ตอนที่ 6 เจ้าก้อน..เลือด

1611 Words
“หลิ่วจี..เจ้าเอามีดมาเสียบอกข้าไปเสียเลยดีกว่ามาเตือนให้ข้าต้องปวดใจเช่นนี้นะ” หญิงสาวร่ำร้อง รู้สึกเจ็บจี๊ดเข้าไปถึงขั้วหัวใจอย่างสุดซึ้ง “อ๊ะ!!” ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาคุยกับหลิ่วจี หญิงสาวก็ตกใจกับภาพตรงหน้าจนร่างสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ก้อนเลือดสีแดงสดใสอีก 9 ก้อน!! ทีแรกนางมีก้อนเลือด 10 ก้อนเดินรายล้อมอยู่รอบกายก็สุขใจเหลือเกินแล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่าภายในหอหงไถนี้ยังมีลาภปากเพิ่มขึ้นมาอีกถึง 9 ก้อนเลยทีเดียว! “พ..พ..พวกเจ้า อาศัยอยู่ที่นี่กันทั้งหมดเลยหรือ” หญิงสาวยื่นมืออันสั่นเทาของตนเองออกไปลูบคลำศีรษะของเด็กหน้าใหม่อีก 9 คนที่เพิ่งได้พบหน้า “ใช่แล้วเจ้าค่ะ/ขอรับ พี่สาว!!” เด็กชายหญิงเก้าคนเองก็ดีใจไม่น้อยที่เห็นมีหญิงสาวที่เป็นผู้ใหญ่แล้วเข้ามาเยี่ยมเยียนพวกตนในหอหงไถ พวกเขาเต็มใจลืมภาพเหตุการณ์ประหลาดเมื่อครู่กับทำเป็นมองไม่เห็นเศษใบไม้และฝุ่นดินที่เกาะเต็มอยู่ทั่วร่างของพี่สาวผู้มาใหม่ ฉู่หลิงดีใจจนเนื้อเต้น แก้มสั่นระริกด้วยความมันเขี้ยว ได้แต่ร่ำร้องหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความดีใจ มนุษย์! มนุษย์ตัวเป็นๆ ตั้งแต่ถูกกัดตอนอายุ 12 บัดนี้นางอายุ 19 ปีแล้ว 7 ปีที่ผ่านมาในโลกก่อนมีโอกาสพบเจอมนุษย์ตัวเป็นๆ อย่างนี้ได้ง่ายๆ เสียเมื่อไรเล่า? “เจียวจ้านเจ้ารีบไปก่อไฟตั้งน้ำอุ่นๆ ให้พี่สาวหลิงหลิงได้อาบก่อนจะดีกว่า ดูสินางหนาวสั่นไปทั้งตัวแล้ว” เจียวจูรู้สึกสงสารฉู่หลิงขึ้นมาจับจิต เมื่อเห็นอีกฝ่ายตัวสั่นไปจนถึงรากฟัน ฉู่หลิงถูกเด็กๆ เดินห้อมล้อมจับจูงเข้าไปในห้องพักห้องหนึ่งในชั้นล่างของหอหงไถ ด้านในมีอ่างอาบน้ำที่ทำจากไม้ขนาดพอเหมาะอยู่หนึ่งใบ นั่งเคลิ้มฝันถึงอนาคตอันหอมหวนของตัวเองอยู่ไม่นาน ครู่เดียวเจียวจ้านกับเด็กชายอายุพอๆ กับเขาอีกสองคนก็ช่วยกันหาบน้ำมาผสมใส่อ่างให้นางได้ชำระร่างกาย ขณะที่ร่างงามลงไปแช่ตัวอยู่ในอ่างน้ำ นอกหน้าต่างก็มีศีรษะเล็กๆ ของเด็กหญิงอีกหลายคนโผล่หน้ามาคอยแอบมองจนหญิงสาวรู้สึกขำกับการพยายามยกมือขึ้นปิดหน้าของตัวเองเอาไว้ ดวงตาที่โผล่พ้นง่ามนิ้วมือเล็กๆ สอดส่ายเข้ามาในห้องด้วยความอยากรู้อยากเห็น คล้ายว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้ตนมองไม่เห็นพวกนาง “นี่แน่ะ!!” ฉู่หลิงวักน้ำในอ่างสาดไปทางหน้าต่างที่มีศีรษะเล็กๆ โผล่ออกมา “ไอหย๋า!! พี่สาวเห็นพวกเราแล้ว หนีก่อนเร็ว” เสียงเล็กแหลมเบาหวีดหวิวนั้นจะเป็นผู้ใดไม่ได้นอกจากหลิ่วจี ดูท่านางจะเป็นหัวโจกที่พาน้องสาวตัวเล็กๆ อีกหลายคนมาที่นี่นั่นเอง เมื่อไม่มีคนกวนใจ ฉู่หลิวก็หลับตาพริ้มดื่มด่ำกับความสุขที่ตนไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนี้มายาวนานเช่นกัน “พี่สาวท่านอาบน้ำเสร็จหรือยังเจ้าคะ ข้าเอาเสื้อผ้ามาให้ผลัดเปลี่ยน” เจียวจูเคาะประตูหน้าห้องที่ฉู่หลิงอยู่ด้านใน “ข้าเสร็จแล้วเจียวจู เจ้าเข้ามาได้เลย” หญิงสาวร้องบอก แต่ตนเองยังคงนั่งแช่ตัวอยู่ในน้ำ อันที่จริงฉู่หลิงก็ไม่คิดจะอายกับการเผยร่างกายต่อหน้าเจียวจู แต่นางพบแล้วว่าเด็กสาวผู้นี้โตเกินอายุ และยังเจ้าระเบียบวินัย นางจึงเลือกซ่อนกายอยู่ใต้น้ำต่อไป เจียวจูเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเสื้อผ้าและรองเท้ากองหนึ่ง นางส่งของเสร็จก็รีบเดินออกจากห้องและปิดประตูให้เรียบร้อยโดยไม่เคลื่อนย้ายสายตาไปที่ฉู่หลิงแม้แต่นิดเดียว การกระทำอันละเอียดอ่อนรอบคอบของเด็กสาวดูเป็นธรรมชาติราวกับนางทำเรื่องเหล่านี้เป็นประจำมาเนิ่นนาน ฉู่หลิงเลือกสวมชุดสีเหลืองอ่อนที่ดูธรรมดาที่สุดในผ้ากองโตหลากสีสันที่เจียวจูนำมาให้นางเลือก ผ้าคาดเอวรองเท้ารวมทั้งผ้าผูกผมจูเจียวก็จัดให้เป็นชุด หยิบใช้ได้อย่างง่ายดาย พอเปิดประก้าวออกจากห้องพักที่เข้าไปอาบน้ำเมื่อครู่ หญิงสาวก็เพิ่งได้เห็นสภาพภายในหอหงไถที่เมื่อครู่ตนตัวมัวแต่หน้ามืดตาลายมองเห็นสิ่งใดก็มีแต่ภาพก้อนเลือดวิ่งไปวิ่งมา “แม่เจ้า!!” นางรู้สึกตงิดๆ กับความรู้สึกที่ต้องแตกตื่นของตนเกือบจะทุกครึ่งชั่วโมงเหลือเกินแล้ว บ้านใหม่ของนางมีเรื่องให้น่าตกใจบ่อยจนเกินไป หอหงไถเป็นอาคารสองชั้นขนาดใหญ่โตสมควร ด้านล่างมีห้องโถงกว้างขวางมีเวทีเตี้ยๆ คาดเดาว่าเป็นพื้นที่สำหรับแสดงการร่ายรำหรือบรรเลงเครื่องดนตรี ตรงกลางมีโต๊ะเก้าอี้ที่ถูกทิ้งเอาไว้กองระเกะระกะอยู่จำนวนหนึ่ง รอบๆ ส่วนโถงตรงกลางมีห้องแยกขนาดเล็กลงไปอีกนิดหน่อยคล้ายว่าเป็นห้องส่วนตัวซึ่งสามารถจุคนได้ราว 8-10 คนอีกหลายห้อง นางเห็นช่องทางเดินเล็กแคบซึ่งมีผ้าม่านขาดๆ กั้นเอาไว้สำหรับเดินไปทางด้านหลัง ซึ่งน่าจะเป็นส่วนพื้นที่ของครัวหรือห้องเก็บของอะไรทำนองนั้น ด้านบนมีบันไดทางขึ้นจากมุมหนึ่งของโถงชั้นล่าง มีผ้าสีสันสดใสที่เก่าซีดและบางส่วนก็ขาดไปบ้างจากการไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ ประดับเอาไว้ตลอดทางตั้งแต่ราวบันไดไปจนตลอดริมระเบียงทางเดินที่ล้อมเป็นวงกลม หากขึ้นไปยืนอยู่ด้านบนก็สามารถมองเห็นพื้นที่โถงตรงกลางในชั้นล่างได้ทั่วถึงเช่นกัน นางประเมินด้วยสายตาว่าด้านบนก็เป็นห้องหับที่แบ่งเป็นห้องเล็กๆ อีกมากกว่า 10 ห้อง สิ่งที่น่าตกตะลึงนั้นไม่ใช่ขนาดความใหญ่โตของหอหงไถหรือจำนวนห้องที่มากมายแต่อย่างใด แต่สิ่งที่ฉู่หลิงตกตะลึงพรึงเพริดอย่างหนักก็คือ สภาพความเละเทะของสถานที่แห่งนี้โดยเฉพาะห้องโถงตรงกลางที่เป็นพื้นที่ส่วนรวมที่กว้างขวางที่สุด เมื่อครั้งที่แม่เล้าและนางคณิกาเดินทางออกจากหอหงไถไป พวกนางคงจะนำของติดตัวไปได้เฉพาะส่วนที่เป็นสมบัติของตนจริงๆ ได้เท่านั้น เครื่องประดับประเภทแจกัน โคมไฟ ภาพวาด ผ้าปูโต๊ะ ถ้วยจาน โต๊ะเก้าอี้ ทุกสิ่งอย่างถูกทิ้งเอาไว้ในหอหงไถทั้งหมดและกลายเป็นสนามเด็กเล่นขนาดย่อมของเด็กๆ 19 คน หญิงสาวตกใจกับพลังการทำลายล้างจากน้ำมือมนุษย์ตัวจ้อยเหล่านี้ต่างหาก!! “พวกเจ้าหยุดอยู่นิ่งๆ กันเดี๋ยวนี้เลย หากใครไม่เชื่อฟังวันนี้ข้าจะไม่ให้กินข้าว!” เจียวจูรู้สึกอับอายจนหน้าแดงก่ำเมื่อเห็นพี่สาวหลิงหลิงยืนค้างนิ่งอยู่เนิ่นนาน สาบานได้ นางพยายามสั่งสอนน้อง ๆ ให้ช่วยกันทำความสะอาดแล้วจริงๆ นะ แต่ผ่านไปไม่ถึงครึ่งวันมันก็กลับกลายมาเป็นสภาพสกปรกเลอะเทอะได้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินว่าจะไม่ได้กินข้าว เด็กๆ ที่กำลังเอาถ้วยจานมาปาเล่นกันอยู่ก็หยุดชะงักและรีบวางสิ่งของในมือ เดินมาเข้าแถวต่อหน้าฉู่หลิงโดยพร้อมเพรียงกัน “พวกเขาทิ้งเด็กหลายคนไว้ลำพังแบบนี้ได้อย่างไรกัน” ฉู่หลิงพยายามมองในแง่มุมของมนุษย์ที่นางเคยเป็นมาก่อน แน่นอนว่าเจียวจูคือเด็กหญิงที่โตที่สุดในที่นี้แล้วนางก็ยังเพิ่งอายุ 12 นอกนั้นก็ลดหลั่นกันลงมาและที่ดูเด็กที่สุดก็น่าจะมีอายุราว 5-6 ปีเท่านั้น พวกเขา 19 ชีวิตซึ่งไม่มีรายได้จะอยู่กันได้อย่างไร และอยู่มาได้อย่างไรถึงสามปี หญิงสาวรู้สึกหดหู่ไม่น้อย “แต่เดิมมีพวกเราอยู่ที่นี่กันแค่ 8 คนเจ้าค่ะ ส่วนเด็กคนอื่น ๆ ถูกคนนำมาทิ้งไว้เพิ่มขึ้นเรื่อย จนตอนนี้พวกเราก็มีกัน 19 คนแล้ว” เจียวจูชี้มือไปที่เด็กหลายคน เด็กชายหญิงทั้งหมดแปดคน ซึ่งรวมเจียวจู เจียวจ้านและหลิ่วจีที่ฉู่หลิงจำชื่อได้ขึ้นใจแล้ว พวกเขาแยกกันมายืนอยู่ฝั่งหนึ่งเป็นการแสดงตัวว่าเป็นเด็กดั้งเดิมแปดคนของหอหงไถ คำกล่าวนี้ยิ่งทำให้ฉู่หลิงแปลกใจยิ่งกว่าเก่า เด็กแปดคนก็ยังพอทำเนา ยังมีคนใจร้ายนำลูกหลานของตนมาทิ้งให้อดตายหมู่เพิ่มขึ้นอีกด้วยเช่นนั้นหรือ? “เอาล่ะๆ ไม่ต้องแบ่งแยกว่าใครมาก่อนมาหลัง อย่างไรพวกเจ้าก็ลงเรือลำเดียวกันแล้วไม่ใช่หรือ เอาอย่างนี้เด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงยืนแยกกันก่อน ข้าจะดูว่าพวกเจ้ามีจำนวนเท่าใด” กล่าวตามตรงสำหรับเด็กกลุ่มนี้ทรงผมที่ไว้ยาวแตกแห้งจนเป็นสีเหลืองราวกับฟางข้าว กับการแต่งกายด้วยเสื้อคลุมตัวยาวนางแยกไม่ออกว่าคนไหนเป็นเด็กชาย คนไหนเป็นเด็กหญิง ได้ยินคำสั่งของพี่สาวคนงาม เด็กทุกคนก็รีบจัดการแยกตัวเองเป็นสองกลุ่มอย่างว่าง่ายเป็นที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD