หลัวเซียงเซียงไม่มีเวลาอธิบายแล้ว
"ข้าจำไม่ได้ เจ้ารีบนำทางไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งนั้น เรื่องของข้าเจ้าไม่มีสิทธิ์สงสัยเข้าใจหรือไม่"
หลิงหลิงพยักหน้ามึนงง ก่อนจะรีบเดินนำหลัวเซียงเซียงไปยังเรือนของมู่ลี่เอ๋อร์ทันใด
เมื่อไปถึงเรือนหลังเล็กหลัวเซียงเซียงถึงกับเข่าอ่อนแทบจะทรุดลงตรงนั้นเมื่อเห็นสภาพเรือนที่ผุพังไม่ว่าลมจากทิศใดก็สามารถผ่านเข้าไปคร่าชีวิตคนให้ตายได้ในพริบตา
ไม่ผิดจากที่อ่านมาจริง ๆ เรือนหลังนี้เป็นเรือนหลังเล็กเท่าแมวดิ้นตายสภาพแย่กว่าห้องเก็บฟืนเสียอีก สองแม่ลูกมีชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบาก มารดาของมู่ลี่เอ๋อร์เป็นญาติฝั่งท่านปู่ของนางซึ่งได้แต่งออกไปให้แก่สกุลมู่ในฐานะฮูหยินรอง
หลังจากสามีของนางตายจาก ฮูหยินใหญ่ก็ขับไล่สองแม่ลูกออกจากบ้าน พวกนางไม่มีที่ไปท่านปู่จึงเมตตาให้มาอาศัยอยู่ด้วย แรกเริ่มก็มีชีวิตที่ไม่ลำบาก ทว่าหลังจากท่านปู่จากไปแล้วท่านย่าก็ไม่สนใจดูแลพวกนางอีก มีชีวิตดีกว่าสาวใช้ทั่วไปเพียงเล็กน้อย
แต่เดิมไม่นับว่าแย่ กระทั่งมู่ลี่เอ๋อร์บังเอิญได้พบกับชินอ๋องที่วัดแห่งหนึ่ง และมีใจให้กันตอนนั้นอดีตนางร้ายซึ่งมีโอกาสได้เข้าวังบ่อย ๆ นางจึงได้พบชินอ๋องในบางครั้งบังเกิดความรักขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เพียงแต่ชินอ๋องผู้นั้นกลับรู้ชื่อเสียงของนางเป็นอย่างดี หลัวเซียงเซียงจึงเป็นสตรีที่เขาไม่เคยคิดจะใกล้ชิดด้วยเลยสักหน
หลัวเซียงเซียงเป็นคุณหนูรองของแม่ทัพหลัว นางมีพี่ชายหนึ่งคนซึ่งบัดนี้รับราชการเป็นเจ้าเมืองอยู่แดนไกลนาน ๆ จะได้พบกันสักหน บิดามีอนุแต่ไม่มีใครมีลูกแม้แต่คนเดียว หลัวเซียงเซียงจึงกลายเป็นคุณหนูผู้เอาแต่ใจคนเดียวของบ้าน ไม่ว่าคิดทำเรื่องอันใดทุกคนล้วนสนับสนุน
คุณหนูที่ถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก ไม่มีใครกล้าตีทั้งยิ่งไม่มีใครกล้าด่า จะไม่ให้โตมาเป็นคุณหนูที่เสียคนได้ยังไงกัน
หลัวเซียงเซียงออกคำสั่ง ว่าหากชินอ๋องส่งคนมาเยี่ยมหรือมาหามู่ลี่เอ๋อร์ด้วยตัวเอง ยังไงก็ต้องให้เขาพบ ห้ามใจดำอำมหิตกับนางเอกพระเอกของนางอย่างเด็ดขาด
ทุกคนล้วนรับคำ แม้จะสงสัยว่าไยคุณหนูรองใจดีเช่นนี้ ทว่าไม่มีผู้ใดกล้าสงสัย
หลัวเซียงเซียงมองเรือนหลังนั้นแล้วปั้นหน้าแย้มยิ้ม คิดในใจว่านางคือนางฟ้านางสวรรค์ที่โผล่มาประทานพรให้มู่ลี่เอ๋อร์ ทำให้นางเอกที่น่าสงสารหลุดพ้นจากอดีตนางร้ายที่น่ารังเกียจ ตอนนี้อยากจะมีคทาวิเศษเสียจริงเสียดายที่พร็อพไม่ค่อยพร้อมสักเท่าไหร่ เมื่อวางท่าทางเสร็จแล้วจากนั้นจึงหันไปบอกกับหลิงหลิง
