ริสาลงมาทานข้าวพร้อมกับโตมร เธอนั่งทานอาหารเงียบๆตักแต่ข้าวเปล่าเข้าปากตัวเองเพราะมองกับข้าวบนโต๊ะไม่เห็นเลยสักอย่าง เธอไม่กล้าที่จะบอกกับเขาจึงได้แต่นั่งเงียบ โดยมีสายตาของโตมรคอยมองอยู่นิ่งๆมาได้สักพักแล้ว จะรอฟังว่าเธอจะพูดขอให้เขาช่วยตักกับข้าวให้หรือไม่แต่เธอก็ไม่พูด โตมรจึงตักกับข้าวใส่จานให้เธอแทน
“อุ๊ย!..”
“ขอบคุณค่ะ”
ริสาได้ยินช้อนกระทบจาน จึงรู้ว่ามีคนตักกับข้าวใส่จานให้ตัวเอง
“ฉันเห็นเธอนั่งทานข้าวเปล่ามานานละ บนโต๊ะนี่ มีกับข้าว 3 อย่างนะ ผัดผักรวม แกงส้มกุ้ง ต้มจืด เธอทานได้ไหม?”
“ได้ค่ะ สาทานได้ทุกอย่างเลยค่ะ”
“อยากทานอะไรละ เดี๋ยวฉันตักให้ ?”
“ผัดผักก็ได้ค่ะ”
โตมรตักผัดผักให้ริสาแล้ววางลงบนจานให้เธอ เธอยิ้มอย่างรู้สึกดีแล้วก็ก้มหน้าทานข้าวจนหมดจาน
“อยู่ที่นี่ไม่ต้องกลัวนะ คนที่นี่จะคอยดูแลเธอ ฉันอาจจะไม่มีเวลามากนักเพราะฉันต้องทำงาน แต่จะให้จวงคอยอยู่ใกล้ๆเธอ เธอจะได้มีคนคอยช่วยเหลือ”
“ขอบคุณค่ะ ที่กรุณาสา”
เธอยกมือไหว้ขอบคุณโตมรด้วยความรู้สึกอบอุ่น
“ฉันต้องไปทำงานแล้ว ไว้ตอนเย็นเจอกัน ฉันไปนะ”
โตมรบอกกับริสาแล้วลุกขึ้นยืนเดินออกไปขึ้นรถแล้วขับไปทำงานต่อ ปล่อยให้เธอนั่งยิ้มอยู่คนเดียวบนโต๊ะอาหารอย่างรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
....
โตมรให้เลขาช่วยจัดการหาที่เรียนให้ริสาเพื่อให้เธอได้เรียนต่อหามหาวิทยาลัยที่เปิดหลักสูตรสอนคนตาบอด แล้วยังให้หมอพิชัยเพื่อนสนิทของเขาที่เป็นแพทย์ด้านจักษุแพทย์ช่วยดูแลเรื่องการรักษาตาของริสา เพราะพิชัยเป็นหมอที่เก่งแล้วก็เชี่ยวชาญด้านนี้มาก า ตามตางรางทุกวันริสาต้องไปเรียนวันจันทร์ ถึง วันศุกร์ ส่วนวันเสาร์ช่วงสัปดาห์แรกของเดือนเธอก็มีนัดกับหมอพิชัยที่โรงพยาบาลเพื่อดูความคืบหน้าเรื่องการรักษาตา นี่ก็เป็นเวลากว่า 5 เดือนแล้วที่เธอได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ และได้ใช้ชีวิตเปรียบเหมือนคนในครอบครัวของบ้านหลังนี้ไปด้วย
แต่เพราะเธอต้องไปเรียนทุกวันแล้วเขาก็ต้องไปทำงาน ทั้ง 2 คนจึงไม่ค่อยมีเวลาได้เจอกันและได้พูดคุยกันมากนัก และวันนี้ก็เป็นวันหยุดยาวเธอตั้งใจว่าจะทำไข่เจียวกุ้งสับให้โตมรทานเธอจึงขอร้องให้พี่จวงช่วยเป็นลูกมือให้ โดยมีป้าชื่นคอยมองอยู่ห่างๆด้วยความเอ็นดูริสา
“เสร็จแล้วค่ะ ไข่เจียวกุ้งสับ”
“หอมน่าทานมากเลยค่ะ น้องสา”
จวงทำท่าดมไข่เจียวบนจาน
“เมนูนี่สา ทำให้คุณโตมรทานคนเดียวนะคะ”
“พี่จวงรู้แล้วละน่า...มานี่ค่ะ พี่จวงยกไปวางบนโต๊ะอาหารให้นะคะ”
จวงยกไปวางที่โต๊ะอาหาร พอดีกับที่โตมรตื่นมารอทานข้าวเช้าพอดี
“คุณโตมร ลงมาพอดีเลยค่ะ...คุณริสาเขาแสดงฝีมือทำกับข้าวให้คุณทานเองเลยนะคะ”
ป้าชื่นเดินออกมาพร้อมกับจวงหันไปบอกกับโตมรเอง แล้วเธอก็จูงมือริสาออกมาจากครัวพร้อมกัน
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ สาแค่ทำอย่างเดียวเอง นี่ก็เป็นไข่เจียวกุ้งสับธรรมดานะคะ...เอ่อ...คุณโตมรลองทานดูนะคะ”
ป้าชื่นพาริสามานั่งร่วมโต๊ะกับโตมร เธอตักข้าวให้โตมรและริสาคนละจาน โตมรตักไข่เจียวกุ้งสับเข้าปาก ทุกคนต่างรอฟังว่าโตมรจะพูดอะไร
“อืมม อร่อยดีนี่”
ทุกคนจึงยิ้มออกมาพร้อมกัน ริสาดีใจที่โตมรชอบเมนูนี้เพราะเป็นเมนูเดียวกับที่แม่ชอบทำให้เธอทานแล้วก็ยังเป็นของโปรดของพี่ชายเธออีกด้วย ริสาคิดแล้วก็น้ำตาคลอ พาลไหลลงมาใส่จานข้าวของตัวเอง จนโตมรหันไปเห็นแล้วก็ตกใจจึงถามขึ้น
“เธอเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม.?”
“สา.. สาคิดถึงพี่ชายสานะคะ พี่ชายของสาชอบทานไข่เจียวกุ้งสับมาก ทุกครั้งสาจะทำเมนูนี้ให้เขาทาน แล้วเขาก็จะชมแบบนี้เสมอว่า...อร่อยมากๆ...แต่ว่าสาไม่มีโอกาสได้ทำให้เขาทานอีกแล้ว”
ริสาร้องไห้ตัวโยนจนโตมรต้องยื่นมือมาจับไหล่เธอไว้เพื่อปลอบ ป้าชื่นยืนมองภาพนั่นรู้ดีว่าคุณโตมรรู้สึกอย่างไรในตอนนี้ เพราะเธอรู้ว่าที่ริสาเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เป็นเพราะใคร
....
ห้องนอนของริสา
ริสาร้องไห้อยู่นานจนหมดแรงป้าชื่นจึงพาเธอขึ้นมาบนห้อง แล้วนั่งปลอบเธออยู่สักพัก โดยมีโตมรคอยยืนมองดูอยู่ห่างๆด้วยแววตาแห่งความเป็นห่วง ป้าชื่นนั่งมองริสานิ่งๆยื่นมือไปลูบใบหน้าเธอด้วยความเอ็นดู แล้วหันไปมองที่โตมรที่กำลังมองมาที่ริสาอยู่ในตอนนี้
ป้าชื่นหันกลับมามองที่ริสาอีกครั้งเห็นเธอเงียบไปแล้วจึงลุกขึ้นยืน ให้โตมรเดินเข้ามาหาเธอแทน ป้าชื่นยืนมองอยู่สักสักก็ขอตัวออกจาห้องนอนริสาไป ปล่อยให้ทั้ง 2 คนได้อยู่ด้วยกัน เขานั่งลงข้างตัวเธอแล้วยื่นมือไปเขี่ยเส้นผมที่ปกหน้าเธอออกเบาๆ และกำลังจะดึงมือกลับเพื่อลุกขึ้นยืน แต่เธอกลับดึงมือเขาไปกุมไว้แน่น
“อย่าทิ้งสาไปไหนนะคะ อย่าจากสาไปไหน สาไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว”
ริสากลับมาสะอื้นอีกครั้งเขาจ้องมองใบหน้าเธอนิ่งๆ และยื่นมืออีกข้างไปเช็ดน้ำตาให้เธอ เขาคิดมาตลอดว่าจะปกป้องเธอไม่ไปไหนซึ่งเขาจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้ทั้งกับป้าแตง แล้วสัญญาต่อหน้าโลงศพของพี่ชายเธอด้วย เขาจะไม่มีวันทอดทิ้งเธอและก็จะไม่มีวันทำให้เธอต้องโดเดี่ยวอีกต่อไป
“ไม่ต้องกลัวนะ...ฉันจะไม่มีวันทอดทิ้งเธอเป็นอันขาด”
“คุณโตมร..?”
เธอตกใจมากที่รู้ว่าเป็นเขาจึงปล่อยมือเขาออก แล้วกำลังจะดีดตัวลุกขึ้นแต่เขากลับจับบ่าเธอไว้ทั้ง 2 ข้าง
“นอนลงเถอะ...ไม่ต้องลุก”
“สาขอโทษค่ะ...สาคิดว่าเป็นป้าชื่น”
เธอเกรงใจเขาแต่ก็ยอมนอนลงอย่างว่าง่าย โดยไม่รู้ว่าเขากำลังนั่งจ้องหน้าเธออยู่ในความรู้สึกว้าวุ่นในใจ
“คุณโตมรคะ...”
“ว่าไง..?”
“ขอบคุณนะคะ...ขอบคุณที่เอ็นดูสา ขอบคุณที่คุณดีกับสามากๆจนทำให้สารู้สึกว่า สาเป็นเหมือนคนในครอบครัวของคุณจริงๆ”
“ก็เธอเป็นเด็กน่ารักอย่างที่ป้าเธอบอกจริงๆนี่ จะไม่ให้ฉันดีกับเธอได้ยังไงล่ะ...จริงไหม ?”
“...”
เธออายหน้าแดงที่ได้ยินเขาพูดออกมาแบบนี้
เขามองจ้องใบหน้าของเธออยู่นาน แล้วยื่นมือขึ้นไปลูบใบหน้าที่ขาวใสของเธออย่างทะนุถนอม
“คุณโตมร...”
เขายื่นมือไปแตะที่ริมฝีปากบางของเธอเบาๆ แล้วก้มหน้าไปใกล้ๆ
“เธอจะเป็นเด็กดีของฉัน และเชื่อฟังฉันใช่ไหม..?”
“ค่ะ...”
ริสาใจเต้นแรงที่รู้สึกเหมือนใบหน้าของโตมรเข้ามาอยู่ใกล้ๆ แล้วก็ลมหายใจของเขาที่รดบนใบหน้าเธอซึ่งเธอรู้สึกได้
เขาเลื่อนใบหน้าขึ้นไปจูบที่เปลือกตาของเธอทั้ง 2 ข้างจนเธอต้องรีบหลับตาลงด้วยความตกใจ แล้วเขาก็ลากขึ้นไปจูบที่หน้าผากมนของเธอ เลื่อนลงมาหอมแก้มทั้ง 2 ข้างเบาๆ ตอนนี้ใจเธอเต้นแรงมากทำตัวแทบไม่ถูกได้แต่นอนนิ่งเฉยให้เขาทำอะไรตามใจโดยที่เธอก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ ริมฝีปากของเขาจะไปจบที่ตรงส่วนไหนบนใบหน้าของเธอ
“ฉันสัญญาว่าฉันจะอยู่ปกป้องเธอ จะอยู่ดูแลเธอฉันจะไม่ไปไหนนะ ริสา”
“คุณโตมร...”
โตมรพูดจบก็ก้มลงไปจูบปากริสาอย่างนุ่มนวล จนริสาตกใจมากกับสัมผัสที่โตมรมอบให้ ซึ่งริสาไม่เคยได้รับจากใครมาก่อนและการกระทำของเขาก็ทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธมันได้เลย เธอรู้สึกอบอุ่นใจมากที่ได้โดนเขาทั้งกอด โดนเขาจูบอยู่แบบนี้เนิ่นนาน