เอ้ก ~ อี๊ ~ เอ้ก ~ เอ้ก ~
เสียงไก่ที่เลี้ยงเอาไว้ในเล้าโก่งคอขันรับรุ่งอรุณในเวลาเดิมซ้ำๆ กันทุกวัน จนน่าแปลกใจว่ามันรู้เวลาได้อย่างไร คำถามนี้ติดค้างอยู่ภายในใจของ ก้านแก้ว หรือ ไอ้แก้ว หญิงสาววัยยี่สิบสองปีที่เพิ่งได้รับพระราชทานปริญญาบัตรในสาขาวิชาการเกษตรสมัยใหม่มาหมาดๆ เสมอมา
หลังจากก้านแก้ว หรือที่ทุกคนเรียกว่าไอ้แก้วเรียนจบจากมหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังคับเมืองหลวงแล้ว ก็กลับมายังบ้านเกิด และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาไร่นาเทือกสวนที่มีอยู่นับร้อยไร่ของครอบครัวด้วยความรู้ที่ร่ำเรียนมาอย่างร้อนวิชา แต่ยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไรเลย บิดากับมารดาก็เรียกหล่อนเข้าห้องเย็นเสียก่อน
“พ่อกับแม่มีเรื่องอะไรกับแก้วเหรอจ๊ะ”
หล่อนเห็นพ่อกับแม่มองหน้ากันไปมา ก่อนที่แม่จะเป็นคนพูดขึ้น
“แก้ว ลูกจำคุณนายสายสมรกับครอบครัวได้ไหมลูก”
ก้านแก้วเลิกคิ้วสูงและก็นึกย้อนไปถึงเรื่องราวในอดีต จากนั้นก็ผงกศีรษะขึ้นลงสองครั้ง
“ก็จำได้รางๆ น่ะจ้ะ ว่าแต่คุณนายสายสมรมาเกี่ยวอะไรด้วยจ๊ะ”
“แล้วจำตอนที่เอ็งได้ทำพิธีแต่งงานกับลูกชายของคุณนายสายสมรได้หรือเปล่าล่ะ” คราวนี้เป็นบิดาที่พูดขึ้นบ้าง
ก้านแก้วเลิกคิ้วหวนนึกย้อนไปถึงอดีตอีกครั้ง อดีตที่จำได้เพียงแค่เลือนรางเพราะตอนนั้นตัวเองน่าจะอายุแค่ห้าหกขวบเท่านั้น
ในวันที่ฝกตกหนักมาก พ่อของหล่อนได้ช่วยเหลือครอบครัวชาวกรุงเทพฯ ครอบครัวหนึ่งมาที่บ้าน ในครอบครัวนั้นมีสมาชิกสามคน พ่อ แม่ และก็ลูกชาย
ลูกชายของครอบครัวคนร่ำรวยนี้อายุสิบสองปีกว่า ผิวขาว ตัวผอมๆ และไม่ค่อยพูดจาอะไร ท่าทางเหมือนเด็กขี้โรคอีกต่างหาก
ด้วยฝนที่ตกหนักไม่ยอมหยุดหลายวัน ทำให้ถนนถูกตัดขาดหลายเส้น ครอบครัวชาวนาของหล่อนจึงต้องให้การต้อนรับครอบครัวเศรษฐีจากเมืองกรุงต่ออีกหลายวัน
และในวันหนึ่งหล่อนก็ได้ยินผู้ใหญ่คุยกันว่า ที่พวกเขาเดินทางมาที่จังหวัดชนบทแห่งนี้ก็เพราะว่ามาหาหมอธรรมเพื่อที่จะรักษาอาการของลูกชาย
พอเม็ดฝนซ่าลงบ้างแล้ว พ่อของหล่อนก็ขันอาสาไปรับหมอธรรมมาที่บ้านเพื่อให้คนจากเมืองกรุงได้เจอ และเมื่อหมอธรรมได้ตรวจดูอาการของเด็กผู้ชายคนนั้น ก็บอกทางแก้ที่มีเพียงทางเดียวมาให้ ซึ่งทางแก้นั้นก็ดันมีหล่อนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
‘ให้เด็กสองคนนี้เข้าพิธีแต่งงานกัน’
แม้ว่าทุกคนจะตกใจ แต่ก็ทำตามคำแนะนำของหมอธรรมแต่โดยดี ซึ่งมันก็น่าอัศจรรย์มาก เพราะเมื่อทำพิธีเสร็จ อาการอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง และอาการปวดหัวตลอดเวลาของเด็กชายคนนั้นก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง
ทุกอย่างเหมือนจะจบลงด้วยดี เพราะครอบครัวคนรวยได้จ่ายเงินค่าให้ความร่วมมือให้แก่ครอบครัวของหล่อนห้าหมื่นบาทเป็นการขอบคุณ
แต่คำพูดทิ้งท้ายของหมอธรรมก่อนที่จะจากไปนั้นก็ทำให้รู้ว่า เรื่องมันยังไม่จบ หากเด็กชายคนนี้อายุยี่สิบแปดปีบริบูรณ์เมื่อไหร่ อาการเหล่านี้ก็จะกลับมาอีก และทางแก้ก็ต้องทำเหมือนเดิม นั่นก็คือต้องแต่งงานกับหล่อน
หล่อนยังจำคำถามของพ่อที่ถามหมอธรรมออกไปได้อยู่เลย
‘ทำไมต้องเป็นลูกสาวผมล่ะครับหมอธรรม’
‘เขาเคยช่วยเหลือกันมา’
จากเหตุการณ์วันนั้น จนถึงตอนนี้มันก็ล่วงเลยมาหลายปีมากแล้ว และหล่อนก็ใช้ชีวิตของตัวเองจนลืมเลือนเรื่องราวพวกนั้นไปแทบหมด
นี่ถ้าพ่อกับแม่ไม่พูดถึงอีกครั้ง หล่อนก็คงแทบจำเหตุการณ์ในตอนนี้ไม่ได้แล้ว
“จำแทบไม่ได้แล้วล่ะพ่อ มันนานหลายปีแล้ว”
“ตอนนี้ลูกชายของคุณนายสายสมรอายุยี่สิบแปดปีเต็มแล้ว”
“แล้วไงเหรอแม่”
“ก็มีอาการเหมือนเดิมน่ะสิ อ่อนแรง ปวดหัว”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไปหาหมอสิ มาเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะแม่”
หล่อนยังคงโต้แย้งมารดา ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
“คุณนายสายสมรกำลังจะเดินทางมาที่นี่ในวันพรุ่งนี้”
“อ้าว มาทำไมล่ะแม่”
“เขาจะมาสู่ขอเอ็งให้ลูกชายเขาน่ะสิ”
ก้านแก้วส่ายหน้าพรืดทันที
“ไม่เอานะแม่ ฉันไม่แต่ง”
“สัญญาจ้างแค่ปีเดียวเอง แล้วพอครบสัญญาเอ็งก็หย่าได้เลย แถมคุณนายจะจ่ายเงินให้พวกเราสองล้านบาทเป็นค่าจ้างด้วยนะ ซึ่งมันก็เพียงพอที่เราจะเอาเงินนี้ไปซื้อที่ของป้าแหวนที่แกประกาศขายน่ะ”
“สัญญาจ้างเหรอแม่?”
“ใช่ แค่แต่งงานตามเคล็ดเหมือนตอนที่เอ็งเป็นเด็กนั่นแหละ”
“แต่ฉันก็จะเสียหายน่ะสิแม่ ถึงแต่งกันเป็นพิธี แต่ใครจะเชื่อล่ะว่าฉันไม่มีผัวจริงๆ อ่ะแม่”
สีหน้าไม่สบายใจของลูกสาวทำให้แม่บัวผันถึงกับต้องถามออกมา
“อย่าบอกนะว่าเอ็งมีแฟนแล้วน่ะนังแก้ว”
“โอ๊ย ยังไม่มีหรอกแม่”
“ยังไม่มีแฟน ก็ไม่เห็นต้องไปสนใจอะไรเลยนี่ เราจะได้ขยายไร่นาของเราออกไปเพิ่งอีกยี่สิบไร่ไง เอ็งไม่อยากเห็นอาณาจักรรวงข้าวของพวกเราใหญ่โตขึ้นเหรอ”
“ฉันก็อยากเห็นแหละแม่ แต่การแต่งงานกับใครสักคนมันเรื่องใหญ่นะ แล้วฉันก็...”
เมื่อลูกสาวพูดแล้วหยุดไว้แค่นั้น คนเป็นแม่ก็จ้องมองอย่างรู้ทัน
“อย่าบอกนะว่าแกมีคนที่แอบชอบแล้วน่ะ”
เมื่อถูกแม่เดาใจได้ ก้านแก้วก็จำต้องสารภาพออกมาตามตรง
“ก็... มีแล้ว...”
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใครเหรอ ไอ้แก้ว บอกพ่อมาสิ เดี๋ยวพ่อจะไปดักตีหัวลากมาให้” พ่อของหล่อนพูดติดตลก
“พ๊อน่ะ พูดไปเรื่อยเลย ผู้ชายนะไม่ใช่ปลาช่อนที่จะไปดักตีหัวแล้วลากมาได้น่ะ” หล่อนย่นจมูกใส่บิดา