“ขานั้นใจร้อนค่ะ คงลงไปเก็บภาพสวยๆ สำหรับไว้โปรโหมต รยาเขาจะมาทำงานนี้กับดาด้วยค่ะ ยัยนั่นเขาอยากมีร้านกาแฟ ดาจะแบ่งที่ตรงนั้นให้เขาทำค่ะ ส่วนตรงนี้จะทำเป็นครัวเปิด ป้าทำกับข้าวอร่อยๆ สนใจจะมาเป็นแม่ครัวให้ดาได้ไหมคะ?”
“สนใจสิ ป้าเอาค่าแรงไม่แพงหรอก ช่วยๆ กันไปก่อน พอมีกำไรแล้วค่อยว่ากัน”
“ขอบคุณค่ะป้า”
ตอนที่ 5.ช้างเผือกที่อยู่ในป่า
“ยัยดาฉันเจอเรือประมงมา ซื้อกุ้งกับปลาหมึกมาเต็มเลย เย็นนี้แกทำยำปลาหมึกให้กินหน่อยนะ” ธีรยาตะโกนเสียงโหวกเหวก ณดาโผล่หน้ามามองพร้อมกับส่ายหน้า
“แกไม่เคยกินยำหรือไงยะ” เธอแสร้งสัพยอก
“เคย แต่ไม่เคยเจอปลาหมึกสดแบบนี้ ฉันถ่ายวีดิโอไว้ด้วย ส่งให้เจ้าธีทัชตัดทำคลิปแล้วนะ เพจแกจะเปิดในวันพรุ่งนี้แล้ว”
“แกใจร้อนเกินไปละ บ้านฉันยังไม่ทันได้ซ่อมเลย ไหนจะทาสี ไหนจะทำครัวตรงนั้น ร้านกาแฟแกด้วยยังไม่สร้างเลยนะ”
“เออแฮะ แหม ฉันอยากโปรโหมตเพจเร็วๆ นี่ ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย” ธีรยายกมือเกาหลังท้ายทอยแก้เก้อ
“หิวใช่มั้ยปะ ฉันจะทำกับข้าวทุกอย่างที่แกชอบให้กินทั้งหมดเลย” ณดาลากธีรยาเข้าไปในครัวเก่า ที่มีแค่เตากับถ่านที่คงเก่าเหมือนกัน
ธีรยาส่ายหน้า “ที่นี่เหรอครัวที่แกจะทำให้ฉันกิน”
ณดาพยักหน้า “ใช่ ฉันขอกะปิน้ำปลามาจากบ้านป้าสมศรีบ้างแล้ว มีครก มีสาก มีหม้อมีกระทะ ทำไมฉันจะทำกับข้าวอร่อยๆ ให้แกกินไม่ได้”
“ฉันจุดเตาถ่านไม่เป็นนะ” ธีรยาออกตัว
“ฉันทำเป็น ถึงจะไม่เคยทำนานแล้วก็เถอะ”
สองสาวเลยลงมือช่วยกันทำงาน ธีรยาล้างปลากับปลาหมึก ส่วนณดาสาละวนกับการก่อเตาไฟ จนควันตลบไปทั้งบ้าน
“พี่ดา จะเผาบ้านเหรอไงคะ มาค่ะ หวานทำให้เอง” น้ำหวานโผล่หน้ามาหา หลังกลับมาถึงบ้านแล้วสมศรีบอกเรื่องณดาให้ฟัง
“หวานนั่นเอง บะ โตเป็นสาวแล้ว” ธีรยาเอียงคอมองพร้อมกับชมเปาะ
“หวัดดีค่ะพี่รยาพี่ดา มาค่ะ หวานทำแทนให้ หวานรู้ว่าพี่ดาทำได้ แต่วันนี้หวานทำให้ก่อน เดี๋ยวไฟจะไหม้บ้านหมดทั้งหลัง” น้ำหวานกระเซ้า
“แกควรซื้อเตาแก๊ส ถึงฉันจะรักธรรมชาติ แต่การทรมานตัวเองแบบนี้ ฉันไม่เอาด้วย ฉันกลัวว่าสักวันหนึ่งจะกลายเป็นคนวางเพลิงเผาบ้านเสียเอง” ธีรยาเปรย ซึ่งณดาเห็นด้วย
