ตอนที่ 1 ออกมาจากโลง

1841 Words
ถ้ำลึกลับภายในป่านอกเมืองสือเจีย ร่างงามในโลงศพสลักลวดลายวิจิตรบรรจงเก่าแก่ค่อยๆ แง้มฝาโลงออกมาช้าๆ ก่อนจะชะโงกศีรษะออกมามองดูบรรยากาศรอบกายที่ผิดแผก ความมืดทำให้หญิงสาวต้องปรับสายตาพยายามเพ่งมองสิ่งรอบกายโดยอาศัยแสงสว่างที่มีเพียงน้อยนิด “อะไรกันเนี่ย!!” แวมไพร์สาวนามฉู่หลิงในชุดผู้ป่วยสีขาวตัวยาวหลวมโพรก ก้าวออกจากโลงศพออกมา สิ่งแรกที่นางรู้สึกแตกตื่นที่สุดย่อมเป็นสถานที่มืดอับชื้น แตกต่างจากห้องทดลองภายในสถาบันวิจัย ที่ตนได้เห็นก่อนเข้าไปนอนในโลงชั่วเวลาไม่กี่นาทีก่อนหน้าลิบลับ ฉู่หลิงเอื้อมมือคลำผนังหินข้างตัวพร้อมกับก้าวเท้าออกไปสำรวจพื้นที่ช้าๆ นางมองเห็นลำแสงสายหนึ่งเล็ดลอดมาจากซอกหินเป็นแนวยาว และเป็นแสงสว่างเดียวที่ทำให้ตนยังพอมองเห็นภาพภายในถ้ำมืดทึบแห่งนี้ได้ นางรีบพาตัวเองเข้าไปหาลำแสงสายนั้นแล้วออกแรงผลักแผ่นหินขนาดใหญ่ด้วยหวังจะให้มีแสงสว่างเพิ่มขึ้นมาสักเล็กน้อย “ครืด..ดดด” หญิงสาวเข้าใจได้ในทันทีว่าแท้จริงแล้ว แผ่นหินที่ควรจะมีน้ำหนักมากแผ่นนี้มีกลไกซึ่งออกแบบให้เป็นประตูมันจึงถูกเปิดออกได้อย่างง่ายดาย และเมื่อนางก้าวออกมาแผ่นหินก็เคลื่อนตัวกลับไปยังตำแหน่งเดิม หากมองดูจากภายนอกก็ไม่มีผู้ใดคาดเดาได้ว่ามันคือประตูเข้าออกถ้ำลึกลับแห่งหนึ่ง ภายนอกถ้ำที่ฉู่หลิงเพิ่งจะก้าวออกมาก็ยังคงเป็นเส้นทางอุโมงค์กว้างขวางที่มีความยาวไม่มากนัก ปากอุโมงค์นางมองเห็นแสงสว่างจ้ามีต้นไม้และเถาวัลย์ที่ปิดปากอุโมงค์ไว้อีกชั้น ภายในอุโมงค์มีร่องรอยของกองไฟและหญ้าแห้งคล้ายว่าอุโมงค์แห่งนี้เคยมีคนมาพักผ่อนชั่วคราวเพื่อหลบฝนหรืออะไรสักอย่าง แต่ดูจากเถาวัลย์ที่รกเรื้อหนาตาก็คงไม่มีผู้ใดเข้ามาในอุโมงค์นี้นานแล้วเช่นกัน ด้วยความสับสนจากสถานที่แปลกประหลาด แวมไพร์สาวรีบมุ่งตรงไปยังแสงสว่างนอกอุโมงค์เบื้องหน้า นางใช้มือแหวกเถาวัลย์ที่เกี่ยวพันกับกิ่งไม้จนแน่นออกมาจากปากอุโมงค์ได้อย่างยากลำบากไม่น้อย ก้าวเท้าออกมาได้สองก้าวเสียงแหบแห้งของมนุษย์ก็ดังขึ้นมาจากทางด้านข้าง “โอ..