ประเทศอังกฤษ
“นายจะปล่อยให้รออยู่แบบนั้นจริงๆเหรอ นี่มันก็สามวันแล้วนะ”
“นายจะไปแทนก็ได้นะ เรื่องไร้สาระทั้งนั้น”
“แต่เขาบอกว่าพ่อนายส่งมานะ”
“ฉันไม่เคยมีพ่อ! หุบปากแล้วไปทำงานซะ!”
เสียงที่บ่งบอกว่าไม่พอใจในแบบที่นานๆทีจะเกิดขึ้นของ คริสเตียน คาสโนว่าหนุ่มแห่งเมืองผู้ดีที่ปกติแล้วจะอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลาทำเอา ทอมมี่ เพื่อนสนิทหนุ่มที่มีใบหน้าหวานราวกับผู้หญิงและยังเป็นทั้งเพื่อนและหุ้นส่วนธุรกิจต้องรีบเดินหนีออกไปทันที ปล่อยให้คริสเตียนได้แต่นั่งถอนหายใจหนักหน่วงออกมา
เมื่อสามวันก่อนมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งขอเข้าพบเขาด้วยเหตุผลที่ว่าบิดาของเขาได้เสียชีวิตลงและต้องการให้เขาซึ่งเป็นบุตรชายกลับไปจัดการเรื่องพินัยกรรม พอได้ฟังคริสเตียนถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง เพราะคิดว่าพวกนักต้มตุ๋นพวกนี้มาในรูปแบบนี้เสียแล้วก่อนจะไล่ให้กลับไป แต่กลุ่มคนเหล่านั้นกลับไม่ยอมไปไหน พยายามหาหลักฐานต่างๆนานามาอ้างว่าเขาเป็นทายาทของใครสักคนที่เมืองไทยจนกระทั่งชายหนุ่มได้เห็นรูปขอมารดากับผู้ชายเอเชียคนหนึ่ง ซึ่งเขาจะไม่เชื่อเลยถ้าในนั้นไม่ได้มีรูปเขาตอนแรกเกิดอยู่ด้วย ก่อนจะพลิกด้านหลังภาพที่มีลายมือภาษาอังกฤษเขียนเอาไว้อย่างประณีต
คริสเตียน นราดล สมิธ เกิด 1 มกราคม 1991
ซึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นชื่อนี้ ชื่อที่รวมเอานามสกุลของสองตระกูลเอาไว้ด้วยกันตามแบบของลูกครึ่งที่คนส่วนมากนิยมตั้งชื่อแบบนี้ให้ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี เพราะไม่มีใครที่สามารถยืนยันได้ว่าคนในรูปเป็นบิดาของเขาจริงๆเมื่อมารดาของเขาก็เสียชีวิตไปแล้วด้วย
“แอนนา โทรเรียกติช่ามาหาผมเย็นนี้ที่เดิม”
เมื่อความเครียดเข้าครอบงำ คริสเตียนก็ยกโทรศัพท์โทรออกไปหาเลขาของเขาแล้วสั่งขึ้น ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องทำงานไป เมื่อยังไงซะวันนี้เขาก็ไม่มีสมาธิทำงาน แต่พอเดินออกมานอกบริษัท กลุ่มคนพวกนั้นก็ยังไม่ไปไหน พอเห็นเขาเดินออกมาก็พากันรีบวิ่งตรงมาหาเขา
“คุณคริสเตียน เราขอโอกาสสักครั้งเถอะนะครับ ถ้าคุณยังไม่ยอมฟังอยู่อย่างนี้พวกเราคงไม่ได้กลับไปเหมือนกัน ถือซะว่าเรื่องมันจะได้จบๆกันไปนะครับ”
“ผมไม่...”
ปากที่กำลังจะบอกปฏิเสธเหมือนทุกครั้งกลับต้องเงียบลงเมื่อดันมองไปเจอสายตาของทุกคนในตอนนี้ ที่กำลังบ่งบอกว่าเบื่อหน่ายไม่แพ้กันกับเขา
“เฮ้อ งั้นผมจะให้โอกาสพวกคุณได้พูด แต่ผมไม่รับปากนะว่าจะเชื่อหรือทำตามความต้องการของพวกคุณ”
“ครับๆ ขอแค่พวกผมได้แจ้งคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็พอ ส่วนเรื่องการตัดสินใจ ยังไงมันก็ต้องแล้วแต่คุณครับ”
“อืม งั้นตามผมมา”
และสุกท้ายชายหนุ่มก็ต้องเดินกลับขึ้นไปบนห้องทำงาน พร้อมกับคนที่มาจากประเทศไทยอีกสี่ห้าคน เพราะคิดว่าถ้าเขาไม่ยอมฟัง คนเหล่านี้คงตื๊อไม่ยอมกลับไปแน่นอน
“ว่ามา”
พอนั่งเรียบร้อย ชายหนุ่มก็บอกขึ้น ก่อนที่ทีมกฎหมายที่ถูกส่งมาจะเอาเอกสารต่างๆออกมาให้คริสเตียนได้ดู
“คุณพ่อคุณเป็นเจ้าของธุรกิจโรงพยาบาลอยู่ที่เมืองไทย ซึ่งตอนนี้ท่านได้เสียชีวิตลงแล้ว...ส่วนนี่เป็นเอกสารที่ยืนยันว่าให้คุณซึ่งเป็นหนึ่งในทายาทต้องกลับไปรับทราบพินัยกรรม...”
“หนึ่งในทายาทอย่างนั้นเหรอ?”
“ครับ คุณมีน้องสาวซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของบิดาคุณ นี่ครับคุณแรกรัก น้องสาวของคุณ”
ทีมทนายบอกขึ้นพร้อมกับยื่นรูปถ่ายที่มีรูปของคุณนิรุจและแรกรักไปให้ชายหนุ่มดู คริสเตียนหยิบมันขึ้นมาดูและพอเห็นคนในรูปหัวใจของเขามันกลับเต้นรัวขึ้นมาทันที
แรกรัก...
เขาจำได้ทันทีว่าคนในรูปคือผู้หญิงคนเดียวกันกับคนที่เขาพยายามตามหามาเกือบห้าปี ไม่นึกว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้ อยู่ดีๆคนที่เขาอยากเจอกลับกลายมาเป็นน้องสาวบุญธรรมของเขาเสียได้
“โอเค ผมรับทราบในสิ่งที่พวกคุณต้องการแล้ว ทีนี้ก็กลับประเทศของคุณได้แล้วใช่ไหม งั้นผมขอตัวล่ะ”
“ห๊ะ เอ่อ แล้วตกลงคุณจะไปร่วมเปิดพินัยกรรม...”
“ขอคิดดูก่อน ถ้ายังไงผมจะติดต่อกลับไป และถ้าพวกคุณยังไม่ยอมกลับอีกก็อย่าหวังว่าผมจะทำตามที่พวกคุณต้องการ”
คริสเตียนบอกขึ้นพร้อมกับเดินหนีออกไปทันที ทำเอาทีมกฎหมายที่ทนายไกรสรณ์ส่งมาถึงกับมองหน้ากันอย่างหนักใจ เพราะถ้าคริสเตียนไม่ยอมกลับไปร่วมเปิดพินัยกรรมจริงๆงานของพวกตนก็ถือว่ายังไม่จบ แต่ชายหนุ่มกับยื่นคำขาดออกมาแบบนั้น แล้วทีนี้พวกเขาควรทำอย่างไรกันดี
“อื้อ อ๊า เดซี่ อ๊า ที่รัก อู้วววววว ใจเย็น อ๊า ใจเย็นที่รัก ผมต้องการปลดปล่อยในตัวคุณ อย่าพึ่งใจร้อน อ๊า เอาปากออกก่อนนะ อู้วววว เฮ้ย!!!! ไอ้คริส!!!! บ้าเอ้ย!”
หน้าหวานที่ไม่ต่างจากผู้หญิงของทอมมี่กำลังเหยเกกับความสยิวซ่านที่ เดซี่ คู่ขาคนใหม่ล่าสุดกำลังกลืนกินแท่งรักของเขาอย่างบ้าคลั่งจนร่างสูงงอง้ำไปกับความต้องการที่กำลังจะแตกซ่าน แต่ยังไม่ทันที่จะได้ปลดปล่อยสองตาหวานกลับปรือขึ้นมองไปเห็นร่างสูงใหญ่ของคริสเตียนที่ยืนกอดอกมองมาที่เขาและเดซี่ด้วยสายตานิ่งสงบไร้ความรู้สึก ทำเอาสวรรค์ของทอมมี่ล่มลงทันที
“เสร็จยัง”
คริสเตียนถามขึ้น เมื่อเขาเข้ามาได้สักพักแล้วก็ยังไม่ทีท่าทีว่าเพื่อนจะหันมาสนใจ เขาเลยตัดสินใจยืนมองทั้งสองเริงรักกันเพื่อรอเวลาที่ทอมมี่จะเสร็จสมแล้วจะได้ว่างคุยกับเขา
“เสร็จบ้าอะไรล่ะ พึ่งเริ่ม!...เดซี่จ๊ะ เอ่อ พะ...พอก่อนนะที่รัก”
ทอมมี่พูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด เมื่อสวรรค์ดันล่มต่อหน้าต่อตา ก่อนจะก้มลงไปมองร่างอวบอัดแสนเซ็กซี่ของเดซี่ที่ยังไม่ยอมหยุดกลืนกินน้องชายของเขาทั้งๆที่รู้ว่ามีคนเข้ามาในห้อง จนทอมมี่ต้องจับหน้าของเธอให้เงยขึ้นมามองเขา
“แต่เดซี่ยังไม่อิ่ม”
หญิงสาวปรือตาขึ้นมองพร้อมกับทำท่าจะลงไปกินแท่งรักหวานหอมของเขาต่อทั้งๆที่รู้ว่ามีคนเข้ามาในห้องก็ตามที
“เอ่อ เดี๋ยวค่อยกินต่อนะ”
“แต่เดซี่...”
“เดี๋ยวผมพาไปช็อปปิ้ง”
เมื่อดูท่าว่าเดซี่จะไม่ยอมง่ายๆเขาเลยงัดเอาสิ่งที่คิดว่าเธอต้องการที่สุดออกมาล่อ และเดซี่ก็ยอมละจากมันในทันที
“โอเคค่ะ งั้นคุยเสร็จแล้วบอกเดซี่นะคะ เดซี่จะมากินต่อ จะกินให้หมดตัวเลย”
“จ๊ะที่รัก ออกไปก่อนนะ”
เสียงหวานของทอมมี่บอกขึ้นก่อนที่เดซี่จะเดินออกมาโดยไม่วายหันไปทำหน้าตาเซ็กซี่ใส่คริสเตียน เมื่อใครๆต่างก็รู้ว่าชายหนุ่มทั้งสองนั้นมีบทรักที่น่าหลงใหลกันขนาดไหน
“มีอะไร! โทรมาบอกให้ฉันไปหาก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องมา”
“ฉันก็ไม่ได้บอกให้แกหยุดนี่ ทำต่อให้เสร็จเลยก็ได้ฉันรอได้”
คริสเตียนแกล้งบอกขึ้นอย่างนึกสนุก เมื่อตอนนี้หน้าหวานๆของทอมมี่แดงเป็นลูกแอปเปิ้ลเลยก็ว่าได้
“ทำต่อบ้าอะไร! มีอะไรก็พูดมา”
ทอมมี่รีบจัดการกับตนเองก่อนจะถามออกมา
“ฉันคุยกับพวกนั้นแล้ว”
คริสเสียนเดินมานั่งก่อนจะพูดขึ้น
“ห๊ะ พวกลูกน้องพ่อนายน่ะเหรอ แล้วเป็นยังไง”
“อืม พวกนั้นบอกว่าฉันต้องกลับไปรับมรดกอะไรประมาณนั้น”
“เฮ้ย! จริงดิ นายก็ไปสิ อยู่ดีๆก็มีคนมาบอกให้ไปเอาสมบัติ จะมีอะไรดีกว่านี้อีก”
เมื่อจัดการกับตัวเองเสร็จ ทอมมี่ก็เดินมานั่งลงตรงข้ามกันกับคริสเตียน
“แรกรัก...ผู้หญิงคนนั้นเมื่อ 5 ปีก่อน...”