“แกกับฉันเพิ่งมาถึงที่นี่วันนี้ เราสองคนไม่ได้เตรียมพร้อมเรื่องปากท้องไว้ล่วงหน้านี่หว่า”
“พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน แต่วันนี้เร็วๆ เถอะฉันหิวแล้ว” ธีรยาบ่นอุบ
“หวานหุงข้าวเช็ดน้ำเป็นไหม?” ณดาถามเพื่อเพิ่มความมั่นใจ
แม้แต่หม้อหุงข้าวเธอก็ไม่มี การใช้ชีวิตอยู่ในเมือง การทำอาหารกินเองกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก ความสะดวกสบายมีให้เห็นทั่วไป อาหารการกินก็มีให้เลือกหลากหลาย ดังนั้นการทำอาหารกินเองของสาวโสด เลยเลือกความสะดวกแทน อุปกรณ์การทำครัวเลยไม่จำเป็น
“เป็นค่ะ สมัยเรียนเนตรนารีหวานเป็นคนหุงข้าวค่ะ”
ณดารู้สึกโล่งอก เธอฉวยหม้อเก่าๆ ที่ล้างทำความสะอาดแล้วไปตักข้าวสารที่สมศรีแบ่งมาไว้ให้ น้ำหวานใช้เวลาไม่นานไฟในเตาก็คุโชน ณดาให้น้ำหวานเฝ้าหม้อข้าว เธอหันไปจัดการกับปลาและปลาหมึกที่ธีรยาซื้อมา
“แค่ได้กลิ่นข้าวใกล้สุก ท้องฉันก็ร้องรอแล้ว” ธีรยายังบ่นไม่หยุดปาก
“ใครใช้ให้แกวิ่งไปวิ่งมาไม่หยุดละ แกไม่ร้อนแดดหรือไง”
“แหมยัยดา ทิวทัศน์แถวนี้มีแต่ของแปลกตา ทั้งเรือประมง ทั้งหาดทรายสีขาวแถมทรายก็ละเอียดและสะอาดด้วย ฉันเลยเพลินไปหน่อย”
“พี่รยาเดินเลยไปทางโขดหินทางโน้นหรือยังคะ” น้ำหวานแทรกถาม
ธีรยาส่ายหน้า “ตรงไหนเหรอน้ำหวาน พี่เดินไปทั่วนะ ไม่เห็นมีโขดหินเลย”
“เดินเลยไปอีกหน่อยค่ะ เดี๋ยวกินอิ่มแล้วหวานพาไปเอง ตอนเย็นช่วงพระอาทิตย์ตก สวยที่หนึ่งเลยค่ะ”
ธีรยาตาลุกวาว “แจ่มเลย ฉันได้อีกโลเคชั่นสำหรับทำการ โปรโหมตเพจอีกแล้วยัยดา”
“เพจอะไรคะ?” น้ำหวานถาม แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
ธีรยายิ้มกริ่ม “พี่กับยัยดาจะทำโฮมสเตย์ที่นี่ พี่เปิดร้านกาแฟตรงนั้น เราจะมีอาหารบริการทุกมื้อ แต่นั่นคืออนาคต ตอนนี้ทำได้แค่ฝันก่อน ต้องปรับปรุงบ้าน ต้องทำอะไรอีกหลายอย่างเลยนะ แต่น่าจะทันฤดูช่วงท่องเที่ยวปลายปี”
“จริงเหรอคะ น่าสนุกจัง อยากให้หวานช่วยบอกได้เลยนะคะ หวานเต็มใจ”
“ป้าสมศรีกับหวานชอบ พี่ก็ดีใจแล้ว”
“หวานคิดว่า ที่พี่รยากับพี่ดาจะทำ มันต้องเวิร์คแน่ๆ ค่ะ”
“มันต้องดีอยู่แล้วแหละจ้า เราพยายามลงทุนให้น้อยที่สุดและขายสิ่งที่เรามี จะกำไรหรือขาดทุนเดี๋ยวก็รู้”
“หวาน ผู้ใหญ่บ้านยังเป็นคนเดิมหรือเปล่าอะ?”