สวรรค์!! เจ้าป่าเจ้าเขาให้พรพวกเราหรือไรนี่!! หญิงงามร่างกายเปลือยเปล่าราวกับเทพธิดาเช่นนี้มาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไรกัน!” ฉู่หลิงเบ้ปากไปคราวหนึ่ง มารดาเจ้าเถิด! เปลือยเปล่าตรงไหน? ข้าก็สวมใส่เสื้อผ้าอยู่ชิ้นหนึ่งชัดๆ แม้จะไม่มีชุดชั้นในก็ตาม!! ส่วนเรื่องความงามแน่ล่ะ นางเป็นแวมไพร์สาวนะยะ ย่อมมีใบหน้าและรูปร่างงดงามเย้ายวนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นางเห็นบุรุษร่างผอมโซสองคนยืนฉีกยิ้มจนเห็นฟันสีเหลืองเป็นคราบจนเกือบจะเป็นสีน้ำตาล แถมยังแต่ละคนยังมีความผิดปกติบนร่างกาย คนหนึ่งเดินขาเป๋อีกคนก็มีแขนเดียว ทั้งสองรีบพาใบหน้าหื่นกระหายสกปรกของพวกเขาเข้ามาหานางอย่างเร่งรีบ “น้องสาวผู้นี้ มายืนอยู่กลางป่าเขาเพียงลำพังเจ้าไม่กลัวสัตว์ร้ายหรืออย่างไรกัน เจ้าคงหลงทางและได้รับความลำบากมาไม่น้อยสินะ ไปพักที่กระท่อมของเราสองคนสักคืนเป็นไร” บุรุษแขนเดียวเอ่ยปากถามอย่างย่ามใจ หญิงชาวบ้านปกติแล้วถ้าพบเห็นพวกตนสองคน หากไม่แสดงท่าทางรังเกียจแล้วรีบเดินหนี ก็จะด่าทอขว้างปาสิ่งของขับไล่ตนทั้งสองให้ออกห่าง แต่แม่นางคนงามผู้นี้กลับมองสำรวจตนสองคนไปมาจนพวกเขาขนลุกไปทั่วร่าง ไม่แน่ว่านางอาจชมชอบของแปลก!! ฉู่หลิงไม่ได้เห็นมนุษย์มานาน นางถึงกับแลบลิ้นเลียริมฝีปากแดงด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ตัดสินใจยืนนิ่งรอให้เหยื่อมาติดกับ แต่ว่า..มนุษย์สองคนนี้ทำไมถึงพูดจาแปลกๆ แล้วยังสกปรกโสโครกจนเกินเบอร์ พวกเขาย่อมไม่ใช่คนในเขตปลอดแวมไพร์ และไม่น่าจะเป็นพวกผู้พิทักษ์ หรือเขาเป็นกลุ่มมนุษย์ที่หลงเหลืออยู่ภายนอกเขตปลอดแวมไพร์? แวมไพร์สาวใคร่ครวญเงียบๆ อยู่ในใจ “โอ..โอ..ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ฮี่ๆๆๆๆ” สองสหายใช้มือจับไปที่ข้อมือของคนงาม เห็นนางไม่หลบหลีกก็แทบไม่อยากเชื่อว่าพวกตนจะมีโอกาสได้สัมผัสผิวเนื้อนวลเนียนของหญิงงามเช่นนี้ ฉู่หลิงหน้ามุ่ยไปเล็กน้อยรู้สึกสะอิดสะเอียนกับกลิ่นเหม็นบนร่างกายของบุรุษทั้งสอง แต่นางก็ยังทำเฉย ก่อนที่จะถูกผู้พิทักษ์จับตัวมานางเคยได้ดื่มเพียงเลือดสัตว์อย่างหนู นกและแม้กระทั่งเลือดสุนัข คราวนี้จะได้ดูดเลือดมนุษย์ที่หลงออกมาจากเขตปลอดแวมไพร์เป็นครั้งแรกทั้งที นางยอมทุกอย่าง!! จังหวะที่ชายแขนเดียวเอียงคอสูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่นจากร่างงาม ฉู่หลิงก็ฉวยโอกาสใช้มือข้างหนึ่งล็อกศีรษะบุรุษตัวเหม็นผู้นั้นไว้มั่น อีกมือก็กดไปที่ช่วงบ่าผ่ายผอมของเขา ริมฝีปากอ้าจนกว้างงับเข้าไปที่ลำคอของบุรุษแขนเดียว! “อูย..