“หือ? อะไร นายบ้าเหรออยู่ดีๆก็พูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว ไหนว่าเลิกคิดไปแล้วไง”
ทอมมี่ถามขึ้นเมื่อเขาเองก็รู้จักผู้หญิงที่คริสเตียนเคยพร่ำเพ้อให้ฟังว่าสวยอย่างนั้นถูกใจอย่างนี้เพียงแค่เจอกันโดยบังเอิญจนถึงขั้นให้คนตามหาว่าเธอเป็นใคร แต่ด้วยไม่มีข้อมูลอะไรเลยแม้กระทั่งรูปถ่าย สิ่งเดียวที่รู้คือชื่อของผู้หญิงคนนั้น ทำให้ไม่สามารถหาเธอเจอได้
“เธอเป็นน้องสาวฉัน”
“ห๊ะ!!! แกพูดบ้าอะไรวะ ฉันไม่เข้าใจ”
จากนั้นคริสเตียนเลยเล่าในสิ่งที่พึ่งรู้มาให้กับเพื่อนสนิทฟังพร้อมกับเอารูปของแรกรักที่หยิบมาด้วยให้ทอมมี่ดู
“ผู้หญิงหน้าจืดๆคนนี้เนี่ยนะที่แกหลงใหล”
และพอทอมมี่ได้ดูก็พูดขึ้นมาทันที เมื่อในรูปนั้นแรกรักที่แทบเหมือนไม่ได้แต่งหน้ากำลังยืนยิ้มอยู่ข้างกายคุณนิรุต ดูยังไงก็ไม่เข้าตาเขาเลยสักนิด แถมผู้หญิงที่คริสเตียนควงส่วนใหญ่ก็แตกต่างจากผู้หญิงในรูปอย่างสิ้นเชิง
“ตอนนี้ไม่แล้วล่ะ”
“เออ จะเป็นไปได้ไงก็เธอเป็นน้องสาวของนายนี่ แล้วนี่ตกลงนายจะไปที่นั่นเหรอ”
“ไม่ล่ะ สมบัติอะไรนั่นฉันไม่เคยต้องการเลยสักนิด”
“อืม แค่ที่มีนี่ก็ใช้ไม่หมดหรอก แล้วมาหาฉันทำไม”
และพอเรื่องนั้นจบลงทอมมี่ก็อดถามขึ้นมาอย่างรู้สึกเคืองไม่ได้ ไม่รู้ป่านนี้น้องเดซี่ของเขาไปอ้าขาให้คนอื่นแล้วรึเปล่า อุตส่าจ่ายเงินไปซะเยอะเพื่อให้เธอมาบริการแท้ๆ
“ก็แค่แวะมาบอก”
“อืม มาแค่นี้ใช่ไหม งั้นแกก็กลับไปได้แล้ว”
พอเสร็จ ทอมมี่ก็รีบไล่คริสเตียนทันที
“อะไร หรือว่าจะต่อกับน้องเดซี่สุดเซ็กซี่ของแก...อืม ฉันว่าพอฉันเดินออกไปเธอต้องเดินตามฉันไปที่ห้องทำงานแน่”
“เฮ้ย! อย่านะเว้ย! ฉันซื้อมาแพง ไปหาคนอื่นสิวะ แกมีเป็นร้อยนี่”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เออ ฉันไม่เอาของแกหรอกน่า กลิ่นสาปคงยังอยู่ ไปล่ะ”
“ไอ้คริส! ไอ้เพื่อนเวร”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
ก่อนจะไปคริสเตียนก็ไม่วายแกล้งออกมาอีกครั้ง จนทอมมี่ต้องตะโกนด่าเสียงดัง ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของคริสเตียนดังขึ้น และพอพ้นร่างใหญ่ของคริสเตียนหน้าตางอง้ำก็เริ่มเปลี่ยนไป
“เฮ้อ ยิ้มได้สักทีนะไอ้เพื่อนเวร”
ทอมมี่พูดขึ้นเพราะหลายวันแล้วที่คริสเตียนเอาแต่อารมณ์เสียและทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แค่ได้เห็นว่าเพื่อนอารมณ์ดีขึ้นเขาก็เบาใจแล้ว และพอคริสเตียนออกไป ร่างอวบอัดที่เต็มไปด้วยเนื้อนมไข่ของเดซี่ก็กลับเข้ามา และก็ไม่รอช้าเธอแทบเปลื้องผ้ามาตั้งแต่ประตูทางเข้า จากนั้นเสียงครวญครางแห่งความสุขสมของทั้งสองก็ดังสอดประสานกันขึ้นไม่หยุด