น้ำหวานส่ายหน้า “ไม่ใช่แล้วพี่ดา แต่ก็คนแถวนี้แหละ ยังหนุ่มอยู่เลย แต่ใช้ได้นะคะ เขาเก่งจริงแหละ หัวทันสมัยด้วย ตั้งแต่ได้เขามาทำหน้าที่แทนคนเก่า บ้านเราพัฒนาไปเยอะเลยค่ะ”
“นั่นสิ ถนนก็ดีขึ้นด้วย”
“ฝีมือพี่ปาล์มนั่นแหละค่ะ เห็นเสาไฟไหมคะ นั่นพี่ปาล์มก็ไปไฟว้กับลุงกำนันมา บ้านเราหากมีพี่ปาล์มสักสิบคนนะคะ แถวนี้น่าจะพัฒนาได้มากกว่านี้” น้ำหวานชมคนในหัวข้อสนทนาให้ฟังจนธีรยาชักอยากเห็นหน้า
“หล่อปะ โสดหรือเปล่า?” ณดาส่ายหน้าอมยิ้มแก้มตุ่ย
“โสดค่ะ หล่อด้วย สาวๆ ที่เคยมาแถวนี้สนใจพี่ปาล์มทุกคน แต่พี่เขาไม่สนใจใครเลย”
“มีปมหรือเปล่าหว่า?” ธีรยาพึมพำ
“ไม่มีหรอกค่ะ เรื่องแบบนั้น พ่อแม่พี่ปาล์มเขาเป็นครู บ้านสวยๆ ตรงสะพานก่อนมาถึงบ้านเราไงคะ พี่เขาพร้อมทุกอย่าง เรียนก็สูง มีแต่คนเสียดายความรู้ มาหมกตัวอยู่ที่นี่จะก้าวหน้าได้ยังไง”
ธีรยาพยักหน้าหงึกหงัก ผู้ชายในหัวข้อสนทนา มีแรงดึงดูดตั้งแต่ยังไม่ทันได้เจอหน้า
“เขาอาจจะชอบแบบนี้ไง หวานคิดดูนะ หากทุกคนจ้องที่จะเข้าไปทำงานในเมือง แล้วที่นี่ก็จะเหลือแค่คนเฒ่าคนแก่ไง ถ้าเราสร้างงานที่นี่ คนหนุ่มสาวก็น่าจะอยากกลับบ้าน ใครอยากไปอยู่ไกลบ้านบ้างละ เหงาจะตาย”
“หวานเคยคิดนะพี่ดา หวานเรียนจบ หวานจะทำมาหากินอะไร ยายแก่แล้ว หากหวานไปอยู่กับแม่อีกคน ยายจะอยู่ยังไงคนเดียว”
“ป้าได้ยินคงดีใจน่าดูนะ”
“จริงๆ นะพี่รยา หวานอยากให้แม่กลับมาอยู่ด้วยกัน แต่...อย่างที่รู้ หากแม่กลับมา หวานคงไม่มีเงินไปเรียน”
“อย่าห่วงไปเลยหลานรัก โครงการของพี่รยากับยัยดาต้องรุ่งแน่ อย่าลืมสิพี่เป็นใคร ธีรยาผู้ไม่เคยคำนวณพลาด งานนี้ต้องเวิร์ค เราทุกคนจะรวยไปด้วยกัน”
ณดาอดหัวเราะกับท่าทางของเพื่อนไม่ได้
เธอรู้ดี กว่าจะสำเร็จได้ต้องใช้เวลาและทุนทรัพย์ไม่น้อย แต่เธอถอยไม่ได้แล้ว เธอมีห่วงที่ต้องฝ่าฟัน หากไม่สำเร็จ ใครบางคนจะพลอยลำบากไปด้วย
“พรุ่งนี้ค่อยไปหาผู้ใหญ่บ้านรูปหล่อนะ คืนนี้ขอฉันเขียนโครงงานก่อน เวลาอธิบายให้เขาฟัง จะได้มีภาพประกอบ จะได้คุยง่ายขึ้น”
“ฉันเห็นด้วย”
“แหม หวานอดไปด้วยเลย พรุ่งนี้หวานต้องไปโรงเรียน”
“ยัยหวานหลานรัก ขยันจนเบลอหรือไงจ้ะ พรุ่งนี้วันหยุดจ้ะหลานสาว”
“หืม...เออใช่ ทำไมหวานลืมได้นะ สงสัยดีใจที่เจอพวกพี่แน่ๆ เลยค่ะ”
ณดายิ้มเต็มหน้า พลอยหัวเราะไปด้วย พอหุงข้าวเสร็จเธอก็เตรียมลวกปลาหมึก แล้วก็เตรียมตะแกงสำหรับย่างปลา
“หวานว่า ทำปลาทอดเถอะค่ะ ถ้าย่างปลา พี่รยาหิวจนตาลายแน่ๆ หวานไปเอาน้ำมันที่บ้านมาให้ค่ะ”
ณดาเลยเปลี่ยนเมนู เธอฉวยพริกที่เก็บมาจากข้างรั้วไปหั่นเป็นแว่นๆ เทน้ำปลาบีบน้ำมะนาวใส่ ส่วนธีรยาก็มองจนน้ำลายสอ “ความจริงแต่พริกน้ำปลาฉันก็กินข้าวได้แล้วนะ”