นังหนู ไม่คิดว่าเจ้าจะร้อนแรงเช่นนี้ มามะ! พวกเราสองคนจะสนองคืนให้สาสมใจเจ้าเลยทีเดียว” ชายแขนเดียวสัมผัสได้กับความชื้นแฉะจากริมฝีปากบางที่สัมผัสอยู่บนลำคอของตน เขาถึงกับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว แวมไพร์สาวพยายามจะฝังเขี้ยวลงบนลำคอของอีกฝ่าย แต่ฟันที่เรียบเป็นเส้นตรงของนางไม่อาจทำเช่นนั้นได้ ความรู้สึกสะอิดสะเอียนกลับเข้ามาแทนที่ ฉู่หลิงรีบถุยน้ำลายลงพื้น ความรู้สึกขมคอคลื่นเ**ยนจนอ้วกแทบพุ่งพลันบังเกิดกับนางพร้อมกับสติก็กลับคืนมาโดยพลัน “ชิบแล้ว!! ข้าลืมไปได้อย่างไรว่าข้าถูกกดพลังเอาไว้ เขี้ยวเล็บก็ไม่มี!" แวมไพร์สาวรู้ตัวเวลานี้ก็สายไปเสียแล้ว บุรุษสองคนช่วยกันดึงร่างของนางล้มลงกับพื้น คนหนึ่งยึดสองมือนางเอาไว้มั่น อีกคนก็ขึ้นคร่อมบนตัวดึงชุดคลุมตัวยาวถึงข้อเท้านางสูงขึ้นจนเลยเข่าขึ้นมาแล้ว นางไม่ได้ใส่ชุดชั้นในนะ!! “ช่วยด้วย!! เจ้าหน้าที่ คุณหมอ ช่วยข้าด้วย พวกเขากำลังจะข่มเหงตัวทดลองของพวกคุณอยู่นะ” ฉู่หลิงพยายามดิ้นรนขัดขืนอย่างหนัก เรี่ยวแรงอันน้อยนิดที่ไม่สามารถมัดไก่ได้ด้วยซ้ำของนาง มีหรือจะทัดทานบุรุษกักขฬะสองคนเอาไว้ได้ อีกด้านหนึ่งภายในป่าไม่ไกลจากบริเวณปากอุโมงค์เท่าใดนัก “เจียวจ้าน เจ้าได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วยหรือไม่?” เจียวจูเด็กหญิงวัย 12 ปีเงยหน้าขึ้นจากการขุดเอาผักป่ามาทำเป็นอาหาร “ข้าได้ยิน พี่สาวเสียงมาจากทางนั้นไม่ไกลเท่าไร พวกเราไปดูกันหน่อยเถิด” เจียวจ้านเด็กชายวัย 10 ปีหันมาโบกมือส่งสัญญาณให้กับพี่น้องอีก 8 คนด้านหลังให้วิ่งตามกันไป ภาพการดิ้นรนของสตรีผู้หนึ่งกำลังนอนคว่ำหน้าล้มลุกคลุกคลานตะเกียกตะกายดึงต้นหญ้าบนพื้นดิน พยายามหลบหนีจากการดึงรั้งของบุรุษอีกสองคนปรากฏต่อหน้าเด็กชายหญิงทั้งสิบ หากเป็นผู้อื่นเด็กกลุ่มนี้อาจจะไม่ยอมเอาตัวไปเสี่ยงเรื่องของชาวบ้าน แต่ไอ้คนตัวเหม็นสองคนนี้เป็นคนต่างถิ่นที่อยู่ดีๆ ก็เข้ามาแย่งหาอาหารในป่าจากพวกเขาไปเมื่อสองวันก่อน ซ้ำยังข่มขู่จะทำร้ายหากพบเจอพวกตน วันนี้เจียวจูจึงพาพี่น้องมาหาผักป่าด้วยกันนับสิบคนเพื่อป้องกันตัว “คนเลว ปล่อยพี่สาวผู้นั้นเดี๋ยวนี้เลยนะ!” เจียวจูส่งเสียงดังมาแต่ไกล สองสหายเงยหน้าขึ้นมามองตามเสียง เห็นกลุ่มเด็กหลายคนวิ่งกรูมาทางพวกตนครู่เดียวก็เกือบจะถึงตัวอยู่แล้ว สองสามคนในนั้นพวกตนเคยพบเห็นว่ามาหาของป่าอยู่เมื่อสองวันก่อน “ไอ้เด็กเหลือขอ เราสองคนบอกแล้วอย่างไรถ้าพวกเจ้าเข้ามาเก็บของในป่านี้ไปกินอีก เราจะตีให้ตาย!” บุรุษแขนเดียวผละออกจากร่างฉู่หลิงปล่อยให้สหายขาพิการที่ยังมีสองแขนสมบูรณ์จับข้อมือหญิงสาวเอาไว้แน่น “มาสิ พวกเราเป็นเด็กที่อาศัยอยู่ในหอหงไถ หากเจ้าจะตีก็ต้องตีพวกเราให้ตายทุกคน ขอเพียงเราคนใดคนหนึ่งหลุดรอดไปได้ เราจะไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ทางการให้มาจับตัวพวกเจ้าสองคนไปตัดหัว!” เจียวจู กระแทกกิ่งไม้ในมือลงบนพื้นดินแรงๆ คราวหนึ่งเป็นการข่มขู่ “พวกเจ้าเป็นเด็กจากหอหงไถเช่นนั้นหรือ?” ฉู่หลิงไม่รู้ว่ามนุษย์กลุ่มนี้พูดคุยอะไรกันอยู่ นางรู้สึกว่าภาษาพูดของพวกเขาฟังทะแม่งๆ ชอบกล และนางไม่รู้จักหอหงไถอะไรนั่นสักหน่อย แต่ดูเหมือนว่าคนชั่วสองคนนี้จะเกรงกลัวชื่อนี้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เวลานี้คนที่จับมือสองข้างของนางเอาไว้ถึงกลับเผลอปล่อยนางให้เป็นอิสระ ฉู่หลิงรีบวิ่งมาทางกลุ่มเด็กมนุษย์ทันทีที่ลุกขึ้นยืนได้มั่นคง สนใจในคำพูดของเด็กหญิงเมื่อครู่ “มีหอสังเกตการณ์อยู่แถวๆ นี้หรือ” แวมไพร์สาวรีบถามออกมาเป็นคำแรก ไม่สนใจมนุษย์ชั่วสองคนนั้นแล้ว เป็นไปได้ว่าหอหงไถที่มนุษย์เหล่านี้กำลังพูดถึงกันอยู่ก็คือหอสังเกตการณ์ตรวจจับแวมไพร์อย่างนาง อีกไม่นานพวกเขาคงจะมาจับตัวนางกลับลงโลงไปอีกครั้งแน่นอน แต่ขอโทษ! ไม่ต้องมาจับนางก็พร้อมจะลงโลงไปด้วยความเต็มใจอยู่แล้ว ยามที่ไร้พลังและเขี้ยวเล็บเช่นนี้การนอนอยู่ในโลงศพย่อมปลอดภัยกว่าอยู่ข้างนอกเยอะ! เจียวจ้านถึงกับยกมือขึ้นมาเกาหัวตัวเองยิกๆ ไม่เข้าใจว่าหอสังเกตการณ์ที่พี่สาวคนงามว่านั้นคือที่ใด ส่วนเด็กชายหญิงตัวเล็กๆ ที่เหลือต่างก็รีบดึงมือฉู่หลิงให้มารวมกลุ่มกับพวกตนโดยใช้ร่างเล็กๆ ของพวกเขาบดบังครึ่งท่อนล่างของนางที่ชายผ้าขาดวิ่นจนเห็นช่วงขาขาวนวลราวกับหิมะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD