รายการ ‘คุยการบริหารธุรกิจกับคนดัง’
“ต่อไปถึงคิวไฮโซหนุ่มสุดหล่อทายาทโรงพยาบาล N โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังชั้นนำทั่วประเทศ คุณกฤษฎิ์ พิสิฐกุลวัตรดิลกกันบ้างนะคะท่านผู้ชมวันนี้เรามีสัมภาษณ์พิเศษกันแอนนาอยากจะบอกว่าคิวคุณกฤษฎิ์ยาวเหลือเกินค่ะกว่าจะเชิญตัวมาได้แอนนาไปติดต่อตั้งหลายรอบเลยนะคะ”
เสียงรายการทีวีเกี่ยวกับธุรกิจดังขึ้นทำลูกน้อยในท้องของที่รักดิ้นปะทะฝ่ามือของที่รักที่กำลังวางเอาไว้บนหน้าท้องนูนพอดี
“หืม ลูกสาวแม่ดิ้นใหญ่เลยได้ยินชื่อคุณพ่อดีใจเหรอคะลูก” ที่รักก้มลงพูดกับลูกในท้องอย่างอารมณ์ดีพลางจ้องมองไปที่หน้าจอทีวีอย่างใจจดใจจ่อใบหน้าของคนที่เธอคิดถึงถวิลหาตลอดเวลาปรากฏอยู่บนหน้าจอทีวี
ขออัปเดตชีวิตของเธอหน่อยแล้วกันตอนนี้เธอย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพได้เกือบสามเดือนแล้วบ้านที่เธอตัดสินใจซื้อเป็นบ้านสวนร่มรื่นน่าอยู่มากทีเดียว เธอซื้อมาในราคาหนึ่งล้านบาทเจ้าของคนเก่าใจดีมากบังเอิญได้รู้จักกันคุณป้าเลยขายให้ในราคาถูกเพราะคุณป้าเจ้าของบ้านจะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดบ้านเกิดพอดี
“ขอถามเรื่องส่วนตัวนิดหนึ่งนะคะ ตอนนี้คุณกฤษฎิ์โสดหรือมีเจ้าของหัวใจแล้วค่ะ” พิธีกรสาวพราวเสน่ห์ถามคำถามที่หลาย ๆ คนต่างรอคอยคำตอบด้วยความหวังและรอยยิ้มส่วนที่รักที่รอฟังอยู่หัวใจก็เต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นกับคำตอบที่เธอจะได้ยิน
“หึ ถ้าบอกว่ามีเจ้าของแล้วจะมีคนเสียใจไหมครับ” กฤษฎิ์แกล้งถามหยอกพิธีกรสาวอย่างเจ้าเล่ห์ประโยคนี้ของเขาทำหัวใจของทั้งพิธีกรและผู้ชมที่นั่งฟังอยู่หน้าจอทีวีแฟบห่อเหี่ยวทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
“อาจจะมีหลายคนเสียใจนะคะคุณกฤษฎิ์นี่เป็นคำถามที่แฟนในห้องส่งโหวตกันมามากที่สุดเลยนะคะ” ยังคงยิ้มแย้มพูดคุยกับกฤษฎิ์อย่างเป็นธรรมชาติตามหน้าที่ของเธอ
“ผมล้อเล่นครับ ผมโสด โสดสนิทยังไม่คิดจะมีแฟนชอบอยู่คนเดียวซะมากกว่าถ้ามีแฟนคงไม่มีเวลาให้ครับเพราะงานผมเยอะมากใครที่จะเข้ามาในชีวิตผมต้องรับได้จริง ๆ ที่ผมไม่ค่อยมีเวลาให้”
ตอบพิธีกรสาวด้วยรอยยิ้มก่อนที่คนในห้องส่งจะส่งเสียงกรี๊ดร้องออกมาอย่างดีใจที่เทพบุตรในฝันของพวกเธอโสด
“โอเคค่ะ หลาย ๆ คนคงหายข้องใจกันแล้วนะคะกับคำตอบที่รอคอยอยู่วันนี้คุณกฤษฎิ์มาคอนเฟิร์มด้วยตัวเองแล้วยังไงวันนี้แอนนาขอขอบคุณคุณกฤษฎิ์มากนะคะที่เสียสละมาเป็นแขกรับเชิญให้ทางรายการ วันนี้แอนนาก็ขอลาทุกคนเพียงเท่านี้สวัสดีค่ะ”
เมื่อเสียงกล่าวลาของพิธีกรจบลงภาพก็ตัดไปที่โฆษณาทันทีส่วนที่รักยังคงนั่งจ้องทีวีอยู่พร้อมกับยิ้มออกมาน้อย ๆ อย่างดีใจเขายังโสดสินะ ยังไม่อยากมีใครแบบนี้ก็ดีต่อหัวใจของเธอที่จะได้แอบรักเขาต่อไปโดยไม่ต้องรู้สึกผิดถ้าต้องไปแอบรักคนที่มีเจ้าของแล้วเธอคงรู้สึกผิดน่าดู
“ทำอะไรอยู่อะที่รัก” อ้อยที่เดินเข้ามาในบ้านพร้อมผการ้องถามที่รักทันทีก่อนจะวางถุงกระดาษมากมายลงบนโต๊ะรับแขก
“ถักเสื้อให้ลูกจ้ะ แล้วแม่กับพี่อ้อยไปไหนกันมาจ๊ะได้ของมาเยอะเชียว”
วางมือที่กำลังถักเสื้อลงก่อนที่จะถามผกาถึงถุงกระดาษมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขก
“แม่ชวนอ้อยไปซื้อของใช้เตรียมคลอดให้เราน่ะ ยังไม่ได้เตรียมกันเลยนี่นานี่ก็ใกล้วันคลอดแล้ว” ผกาบอกที่รักถึงที่มาของถุงกระดาษมากมายที่วางเรียงรายอยู่
“อีกตั้งนานนี่จ๊ะแม่ ที่รักรอให้ใกล้วันก่อนค่อยไปซื้อจ้ะ” ตอบผู้เป็นแม่ไปก่อนที่มือจะถักเสื้อต่อ
“โห่ ไอ้ที่รักดูตัวเองหน่อยท้องใหญ่เดินอุ้ยอ้ายจนแทบจะไม่ไหวแล้วอะ” อ้อยท้วงที่รักก่อนที่จะยื่นกล่องขนมครกมาให้ที่รัก
“อะนี่ พี่ซื้อขนมครกมาฝากเห็นบ่นอยากกินมาหลายวันแล้วเลยแวะซื้อมาให้กลัวลงแดงไปซะก่อน” ที่รักยิ้มแก้มปริอย่างดีใจที่ได้กินขนมที่บ่นอยากกินมาหลายวันก่อนจะรีบยื่นมือไปรับแต่ยังไม่ทันถึงกล่องขนมครกที่รักก็นิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดทันที
“มะ แม่ ที่รักเจ็บท้องอะ” บอกผู้เป็นแม่ก่อนจะดึงมือที่เตรียมยื่นไปรับขนมครกมากุมหน้าท้องเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด
“ไอ้อ้อย ที่รักจะคลอดแล้วเร็ว ๆ รีบพาน้องไปขึ้นรถ” ร้องบอกอ้อยด้วยความแตกตื่นตกใจเมื่อเห็นลูกสาวทำหน้าเจ็บปวดแบบนั้น
“ฮะ อะไรนะป้าไอ้ที่รักจะคลอดแล้วเหรอ ว้าย ไป...ไปโรงพยาบาลกัน”
บอกที่รักก่อนที่จะรีบมาประคองที่รักเดินไปขึ้นรถส่วนผกาก็รีบหยิบของใช้ที่ซื้อมาใส่ตะกร้าที่เตรียมไว้ก่อนที่จะรีบตามไปขึ้นรถแล้วพากันเดินทางไปโรงพยาบาลทันที