"หลิงหลิง นางฟ้าหลัวเซียงเซียงมาแล้ว เปิดประตูเร็วเข้า"
หลิงหลิงยิ้ม
"เจ้าค่ะคุณหนู"
หลิงหลิงเปิดประตูเรือนผุ ๆ ออกนำทางหลัวเซียงเซียงเข้าไปด้านใน พบว่ามู่ลี่เอ๋อร์นอนอยู่ในเรือนเล็กเพียงลำพัง นางกำลังขดกายอยู่บนเตียง ร่างขาวผ่องบอบบางดูน่าสงสารใบหน้าซีดเผือดตามแบบฉบับนางเอกผู้อ่อนแอ
หากเป็นเมื่อก่อนหลัวเซียงเซียงเห็นภาพนี้ยิ่งรู้สึกหมั่นไส้ คงเอาแส้ออกมาฟาดนางให้สาแก่ใจแล้ว ทว่ายามนี้เมื่อเห็นใบหน้าของนางเอกที่ไร้สีเลือด รูปร่างบอบบางราวกับจะปลิวลมหลัวเซียงเซียงกลับรู้สึกสงสารเป็นอย่างยิ่ง
คนที่นางก่นด่าอยู่ในใจก็คือนักเขียนตัวร้าย ที่ทำร้ายคนงามได้เพียงนี้
หลัวเซียงเซียงคิดว่ามู่ลี่เอ๋อร์คงไม่ได้กินอะไรดี ๆ มานานมากจึงหันไปสั่งหลิงหลิง
"เจ้ารีบไปเอาน้ำแกงบำรุงของข้ามาให้พี่ลี่ที่นี้ เร็ว ๆ นะอย่าชักช้า อ้ะ แล้วอย่าลืมให้คนตามหมอมารักษานางด้วย"
"เจ้าค่ะ"
หลิงหลิงรับคำพร้อมกับรอยยิ้ม ยามนี้ที่อยู่ใกล้คุณหนูนางรู้สึกสบายใจมากกว่าเดิมหลายเท่านัก นั่นอาจเป็นเพราะว่าบัดนี้สมรสพระราชทานจากฝ่าบาท คุณหนูจึงคิดว่ามู่ลี่เอ๋อร์มิใช่คู่ต่อสู้ของนางอีกต่อไปแล้วกระมัง
หลัวเซียงเซียงมองไปรอบ ๆ เรือนเล็กของมู่ลี่เอ๋อร์ พบว่าข้างในเย็นยะเยือกอย่างไม่น่าเชื่อ นั่นคงเป็นเพราะว่าหลิงหลิงได้จำกัดจำนวนถ่านของนางเป็นแน่
จริง ๆ เรือนหลังนี้ยังมีเตียงอุ่นช่วยคลายหนาวแบบบ้านโบราณทั่วไป ทว่าหากไม่มีถ่านอันเป็นพลังงานอย่างเดียวในสมัยนี้แล้วเตียงนี่ก็ใช้ประโยชน์ไม่ได้อยู่ดี
ในเมื่อนางมาแล้วมู่ลี่เอ๋อร์ก็สมควรได้รับสิ่งดี ๆ ต่อไปจะได้ไม่คิดแค้นแล้วพูดถึงนางในแง่ดีต่อหน้าชินอ๋องคนนั้น ในเมื่อนางไม่คิดฆ่ามู่ลี่เอ๋อร์ยังทำตัวเป็นนางฟ้าแสนดี นิยายเรื่องนี้ก็จะจบลงโดยเร็วแบบแฮปปี้เอนดิ้ง แล้วตัวนางก็จะได้กลับไปเป็นนักศึกษาปีสี่ธรรมดา ๆ เสียที
จะว่าไปนางก็คิดถึงพ่อกับแม่และเพื่อน ๆ จนเกือบจะบ้าตายแล้ว
มู่ลี่เอ๋อร์ได้ยินเสียงเปิดประตู เดิมทีคิดว่าเป็นมารดาที่กลับมาแล้ว ทว่าเมื่อลืมตาขึ้นกลับได้พบกับหลัวเซียงเซียงยืนมองนางด้วยสายตาที่บอกไม่ถูกอยู่หน้าเตียง นางมีท่าทางหวาดผวาและตกใจยิ่งนัก ยังพยายามยันกายลุกขึ้น
"คุณหนูรอง มาตั้งแต่เมื่อใดเจ้าคะ"
หลัวเซียงเซียงรีบเอ่ยห้าม ไม่ให้มู่ลี่เอ๋อร์ขยับกาย
"อ้ะ พี่ลี่ไม่ต้องลำบาก ท่านนอนเถิด ข้าแค่มาเยี่ยมท่าน"
นี่เป็นครั้งแรกที่น้ำเสียงของหลัวเซียงเซียงอ่อนโยนเช่นนี้ มู่ลี่เอ๋อร์มีท่าทางลังเล ดวงตากลมโตยังหวาดหวั่นประดุจลูกกวางน้อยที่หวาดกลัว
"ท่านมาเยี่ยมข้าหรือ"
น้ำเสียงนี้ดูเหมือนจะไม่เชื่อถือนัก หลัวเซียงเซียงจึงต้องแสดงความจริงใจของตนเองออกไป
