต้องไม่ได้เรียกร้องไม่ได้และเปิดเผยตัวตนไม่ได้
“ฮึก ฮืออ” เสียงร่ำไห้ยังคงดังแผ่ว ๆ ก่อนที่ค่ำคืนนี้จะผ่านไปอย่างช้า ๆ ซึ่งทรมานหัวใจที่รักเหลือเกิน
เช้าวันต่อมา
“ครบไหมลูก ดูดีแล้วใช่ไหม” ผกาถามที่รักที่กำลังเตรียมตะกร้าใส่ขนมเพื่อเดินทางไปที่โรงพยาบาลพร้อมอ้อย
“เรียบร้อยค่ะแม่ ที่รักเช็กดีแล้ว” บอกผู้เป็นแม่ก่อนที่จะถือตะกร้าไปไว้บนรถแล้วก็กลับมาจูงมือลูกสาวตัวน้อยที่สะพายกระเป๋าใบเล็กอย่างเตรียมพร้อมจะไปเที่ยวเล่นที่โรงพยาบาลกับผู้เป็นแม่
“คุณยายรอแก้มใสอยู่ที่บ้านนะคะเดี๋ยวแก้มใสซื้อขนมมาฝาก”
บอกผู้เป็นยายก่อนที่จะโบกมือบ๊ายบายแล้ววิ่งไปขึ้นรถที่อ้อยสตาร์ตรออยู่
“บ่าย ๆ ที่รักกลับมานะจ๊ะแม่” ที่รักบอกแม่ก่อนที่เดินไปขึ้นรถแล้วพากันเดินทางไปที่โรงพยาบาลทันที
โรงพยาบาล N
“พี่ไปเข้างานก่อนนะที่รักวันนี้งานหนักเสร็จแล้วโทรหาพี่นะไปกินข้าวเที่ยงที่ห้องอาหารด้วยกันอร่อยเหาะเลย” อ้อยส่งที่รักลงหน้าทางเข้าตึกทางไปร้านค้าของโรงพยาบาล ก่อนที่จะขับรถไปจอดที่โรงจอดรถที่ไกลออกไป
“แก้มใสมานี่ค่ะจับมือแม่ไว้นะคะจะได้ไม่หลงกัน” ที่รักจับมือลูกสาวตัวน้อยเอาไว้ก่อนที่จะเดินไปตามถนนริมฟุตบาท
“อะ คุณลุงหมอขา”
แก้มใสที่เห็นกฤษฎิ์กำลังลงจากรถสปอร์ตคันหรูหน้าทางเขาตึกอีกฝั่งของถนนก็ตะโกนเรียกอย่างดีใจในขณะที่ที่รักมองไปตามทางที่แก้มใสตะโกนเรียกคุณลุงหมอเธอก็เห็นกฤษฎิ์ในชุดสูทสีน้ำเงินหันมาตามเสียงเรียกพอดี นาทีนั้นเธอเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงก่อนที่จะเผลอปล่อยมือแก้มใสอย่างลืมตัว
“คุณลุงหมอขา” แก้มใสเมื่อผู้เป็นแม่ปล่อยมือก็ออกตัววิ่งไปข้างหน้าโดยที่ไม่ทันได้ดูทางเลยสักนิด
“แก้มใสระวัง” เสียงกฤษฎิ์ร้องตะโกนสุดเสียงทันทีเมื่อมองไปเห็นรถคันหนึ่งกำลังแล่นมาด้วยความเร็วสูงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะชะลอความเร็วลงเลย
“กรี๊ด แก้มใสลูก”
โครม เอี๊ยด