โรงพยาบาล N
“ฮึก ฮือ แม่จ๋าที่รักเจ็บ” ที่รักบีบมือผกาเอาไว้แน่นในขณะที่ผกาบีบมือที่รักอย่างให้กำลังใจตอนนี้บุรุษพยาบาลกำลังพาที่รักเข้าห้องคลอด
“อดทนนะลูกนะ อดทนไว้เห็นหน้าลูกเมื่อไหร่หนูจะหายเจ็บเอง”
ผกาบอกลูกสาวเสียงสั่นเครือเจ็บปวดใจเหลือเกินที่เห็นลูกสาวตัวน้อยของเธอเจ็บท้องแบบนี้แต่ถ้าที่รักได้เห็นหน้าลูกเมื่อไหร่ความเจ็บปวดคงมลายหายไปสิ้นเพราะลูกคือของขวัญที่ทำให้คนเป็นแม่ลืมความเจ็บปวดทันทีเพียงแค่ได้เห็นหน้า
“ฮือ แม่จ๋า ที่รักเจ็บไม่ไหวแล้วแม่จ๋า” น้ำตาไหลพรากบอกผู้เป็นแม่เธอเจ็บเหลือเกินหน้าสวยซีดเผือดไปหมดก่อนที่จะกัดฟันกลั้นใจข่มความเจ็บปวดเอาไว้ก่อนที่บุรุษพยาบาลจะพาที่รักเข้าห้องคลอดพอดีทิ้งผกาไว้ที่หน้าห้องยืนมองลูกสาวหายไปในห้องคลอดด้วยความกระวนกระวายใจ
“หืม เสียงใครวะคุ้น ๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน”
กฤษฎิ์พึมพำออกมาเสียงแผ่วเมื่อเดินออกมาจากห้องผ่าคลอดที่ติดกับห้องที่ที่รักเพิ่งเข้าไปสายตาเหลือบไปเห็นผกาที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องคลอด กฤษฎิ์มองอย่างไม่ใส่ใจก่อนที่จะถอดถุงมือทิ้งถังขยะแล้วเดินกลับห้องพักทันทีวันนี้เขามีผ่าคลอดสองเคสรู้สึกเหนื่อยจนอยากกลับไปแช่น้ำอุ่นใจจะขาด
“นายครับ เย็นนี้ว่างไม่มีงานต่อแล้วครับไม่ทราบนายอยากไปที่ไหนไหมครับ” เกริกพลที่เห็นกฤษฎิ์เดินเข้ามาในห้องทำงานรีบรายงานและสอบถามผู้เป็นนายทันที
“ไม่ล่ะ วันนี้ฉันเหนื่อยอยากกลับไปพักสักหน่อยตื่นมาอ้วกตั้งแต่เช้าไม่หยุดเลยแถมมีผ่าตัดอีกเหนื่อยชะมัดเลย อ้อ เย็นนี้เตรียมข้าวซอยกับสตรอว์เบอร์รีไว้ให้ฉันด้วยนะ”
บอกเกริกพลก่อนที่จะหยิบเสื้อสูทมาสวมแล้วเดินออกจากห้องทำงานไปทันทีโดยที่มีเกริกพลตามติดคอยรับใช้ไม่ห่างหลายเดือนมานี้นายของเขากินแต่อาหารเหนือกับผลไม้ทางเหนือจนเขาต้องสั่งแม่บ้านให้คอยแสตนด์บายไว้ตลอดเวลาและสั่งผลไม้ตรงมาจากทางเหนือแช่เย็นเอาไว้ให้นายของเขากินเกือบทุกวันคิดไปแล้วก็ให้อยากขำ โหด เถื่อน เลว แบบนายเขาชอบกินลิ้นจี่กับสตรอว์เบอร์รีมุ้งมิ้งเสียจริง
“หายใจเข้าลึก ๆ นะคะคุณแม่แล้วค่อย ๆ เบ่งค่ะ” คุณหมอวัยกลางคนร้องบอกที่รักที่ตอนนี้กำลังทำตามที่คุณหมอบอก
“ฮึบ ฮึก อื้อ แฮก” ที่รักค่อย ๆ หายใจเข้าลึกๆแล้วเบ่งออกมาตามที่คุณหมอบอกก่อนที่จะหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยโดยที่มีพยาบาลสาวคอยเช็ดเหงื่อให้
“อดทนอีกนิดนะคะคุณแม่ใกล้แล้วค่ะใกล้แล้วน้องออกมาแล้ว”
คุณหมอร้องบอกคนไข้อย่างดีใจก่อนที่ที่รักจะรวบรวมเรี่ยวแรงครั้งสุดท้ายแล้วเบ่งออกมาสุดแรงเกิด
“ฮึบ ฮือ...กรี๊ด” กรีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่อรู้สึกว่าความเจ็บปวดที่แสนทรมานสิ้นสุดลงแล้ว
“ดีใจด้วยนะคะลูกสาวน่าเกลียดน่าชังจ้ำม่ำมากเลยค่ะ” เมื่อตัดสายสะดือทำความสะอาดเด็กเรียบร้อยนางพยาบาลก็อุ้มเด็กน้อยตัวเล็กจ้ำม่ำมาให้ที่รักดูพอได้เห็นหน้าลูกแค่นั้นที่รักก็น้ำตาไหลพรากทันทีลูกของเธอกับคุณหมอช่างน่ารักเหลือเกินลูกจ๋า
“แก้มใส แก้มใสลูกแม่” พึมพำเสียงแผ่วก่อนที่จะสลบไปเพราะความเหนื่อยล้า
“งื้อ ป้าผกา หลานทำไมน่ารักแบบนี้แก้มยุ้ยมากเลยลูกหลานป้าหลงรักเลยอะ” อ้อยก้มลงใช้นิ้วเขี่ยแก้มยุ้ยของแก้มใสอย่างหลงใหลเมื่อพยาบาลนำเด็กน้อยมาส่งคุณแม่
“เขาให้พูดว่าน่าเกลียดน่าชังจ้ะอ้อย ห้ามพูดว่าน่ารักโบราณเขาถือ”
ผกาเอ็ดอ้อยเสียงเบาก่อนที่จะมองหลานในอ้อมกอดด้วยสายตารักใคร่ยายหนูของที่รักหน้าเหมือนพ่อสินะเพราะไม่มีส่วนไหนเลยจะเหมือนที่รักมีแค่ดวงตากลมโตแป๋วแหววที่เหมือนลูกสาวเธอถึงเธอจะไม่เคยเห็นหน้าคุณของลูกสาวมาก่อนแต่จากที่เห็นมีแค่ดวงตาเท่านั้นที่เหมือนแม่เดาได้ไม่ยากเลยว่าที่เหลือคงเหมือนพ่อ
“ผิวขาวเหมือนน้ำนมเลย ปากนิด จมูกหน่อย ตาโตเหมือนที่รักโตขึ้นมาสวยเหมือนแม่แน่ ๆ คิก คิก” อ้อยหยอกหลานเล่นอย่างอารมณ์ดีในขณะที่ปากน้อย ๆ บิดไปมาอย่างน่ารักน่าชัง
“อื้อ” เสียงร้องของที่รักดังขึ้นทำให้ผการีบอุ้มหลานไปที่เตียงคนไข้ทันที
“ลูกสาวแม่...แก้มใส” เมื่อเห็นหน้าลูกสาวชัด ๆ ที่รักก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจก่อนที่ผกาจะส่งแก้มใสให้ที่รักอุ้ม
“เป็นแม่คนแล้วนะที่รักต่อจากนี้ไปก็ตั้งใจเลี้ยงลูกให้โตมาเป็นเด็กดีเป็นที่รักของทุกคนนะลูกนะ” ผกาลูบหัวที่รักอย่างเอ็นดูในขณะที่ที่รักพยักหน้ารับอย่างเข้าใจในคำที่แม่สอนก่อนที่จะก้มลงเอาแก้มตัวเองแนบแก้มลูกสาวอย่างรักสุดหัวใจ
“แม่สัญญาว่าจะเลี้ยงหนูให้ดีที่สุดเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้นะแก้มใส”
บอกลูกสาวตัวน้อยที่ยังไม่ลืมตาก่อนที่พยาบาลจะเข้ามาสอนวิธีให้เด็กกินนมจากเต้าซึ่งที่รักก็ตั้งใจเรียนรู้เป็นอย่างดี
1 ปีต่อมา
“หม่ำ หม่ำ แม่” เสียงน้อย ๆ ที่ร้องออกมาด้วยความหิวทำให้ที่รักรีบป้อนข้าวให้ลูกสาวเธอทันที
“หิวใช่ไหมคะลูกสาวแม่ อ่า อ้าม หม่ำ ๆ ค่ะลูก” ที่รักคุยกับลูกสาวตัวน้อยอย่างอารมณ์ดีก่อนที่สาวน้อยแก้มใสจะฉีกยิ้มให้ผู้เป็นมารดาอย่างน่ารัก
“หม่ำ หม่ำ” เมื่อหมดคำแรกก็ร้องขอข้าวคำต่อไปที่รักมองลูกสาวเคี้ยวข้าวอย่างเอ็นดูคนเป็นแม่อดยิ้มแก้มปริดีใจอย่างเสียไม่ได้ที่ลูกสาวเธอกินง่ายเลี้ยงง่ายไม่งอแงทำให้เธอไม่ต้องเหนื่อยกับการเลี้ยงลูกมากเกินไป
“ว่าไงจ๊ะหลานรักของป้าอ้อย หม่ำ ๆ อยู่เหรอ” อ้อยที่เพิ่งเลิกงานถามขึ้นเมื่อเห็นที่รักกำลังป้อนข้าวแก้มใสอยู่
“กินใหญ่เลยพี่อ้อยแก้มใสกินเก่งมาก” ที่รักบอกอ้อยอย่างดีใจก่อนที่จะป้อนข้าวแก้มใสต่อ
“ขอบคุณนะคะลูกสาวที่เลี้ยงง่ายไม่ร้องไห้งอแงโยเยใส่แม่ของหนูกับคุณยายเลย” จับแก้มยุ้ยอย่างเอ็นดูก่อนที่จะก้มลงหอมแก้มแก้มใสฟอดใหญ่
“อะ นี่ป้าอ้อยซื้อของเล่นมาฝาก” หยิบรถไฟของเล่นออกมาวางตรงหน้าแก้มใสสาวน้อยปรบมือ แปะ แปะ อย่างดีใจทันทีที่เห็นของเล่นชิ้นใหม่
“พี่อ้อยอะ ของเล่นเต็มห้องไปหมดแล้วนะจ๊ะกลับมาทีไรก็ซื้อมาทุกทีเลย” ที่รักเอ็ดอ้อยอย่างไม่จริงจังนักในขณะที่อ้อยยิ้มให้ที่รักอย่างไม่รู้สึกรู้สากับคำต่อว่านั้น
“ของเล่นไม่กี่ตังค์เองพี่อยากซื้อให้หลาน เห็นหลานชอบพี่ก็ดีใจ”
มองหลานสาวตัวน้อยที่กำลังเล่นของเล่นที่เธอซื้อมาให้ก็ยิ้มปลื้มปริ่มดีใจที่หลานชอบ
“ขอบใจนะจ๊ะพี่อ้อยที่ช่วยที่รักเลี้ยงลูกถ้าไม่มีพี่ไม่มีแม่ที่รักคงแย่”
ที่รักมองสบตาอ้อยที่กำลังมองมาอย่างขอบคุณจากใจ
“เรามีกันแค่สามคนนะที่รักพี่ไม่ช่วยน้องแล้วใครจะช่วยพี่จะอยู่ช่วยที่รักเลี้ยงหลานไปจนแก่เลยล่ะ” บอกที่รักด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะอุ้มหลานสาวตัวน้อยมานั่งตัก
“สัญญาแล้วนะพี่ อย่าลืมที่พูดล่ะ” ทั้งสองคนมองหน้ากันก่อนที่จะยิ้มให้กันอย่างมีความสุขรวมทั้งหนูน้อยแก้มใสที่ยิ้มตามที่รักเมื่อเห็นที่รักยิ้มซึ่งรอยยิ้มกับลักยิ้มของแก้มใสนั้นถอดแบบกฤษฎิ์ออกมาไม่ผิดเพี้ยนเลย นี่ล่ะนะลูกพ่อของแท้