"พี่ลี่ ข้ารู้ดีว่าที่ผ่านมาข้าไม่ดีกับท่าน แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนไปแล้วข้าไม่มีทางรังแกท่านโดยเด็ดขาด ท่านเชื่อข้านะ"
ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม คนเราคิดทำความดีไม่มีสิ่งใดให้ละอาย หลัวเซียงเซียงคิดว่าตัวเองทำดีมาก ทว่ายิ่งนางทำเช่นนี้ยิ่งทำให้มู่ลี่เอ๋อร์หวาดระแวง
"ท่านเคยรังเกียจข้า ไยคิดทำดีด้วย"
น้ำเสียงนั้นเบาราวยุงบิน ทั้งยังเต็มไปด้วยความขลาดเขลาอ่อนแอ หลัวเซียงเซียงคิดว่านี่แหละนางเอกในนิยายน้ำเน่าที่ผู้เขียนมักสร้างขึ้นมาให้ดูน่าสงสารชวนให้พระเอกอยากปกป้อง
"ข้าก็แค่คิดว่าที่ผ่านมาตัวเองทำเกินไปแล้ว พี่ลี่ต่อไปท่านอย่าระแวงข้าเลย ข้าเป็นหลัวเซียงเซียงคนใหม่แล้ว"
มู่ลี่เอ๋อร์ย่อมไม่เชื่อง่าย ๆ นางไอออกมาสองสามคำบ่งบอกว่านางกำลังไม่สบายเพียงใด หลัวเซียงเซียงขยับเข้าไปอีกสองก้าว ยังไม่กล้าเข้าใกล้มู่ลี่เอ๋อร์นักด้วยสายตาหวาดระแวงคู่นั้น
"ท่านอย่าเพิ่งพูดเลย ข้าให้หลิงหลิงไปนำน้ำแกงบำรุงร่างกายมาให้แล้ว เดี๋ยวนางมาท่านก็ดื่มหน่อยนะ"
มู่ลี่เอ๋อร์ใบหน้าเผือดสี
"ข้าไม่หิว คุณหนูรองอย่าลำบากเลย"
หลัวเซียงเซียงคิดว่ามู่ลี่เอ๋อร์ต้องหวาดระแวงด้วยจู่ ๆ นางก็หันมาทำดีด้วยจึงไม่กล้าที่จะกินของที่นางส่งให้ส่งเดช
"ข้าไม่วางยาพิษท่านหรอก ไม่ต้องกลัว พวกเราพี่น้องจะคืนดีกันได้หรือไม่"
กล่าวจบหลิงหลิงก็กลับมาถึงแล้ว ในมือของนางมีตะกร้าที่บรรจุน้ำแกงหม้อหนึ่ง นางวางตะกร้าเอาไว้บนโต๊ะแล้วตักน้ำแกงใส่ชามอย่างระมัดระวัง หลัวเซียงเซียงอยากจะทำดีกับมู่ลี่เอ๋อร์ให้มากขึ้นนางจึงบอกกับหลิงหลิงว่า
"มา ข้าเอง ข้าจะป้อนพี่ลี่เอง"
หลิงหลิงส่งถ้วยน้ำแกงให้หลัวเซียงเซียง มู่ลี่เอ๋อร์ขยับถอยห่างอย่างหวาดระแวง หลัวเซียงเซียงมีถ้วยน้ำแกงในมือเดินเข้ามาใกล้นางด้วยรอยยิ้มกว้างท่าทางเป็นมิตรที่สุดในชีวิต
ทว่ามู่ลี่เอ๋อร์กลับเห็นรอยยิ้มนั้นประดุจรอยยิ้มชั่วร้ายของนางมารตนหนึ่ง
และโดยไม่คาดคิด จู่ ๆ หลัวเซียงเซียงกลับรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างโผล่ขึ้นมาขวางทางและขัดขาของนางจนหลัว เซียงเซียงเสียหลักล้ม นางหวีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
"ว้าย"
หลัวเซียงเซียงเอนล้มลงไปด้านหน้า ถ้วยน้ำแกงในมือบัดนี้จึงถูกสาดออกไปโดนใบหน้าเล็กของมู่ลี่เอ๋อร์โดยไม่ทันตั้งตัว น้ำแกงเพิ่งต้มมายังมีอุณหภูมิที่ร้อนอยู่มาก มู่ลี่เอ๋อร์ยกมือขึ้นบังหน้าโดยทันใดกระนั้นก็ยังมีน้ำแกงบางส่วนราดรดถูกสองข้างแก้มจนทำให้นางบังเกิดอาการปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาโดยพลัน
"กรี๊ด! กรี๊ด!"
