“อย่างที่ผมบอก เพื่อความสบายใจของพ่อผม แม่คุณ ผมอยากให้คุณเลิกต่อต้านพ่อผมได้แล้ว อย่างน้อยไม่นึกถึงอะไรก็นึกถึงความสบายใจของแม่คุณบ้าง วันๆ ได้แต่นั่งกลุ้มกับความเย็นชาของลูก คงได้จิตตกซักวันเพราะความรู้สึกผิดที่การตัดสินใจเพื่อความสุขของตัวเองบ้างแต่ลูกกลับไม่ยอมรับ พ่อผมก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรไม่ใช่หรือ เปิดใจยอมรับเหมือนที่ผมเปิดใจรับแม่คุณบ้างสิ”
พ่อน่ะไม่ร้ายหรอก แต่ลูกน่ะสุดขั้ว เธอคิด
“ก็เพราะเพื่อความสบายใจของทุกคนนั่นแหล่ะฉันถึงยอมรับการแต่งงาน ยอมย้ายบ้านตามแม่มา เท่านี้ยังไม่พอเหรอ พวกคุณจะเอาอะไรกับฉันอีก ฉันรักพ่อมาก คงจะทำใจไม่ได้หรอกที่จะให้ใครมาแทนที่พ่อ คุณลองนึกดูสิฉันที่ฉันยอมรับการแต่งงานของแม่มันก็มากพอแล้ว” เธอบอกอย่างเจ็บปวด เขาจะเอาอะไรนักหนา แค่เรียก หรือไม่เรียกมันก็ไม่ได้จำเป็นอะไรเลย สำหรับพี่น้องของเธอจะมีความคิดคัดค้านไหมเธอไม่รู้ แต่สำหรับเธอแม้จะไม่พอใจแต่ก็ยอมเพื่อความสุขของมารดา เธอให้ได้แค่นี้แหล่ะ แต่จะให้มาเรียกพ่อเขาว่าพ่อ เธอทำไม่ได้จริงๆ
“ผมเข้าใจคุณนะ”
“ไม่จริง ถ้าคุณเข้าใจ เราคงไม่ต้องมาพูดเรื่องนี้ซ้ำๆ ซากๆ หรอก”
“ผมแค่อยากเห็นผู้ใหญ่สบายใจ คุณลองทำตัวน่ารักว่านอนสอนง่ายอย่างน้องสาวคุณบ้างสิ เผื่อมันจะดีขึ้นมาบ้าง”
ว่านอนสอนง่ายอย่างยัยเตยเหรอ เพราะมันเรียกคุณอาว่าพ่อทุกคำนั่นแหล่ะ เธอเลยให้รางวัลน้องสาวด้วยการไม่พูดด้วยแล้วก็ไม่สนใจเลยมาเป็นเดือนแล้ว อยากแปรพักตร์ดีนัก
“ฉันบอกว่าไม่มีทางไง ฉันทำดีที่สุดแล้วคุณเข้าใจมั้ย”
“ยังไงก็ไม่เรียกเหรอ งั้นก็ยังมีอีกทางที่คุณจะเรียกพ่อผมว่าพ่อได้อย่างเต็มใจ”
“อะไร” ตติยาภาถามด้วยความสงสัย จะมีทางไหนที่เป็นไปได้ แต่เท่าที่ดูจากสายตามารๆ ของเขาแล้วคงไม่ใช่ทางที่ดีนักหรอก คงไม่ใช่เอาหน้าที่การงานมาบีบหล่อนหรอกนะ
“เป็นเมียผม” เขาตอบเสียงแผ่วเบา แต่สิ่งที่ได้สวนกลับมาคือกำปั้นน้อยๆ ที่เกือบจะถึงหน้า ถ้าเขาไม่คว้าไว้ทันซะก่อน
“คุณมันบ้าที่สุด ออกไปจากห้องนี้เดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่” เขายังกำข้อมือเล็กที่พยายามบิดออกไว้แน่น
“ไม่ออกก็ปล่อยอยากอยู่ห้องนี้ก็อยู่ไปเลย ฉันจะออกไปเอง” เธอแกะมือเขาออก “ปล่อยนะ”
“ปล่อยก็ได้” ยังไม่ทันที่ตติยาภาจะได้หนีไปไหน ก้าวไปได้ไม่ถึงก้าวเขาก็คว้าร่างบางมากอดไว้แนบอกทันที โทษฐานที่ทำให้หมั่นไส้ คนโดนกอดถึงกับกรี๊ดลั่นห้องทันที
“ร้องไปเถอะ ร้องให้ตายก็ไม่มีใครได้ยินหรอก” แค่เขาพูดเท่านั้น เสียงแสบแก้วหูถึงได้เงียบลง กลายเป็นว่าเธอพยายามดิ้นจากอ้อมอกเขาสุดแรงเกิด แต่มีหรือจะสู้แรงคนที่ตัวโตกว่าได้ ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเสียเปรียบเขาเมื่อรู้ว่าหน้าอกเบียดกับหน้าอกแข็งของเขา ยิ่งดิ้นก็เหมือนว่าแขนที่รัดมันแน่นขึ้นทุกที จนต้องหยุดดิ้นเพราะหมดแรง
“ไง หมดฤทธิ์แล้วเหรอ” เขาก้มหน้ามายิ้มให้ใบหน้ายุ่งๆ ที่เงยหน้ามามองเขาด้วยดวงตาเขียวปั้ด
“คุณมันร้ายที่สุดเลย ต่อหน้าคนอื่นทำไมทำหน้าซื่อตาใสได้นัก ตัวตนที่แท้จริงของคุณนี่มีใครรู้บ้างมั้ย” เธอถามเขาอย่างเหลืออด
“ไม่มี คุณคนเดียวแหล่ะที่รู้ ดีใจมั้ย” เขาหอมแก้มเธอ แล้วหัวเราะเมื่อริมฝีปากบางเตรียมจะขยับเขยื้อนเอ่ยผุรสวาจาใส่เขา
“ก็ได้ ก็ได้ฉันยอมเรียกพ่อคุณว่าพ่อก็ได้ พอใจรึยัง” เธอยอมลงให้ในที่สุด เพราะรั้นไปก็มีแต่จะเสียเปรียบเขา รับปากไปจะไม่ทำก็ได้ ต่อไปก็พยายามหาโอกาสไม่ให้เขาได้ประชิดตัวก็พอ
“จริงเหรอ” เขาถาม
“จริง”
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจ”
“ผมถือว่าคุณยอมรับแล้วนะ ตกลงไหม”
“ตกลง จะถามอะไรมากเล่า น่ารำคาญจริง ฉันตกลงแล้วก็ปล่อยฉันไปสักที”
“อ้าว จะปล่อยได้ไงเล่าก็คุณยอมเป็นเมียผมแล้วนี่ ผมถามตั้งหลายครั้งคุณก็ยืนยันอย่างเดิม” เขาแกล้งตีหน้าซื่อ “งั้นไม่ต้องรอช้า ไปที่เตียงกัน” เขาลากคนตัวเล็กที่เริ่มดิ้นอีกรอบมุ่งหน้ามาที่เตียง
“นี่คุณประสาทกลับไปแล้วเหรอ ฉันบอกว่าจะยอมเรียกคุณว่าพ่อย่ะ ไม่เข้าใจภาษาคนหรอ”
“อ้าว ก็ที่ตกลงกันไว้ไง ยอมเรียกว่าพ่อ เพราะเป็นเมียผม” เขายังแกล้งต่อ
“พอเลยๆ ไอคิวคุณสูง ฉันรู้ว่าคุณจะเข้าใจที่ฉันพูด” เธอหยุดดิ้นแล้วหันมาคุยดีๆ กับเขาใหม่
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว ไม่เรียกว่าพ่อก็ไม่เป็นไร คุณเป็นของผมก็พอ”
“เวร คุณนี่มัน โอ๊ยฉันไม่รู้จะว่าอะไรได้ ให้สมกับความบ้าของคุณ เราเป็นพี่น้องกันนะ ปล่อยฉัน ที่ผ่านมาคุณก็ทำไม่เหมาะสมมาพอแล้ว”
“อ้าวเมื่อกี้คุณยังบอกว่าผมไม่ใช่พี่อยู่เลย ความจำเสื่อมรึเปล่า”
“เลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว” เธอเข่นเขี้ยวบอกเขาไป ทำยังไงเขาก็ไม่ยอมปล่อยสักที
“ไปยุ่งกับน้องสาวคุณแทนได้มั้ย ว่านอนสอนง่ายน่ารักดี ถึงจะเด็กไปหน่อยแต่หุ่นก็พอฟัดพอเหวี่ยงพอๆ กับคุณเลย”
“อย่าไปยุ่งกับยัยเตยนะ นั่นยังเรียนหนังสืออยู่เลย คุณนี่มันจริงๆ” แม้ว่าจะเคืองน้องสาวแต่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ ไม่อยากให้มลทินเข้าไปแผ้วพานน้องสาวที่เป็นนักศึกษาวัยกำลังสดใส คนอันตรายอย่างสหภพไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับน้องเธอ
“อย่างน้อยก็น่ายุ่งกว่าคุณล่ะ น้องเตยน่ะน่ารักจะตายไป” เขาพอรู้ว่าจะจี้จุดเธอได้ที่ไหนก็เอาบ้าง นึกขำที่เห็นคนในอ้อมอกสายตาเต้นระริกไปด้วยความโกรธ “แต่ก็อย่างว่านะถ้าคุณยอมเป็นของผม ผมก็จะไม่ยุ่งกับน้องคุณ”
“บ้าไปแล้ว”
“คิดเอาเองนะตาล พรุ่งนี้ผมจะมาเอาคำตอบถ้าคุณตกลงก็ไม่ต้องล็อคห้องไว้ แต่ถ้าคุณไม่ยอมอย่ามาห้ามผมกับน้องคุณก็แล้วกัน” เขาให้ปัญหาไว้ตัดสินใจ ก่อนจะปล่อยเธอออกจากอ้อมแขนอย่างง่ายดาย แล้วเดินออกจากห้องไปไม่เหลียวหลังเลย
บ้าที่สุด!
ตติยาภาสบถในใจ เธออยากให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เป็นความฝันที่ตื่นขึ้นมาแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ แล้วเธอจะทำยังไงดีล่ะทีนี้
ตติยาภาเต็มไปด้วยความกังวลครุ่นคิด ไม่นึกเลยว่าลูกเลี้ยงของมารดาจะเลวร้ายได้ถึงเพียงนี้ ท่าทางสุขุม มาดนิ่งน่านับถือที่เธอเคยเห็นมันเป็นแค่เปลือกนอกของเขาชัดๆ เขามันบ้าที่สุดเลย เพราะเธอมัวแต่โกรธสหภพจึงลืมนึกถึงการ์ดใบสีชมพูใบนั้นอีกเลย
การ์ดสีชมพูที่ทำให้เธอเศร้าเสียใจตั้งแต่วินาทีที่รับมา จนเมื่อสหภพเข้ามาความโกรธที่มีต่อเขานั้นทำให้เธอลืมเรื่องการ์ดเสียสนิทใจ...