"อะไรนะ นางสาดน้ำแกงร้อนใส่มู่ลี่เอ๋อร์ยังไม่พอ ยังใช้น้ำเย็นสาดหน้าอีกหรือ สตรีนางนี้ไยชั่วช้าเช่นนี้ แล้วยามนี้ลี่เอ๋อร์เป็นเช่นใดบ้าง"
"หลังจากเกิดเรื่อง คุณหนูรองบอกเป็นอุบัติเหตุแล้วส่งท่านหมอมารักษา บัดนี้อาการดีขึ้นแล้วขอรับ ท่านอ๋องไม่ต้องห่วง"
หลงเฟยเยี่ยรู้สึกเหมือนมีไฟลุกท่วมศีรษะเมื่อองครักษ์มารายงานว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับมู่ลี่เอ๋อร์ ด้วยตั้งแต่วันนั้นที่เขาตื่นขึ้นมาโดยมีหลัวเซียงเซียงในอ้อมกอด เขาก็ไม่ได้พบนางอีกเลย
สถานการณ์ของนางในจวนสกุลหลัวเขาเองก็ไม่ทราบเรื่อง ล่าสุดสืบได้ความว่ามู่ลี่เอ๋อร์ล้มป่วยจึงไปเยี่ยมด้วยตนเองแต่จวนสกุลหลัวกลับเห็นว่าไม่เหมาะสมรับเพียงของเยี่ยมเอาไว้และไล่เขากลับมา
เขาเองก็ไม่อาจวางอำนาจที่จวนของผู้อื่นได้ อีกทั้งสมรสพระราชทานประทานลงมาแล้วยิ่งทำให้เขากับมู่ลี่เอ๋อร์ยิ่งห่างจากกันมากขึ้น หลังจากนั้นเขาก็ถูกความรู้สึกสับสนที่มีต่อหลัวเซียงเซียงเข้าเล่นงาน จึงได้หลงลืมกระทั่งสาวงามผู้น่าสงสารที่อยู่ในจวนแห่งนั้น
กระทั่งบัดนี้คนของเขาเข้ามารายงาน โทสะของหลงเฟยเยี่ยจึงพุ่งสูงเหนือศีรษะขึ้นไปหลายจั้ง เมื่อรู้ว่าหลัวเซียงเซียงรังแกมู่ลี่เอ๋อร์อีกจนได้ ทั้ง ๆ ที่พฤติกรรมของนางระยะหลังมานี้ดูเหมือนว่าหลัวเซียงเซียงจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ความจริงก็ตอกย้ำว่าเป็นเขาที่มองนางผิดไปจริง ๆ
"ท่านอ๋อง ยังมีเรื่องน่าประหลาดใจขอรับ"
หลงเฟยเยี่ยก่นคำแค้นเคือง
"ความชั่วช้าคือนิสัยของนางมีเรื่องน่าประหลาดใจอันใดอีก"
"ตอนนี้คุณหนูรองมาขอพบท่าน บอกว่าอยากให้ท่านไปเยี่ยมคุณหนูมู่พร้อมกันขอรับ"
เรื่องนี้ทำให้เขาประหลาดใจอีกแล้ว หลัวเซียงเซียงแต่เดิมล้วนกีดกันไม่ให้เขาและมู่ลี่เอ๋อร์ได้พบหน้ากัน แล้วไยยามนี้จึงมาหาเขาที่นี่เพื่อพาเขาไปพบมู่ลี่เอ๋อร์กันเล่า
"นางอยู่ที่ใด"
"ตำหนักรับรองขอรับ"
หลัวเซียงเซียงนั่งรออยู่ที่ตำหนักรับรองด้วยใจที่ร้อนรน นางตัดสินใจมาพบหลงเฟยเยี่ยด้วยตนเองทั้งหมดเพื่อพาเขาไปเยี่ยมนางเอกของเรื่อง
หลังจากหลัวเซียงเซียงใคร่ครวญอย่างหนัก ก็พบว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติหลายอย่าง เหมือนว่าสวรรค์กำลังบังคับให้นางเป็นตัวร้ายอสรพิษสมฐานะ
นางมั่นใจว่าก้าวเดินของนางมั่นคงเพียงพอ ไยในตอนนั้นจึงสะดุดล้มจนกระทั่งน้ำแกงร้อนรดไปที่ใบหน้าของมู่ลี่เอ๋อร์ เพียงนางคิดถึงน้ำขึ้นมาก็มีถังน้ำวางอยู่ในห้อง ยังมีแท่งฝนหมึกอันหนักหล่นลงไปอย่างพอเหมาะพอดีเมื่อสาดน้ำออกไปแท่งฝนหมึกนั่นจึงทำให้มู่ลี่เอ๋อร์บาดเจ็บ
เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนส่งเสริมให้นางกลายเป็นนางร้ายที่ทำร้ายนางเอกตามโครงเรื่องที่วางเอาไว้ เช่นนี้มู่ลี่เอ๋อร์คงหวาดระแวงนางไปอีกนาน ยิ่งไม่ต้องคิดถึงการคืนดีเพราะความไว้เนื้อเชื่อใจนั้นได้ถูกทำลายลงไปแล้ว
หลัวเซียงเซียงยิ่งคิดยิ่งเห็นเค้าลางว่าตนเองกำลังถูกสวรรค์กลั่นแกล้ง วันก่อนที่นางไปที่ศาลเจ้าและมีเรื่องกับชาวบ้าน ร้อยวันพันปีแทบไม่เคยพบพระเอกทว่าวันนั้นเขากลับโผล่มาได้จังหวะเวลาราวกับถูกวางเอาไว้
เหอะ เรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องผิดปกติได้อย่างไรกันในเมื่อทุกอย่างมันเหมาะเจาะจนเกินไป ตอนนี้นางคือนางร้ายในสายตาของทุกคน ถึงนางจะปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้ตั้งใจแล้วจะมีใครที่เชื่อกันเล่า
สิ่งเดียวที่นางจะต่อสู้ได้ก็คือ การทำตัวเป็นกามเทพน้อยทำให้พระเอกนางเอกได้พบกันโดยไร้อุปสรรคขัดขวาง หลัว เซียงเซียงเงยหน้ามองฟ้า เอ่ยท้าทายสวรรค์ในใจ
เอาสิ สวรรค์ในเมื่อท่านบังคับข้าให้เป็นนางร้ายที่ต้องตายตอนจบ ข้าก็จะสู้ชีวิตสักครั้งเอาชนะท่านให้ได้คอยดู
"คุณหนูท่านอ๋องมาแล้ว"
หลิงหลิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กล่าวเสียงเบาเมื่อหลงเฟยเยี่ยโผล่หน้ามาแล้วหลังจากที่ปล่อยให้พวกนางรอเขา หลิงหลิงไม่เข้าใจว่าทำไมหลัวเซียงเซียงถึงถ่อมาถึงที่นี่ทั้ง ๆ ที่เพิ่งก่อเรื่องยิ่งเห็นใบหน้าเคร่งเครียดของหลงเฟยเยี่ยยามนี้หลิงหลิงยิ่งรู้สึกหวาดกลัวนัก
หลัวเซียงเซียงและหลิงหลิงต่างยอบกายทำความเคารพเขา หลงเฟยเยี่ยจ้องหน้านางเขม็งด้วยสายตาอำมหิต หลัวเซียงเซียงได้แต่คิดในใจ
มองหาอะไร หน้าตาข้าเหมือนบิดาท่านหรือยังไง เหอะ ดูสิยังไม่สำนึกคนเขามาช่วยเป็นกามเทพให้แท้ ๆ อุตส่าห์เอาตัวมาเสี่ยงยังไม่เห็นความดี หากไม่ใช่เพราะข้าต้องการให้เรื่องจบเร็ว ๆ ข้าไม่มีทางเอาตัวมาเกลือกกลั้วกับคนใจดำเช่นท่านเป็นอันขาด
"มาหาข้าทำไม"
หลัวเซียงเซียงแม้จะรู้สึกไม่พอใจกับน้ำเสียงข่มเหงกดดันของเขาแต่นางยังฝืนยิ้มออกมา
"ท่านอ๋อง ท่านสมควรไล่คนออกแล้ว ข้าบอกชัดเจนว่ามาทำไม เขาไม่ได้บอกท่านหรือยังไง ถ้าเป็นคนจวนข้าทำงานไม่ได้เรื่องแบบนี้ข้าไม่เอาไว้แน่"
"แค็ก ๆ "
องครักษ์เจี้ยนหลางถึงกับสะอึกกับคำพูดของนาง เขารายงานท่านอ๋องไปทุกคำแล้วแท้ ๆ ท่านอ๋องยังไปถามคุณหนูรองอีกทำไม เช่นนี้ก็มิเท่ากับท่านอ๋องเป็นคนทำให้ชื่อเสียงของเขาด่างพร้อยหรือ
เมื่อหลัวเซียงเซียงกล้าตำหนิคนของเขาต่อหน้า หลงเฟยเยี่ยรู้สึกโมโหจนกำมือแน่น เกิดมาในชีวิตนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าเอ่ยก้าวก่ายเรื่องคนของเขา
"พูดมากจนน่ารำคาญ แค่ตอบคำถามข้าดี ๆ ไม่ได้หรืออย่างไร"
"ข้าตอบไม่ดีตรงไหนกันเล่า คนที่น่ารำคาญยังทำตัวประสาทแดก ชอบตีสีหน้าเคร่งขรึมทุกครั้งที่เห็นหน้าข้าก็คือท่านไม่ใช่หรืออย่างไร"
"หลัวเซียงเซียง เป็นเจ้าที่หาเรื่องข้าก่อน"
ถูกนางยอกย้อนเช่นนี้ หลงเฟยเยี่ยรู้สึกอยากจะดึงกระบี่ขึ้นมาบั่นคอนางเหลือทน ไม่รู้ว่าสกุลหลัวเลี้ยงดูสตรีนางนี้มาอย่างไร จึงไม่รู้จักคำว่าสำรวมเลยแม้แต่น้อย
หลัวเซียงเซียงยังด่าเขาในใจอีกหลายคำ
อ๋องปากสุนัขนี่ไม่ใช่ในใจคิดอยากฆ่าข้าแล้วหรือ ไม่ได้การต้องเอาใจเขาหน่อย ยังไงภารกิจวันนี้ข้าต้องทำให้สำเร็จ
หลัวเซียงเซียงกระแอมเล็กน้อย หลังจากนั้นแสร้งเอ่ยเสียงอ่อนหวาน
"ก็ได้เพคะ คนเราย่อมรู้จักเกรงใจกันบ้าง ท่านอ๋องไม่เกรงใจหม่อมฉันก็ช่างเถิด หม่อมฉันไม่ถือสา เพียงแต่วันนี้ที่มานี่ก็เพราะอยากจะมาส่งข่าว ญาติผู้พี่ของหม่อมฉันมู่ลี่เอ๋อร์คิดถึงท่านอ๋องมากจนเป็นไข้ใจ อยากให้ท่านอ๋องไปเยี่ยมเสียหน่อย"
เขายังงงกับคำพูดของนางอยู่ หลัวเซียงเซียงก็กล่าวถึงมู่ลี่เอ๋อร์เสียแล้ว
"เจ้าจะบอกข้าว่าต้องการให้ข้าไปเยี่ยมมู่ลี่เอ๋อร์หลังจากเจ้าสาดน้ำแกงร้อนใส่นาง แล้วยังสาดน้ำเย็นเยียบและปาศีรษะของนางจนแตกด้วยแท่นฝนหมึกน่ะหรือ หลัวเซียงเซียงปีศาจร้ายเช่นเจ้าคิดทำสิ่งใดกันแน่"
เขามองนางด้วยสายตารังเกียจระแวงสงสัย หลัวเซียงเซียงไม่รู้ว่าจะอธิบายเหตุการณ์นั้นอย่างไร แม้แต่หลิงหลิงยังไม่เชื่อเลยว่านางไม่ตั้งใจ
เขายังด่านางว่าเป็นปีศาจ คนที่มโนเป็นเลิศเช่นหลงเฟยเยี่ยก็ย่อมไม่เชื่ออยู่แล้วว่านางไม่ได้ตั้งใจ
แต่เอ๊ะ ผู้ชายคนนี้รู้ได้ยังไง ว่าเกิดเรื่องในจวนของนาง
โอ๊ย ดูเถอะ สายตาที่มองมานั้นดูเหมือนจะรังเกียจข้าเสียเต็มประดา เหอะ หลงเฟยเยี่ยข้าก็ไม่ได้พิศวาสท่านเลยแม้แต่น้อย
"ที่แท้ท่านอ๋องก็ส่งให้คนแฝงกายในจวนของข้านี่เอง ถึงได้รู้รวดเร็วเพียงนี้ ท่านอ๋องการกระทำเช่นนี้เท่ากับว่าท่านกำลังดูหมิ่นจวนสกุลหลัวของข้าอยู่ ส่งคนไปคอยเกาะติดในจวนยังกับเห็บหมาเพื่อเป็นหูเป็นตาให้ท่านเช่นนี้เหมาะสมหรือ วางตัวเป็นคนดีสูงส่งที่จริงก็แค่หน้ากากบังหน้า เสแสร้งเก่งเหลือเกิน"
ในเมื่อเขาส่งสายตาดูแคลนแสดงท่าทางรังเกียจโดยโดยไม่ปิดบัง หลัวเซียงเซียงก็ไม่คิดเกรงใจเขาอีกแล้ว ในขณะที่ หลงเฟยเยี่ยถึงกับแข็งค้างไปชั่วครู่ ไม่คิดว่าวาจาของหลัว เซียงเซียงจะร้ายกาจเพียงนี้
"กิริยาต่ำช้าของเจ้าร่ำลือไปทั่วเมืองหลวงแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องทำเรื่องเกินจำเป็นจำพวกส่งคนเข้าจวนไปสอดแนมเจ้าก็สามารถรู้เรื่องได้โดยไม่ลำบาก"
โอ้ คนปากหมานี่ กำลังด่าข้าซึ่งเป็นผู้หญิง ทุเรศอ่ะ
นางกำลังจะอ้าปากตอบโต้ ทว่าหลิงหลิงเห็นแล้วว่าไม่ควรปล่อยให้เรื่องบานปลาย จึงดึงชายเสื้อของหลัวเซียงเซียงเอาไว้ พร้อมกับการส่งสายตาห้ามปราม
และในยามนี้องครักษ์เจี้ยนหลวงก็เอ่ยห้ามปรามหลงเฟยเยี่ยเอาไว้เช่นกัน แม้ในใจของเขาจะนึกสนุกด้วยคาดไม่ถึงว่าตั้งแต่เกิดเรื่องในวันนั้นดูเหมือนว่าสีหน้าเย็นชาอยู่เสมอของท่านอ๋องจะเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายเมื่อพบกับคุณหนูรองสกุลหลัว
หลัวเซียงเซียงหุบปากพยายามอดกลั้นไม่ตอบโต้เขาอีก ในขณะที่หลงเฟยเยี่ยยกมือกอดอกแล้วสะบัดหน้าหนี ปกติเขาเป็นคนระงับโทสะได้ดี ทว่าเมื่ออยู่กับหลัวเซียงเซียงดูเหมือนว่าเขาจะสติหลุดโดยไม่รู้ตัว
ทั้งหมดเพราะคุณหนูรองจอมหาเรื่องผู้นี้คนเดียว