ท่ามกลางความตกตะลึงของหลัวเซียงเซียงและหลิงหลิงแก้มขาวเนียนของมู่ลี่เอ๋อร์ก็กลายเป็นสีแดงเถือกไปแล้ว
หลัวเซียงเซียงเป็นสตรีมีสติ นางจำได้ว่าหากคนถูกน้ำร้อนลวกให้ใช้น้ำเย็นจัดการเพื่อคลายความร้อนให้ลดลง
"น้ำ ต้องรีบใช้น้ำราดไม่งั้นพี่ลี่จะเสียโฉม"
ด้วยความรวดเร็วหลัวเซียงเซียงจึงมองหาถังน้ำในเรือนหลังนี้พบถังน้ำวางอยู่บนพื้นถังหนึ่งนางจึงพุ่งตัวไปหาถังน้ำนั้นทันใด
โชคดีมีน้ำอยู่ในถังพอดี หลัวเซียงเซียงหยิบถังน้ำขึ้นมา โดยที่นางมองไม่เห็นจู่ ๆ แท่งฝนหมึกที่วางอยู่บนโต๊ะข้าง ๆ ที่ถังไม้นั้นตั้งอยู่ก็หล่นลงมาในถังอย่างพอดิบพอดี
หลัวเซียงเซียงหลังจากคว้าถังไม้มาได้ก็สาดน้ำเย็นเข้าไปที่ใบหน้าของมู่ลี่เอ๋อร์ทันใด
เพราะไม่รู้ว่าในน้ำจะมีแท่งฝนหมึกหล่นลงไปเมื่อสาดน้ำออกไปอย่างแรง แท่งฝนหมึกนี้จึงถูกสาดออกไปด้วย ของสิ่งนั้นกระเด็นถูกศีรษะของมู่หลี่เอ๋อร์เข้าเต็ม ๆ กระทั่งนางหน้าหงาย ช่วงไรผมบริเวณหน้าผากบังเกิดรอยแตกร้าวเลือดไหลออกมาทันใด
มู่ลี่เอ๋อร์ยกมือจับศีรษะตนเอง สัมผัสได้ถึงน้ำเหนียวหนึบที่ติดมือ เมื่อเห็นชัดเจนแล้วว่าเป็นสิ่งใดมู่ลี่เอ๋อร์ตกใจแทบสิ้นสติ
"อ้ะ พี่ลี่ ขะข้าไม่ได้ตั้งใจ พี่ลี่ พี่ลี่ ท่านอย่าตายนะ ท่านอย่าตาย หลิงหลิง ไปตามหมอ ไปตามหมอเร็วเข้า"
หลัวเซียงเซียงขยับเข้าไปประคองญาติผู้พี่ด้วยความตกใจ ตอนนั้นขาของนางเกิดพลิกขึ้นมาอีกครั้งทำให้นางเสียหลักเป็นครั้งที่สองล้มทาบทับไปยังร่างบอบบางของมู่ลี่เอ๋อร์ศีรษะของนางยังกระแทกเข้ากับปลายคางของมู่ลี่เอ๋อร์จนเลือดไหลออกมาตามไรฟัน
"ว้าย โอ๊ย! เจ็บ!"
สตรีสองคนร้องขึ้นมาพร้อมกัน หลิงหลิงร้องว่าแย่แล้ว ก่อนจะรีบเข้ามาดึงนายสาวของตนเองออกจากการทาบทับมู่ลี่เอ๋อร์
ในขณะที่บัดนี้มู่ลี่เอ๋อร์เจ็บแสบไปทั้งใบหน้าและศีรษะ เอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบาด้วยความหวาดกลัว
"เจ้า อย่า..ทำข้า..ข้ากลัวแล้ว...กลัวแล้ว"
หลังจากเอ่ยคำนี้มู่ลี่เอ๋อร์ก็สลบไปในทันใด
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ หลิงหลิงเข้าใจทั้งหมดแล้วที่แท้เรื่องก็เป็นเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นแผนของคุณหนูที่ต้องการจัดการกลั่นแกล้งมู่ลี่เอ๋อร์นี่เอง
ความจริงคุณหนูไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย!