“เงินที่ผมจ่ายไปผมหวังผลลัพธ์ที่จะได้กลับคืน ไม่ใช่จ่ายเพื่อเอาไปละลายน้ำทิ้ง หวังว่าคุณจะศึกษาข้อมูลของผมใหม่ทั้งหมดและเข้าใจเจตนารมของผมว่าที่ผมจ้างคุณมาเพื่ออะไร”
ชายหนุ่มเน้นเสียงหนักทุกคำราวกับจงใจตำหนิเธอ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นฟรานเซสก็หมายถึงอย่างที่พูดจริงๆ ปกติเขาไม่ชอบความผิดพลาดทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาลงทุนไปต้องเกิดผลและครั้งนี้ก็เหมือนกัน เขาตั้งความหวังกับเธอไว้สูงและต้องเป็นเธอเท่านั้นไม่มีใครแทนที่ได้
ดวงตาคมกริบจับจ้องดวงหน้างามนิ่ง สตรีมากมายที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตหลายเชื้อชาติหลายภาษาล้วนแต่เป็นดารานางแบบตัวท๊อปชนิดที่นักแสดงตัวประกอบอย่างเธอเทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำ
แต่ที่เลือกเธอมาเพราะ ประโยคนิยามความรักของเธอบวกกับใบหน้าผุดผ่องงดงามและเรือนร่างสะดุดตาชวนให้คิดลึกจินตนาการไปไกลของเธอนั่นเอง เมริษาอาจจะไม่ดึงดูดสำหรับผู้ชายคนอื่นๆแต่สำหรับเขาแล้วยิ่งมองก็ยิ่งอยากครอบครอง นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขายอมจ่ายเพื่อให้ได้เธอมา
“ฉะ…ฉันขอโทษค่ะ”
เมริษาเอ่ยขอโทษน้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดปนหวาดกลัว
“ผมไม่ต้องการคำขอโทษ…ผมต้องการให้คุณศึกษาข้อมูลทั้งหมดของผมใหม่”
“ฉันทราบแล้วค่ะ จะศึกษาข้อมูลของคุณใหม่ทั้งหมดเดี๋ยวนี้”
เมริษาก้มหน้ารับทราบพร้อมกับสั่งตัวเองให้รีบปฏิบัติก่อนที่ใครบางคนจะหงุดหงิดโมโหขึ้นมา เธอไม่กล้าคิดเลยว่าถ้าหากเขาโกรธขึ้นมาแล้วละก็จะสั่งลูกน้องของเขาฆ่าหั่นศพเธอตอนนี้เลยหรือเปล่า
“ดี!”
น้ำเสียงทุ่มดุดันน่าเกรงขามพร้อมกับพยักหน้าพอใจก่อนจะก้าวยาวๆเข้าไปยังห้องทำงานพร้อมเลขาคนสนิทที่มีนามว่านิโคลตามไปติดๆ
เมริษาลอบถอนหายใจโล่งอกเมื่อร่างสูงใหญ่หายลับเข้าไปในห้องพร้อมปิดประตูตามหลัง หญิงสาวต้องตั้งสติใหม่ก่อนจะก้มลงเปิดแฟ้มเอกสารในมืออีกครั้ง และคราวนี้เมริษาตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะศึกษาข้อมูลเขาให้ถี่ถ้วนชนิดที่หาคำติเธอไม่ได้เลย
“ชื่อฟรานเซส ซานอาร์โด้ ปัจจุบันอายุสามสิบห้าปี เป็นลูกครึ่งไทย-อิตาลี แม่เป็นคนไทยชื่อช่อฟ้า ซานอาร์โด้ พ่อเป็นคนอิตาลีชื่อคาร์โด้ ซานอาร์โด้”
‘แสดงว่ายายเป็นคนไทยและอยู่เมืองไทย’
เมริษาสามารถให้คำตอบตัวเองได้ในทันทีเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ เพราะแบบนี้สินะเขาถึงจะพาเธอไปหายาย
แต่เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนนะ ในนี้บอกว่าไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้!
‘นี่สินะจุดอ่อนคุณ เก่งทุกอย่างยกเว้นพูดภาษาแม่ตัวเองไม่เป็น’
เมริษานั่งอ่านเอกสารเกือบชั่วโมงก็ต้องเงยหน้าขึ้นพลางทำหน้าเซ็ง
‘อ่านมาตั้งนานยังไม่ถึงครึ่งเลย นี่มันประวัติคนหรือหนังสือบันทึกประวัติศาสตร์โลกกันแน่เนี่ย ทำไมต้องละเอียดยิบย้อยและมากมายขนาดนี้ด้วย’
เมริษาอยากตะโกนออกมาดังๆ แต่ติดอยู่ที่ในห้องนี้ไม่ได้มีเพียงเธอแค่คนเดียวยังมีบอดี้การ์ดราวสิบยืนนิ่งตามจุดต่างๆราวกับขอนไม้ไม่มีชีวิต จนเธออดคิดไปไม่ว่าพวกเขาไม่รู้สึกหิวหรือปวดฉี่กันบ้างหรือไง แต่ใครจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะตอนนี้ความอดทนเธอสิ้นสุดลงแล้ว
เมริษาปิดแฟ้มเล่มหนาพร้อมกับวางมันลงบนโต๊ะตรงหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนเมื่อรู้สึกคอแห้งอยากหาอะไรดื่มสักหน่อย เป็นจังหวะเดียวกับที่นิโคลเดินออกจากห้องตรงมาหาเธอพอดี
“คุณเมริษาต้องการอะไรหรือเปล่าครับ”
“ฉันรู้สึกคอแห้งค่ะอยากหาอะไรดื่มสักหน่อย”
“เชิญคุณเมริษานั่งรอสักครู่นะครับเดี๋ยวผมจะสั่งเครื่องดื่มมาให้ครับ”
นิโคลบอกพร้อมกดโทรศัพท์ต่อสายเพื่อสั่งเครื่องดื่มขึ้นมาบนห้อง เมริษาจำใจต้องหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาตามเดิมพลางสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อรอคอยเครื่องดื่มด้วยความอดทน และไม่นานเกินรอเครื่องดื่มหลากหลายก็มาเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะหน้าเธอให้เลือกดื่ม
“ขอโทษนะคะคุณนิโคล คุณไม่ได้สั่งน้ำเปล่ามาหรอกเหรอคะ”
เมริษาเงยหน้าถามชายหนุ่มที่ยืนตรงหน้าเมื่อพบว่าเครื่องดื่มราวสิบอย่างล้วนแต่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลทั้งสิ้น ซึ่งประเมินจากสายตาดูแล้วราคาก็คงสูงลิ้วชนิดที่ชาตินี้คนอย่างเธอคงไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองอย่างแน่นอน
“ขอโทษครับที่ทำงานผิดพลาด โปรดรอสักครู่แล้วผมจะสั่งให้ใหม่ครับ”
นิโคลกล่าวอย่างรู้สึกผิดเพราะปกติเวลาเจ้านายบ่นคอแห้งเขามักจะสั่งไวน์หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลมาให้เสมอ แต่ไม่คิดว่ากับเมริษาเธอไม่ได้หมายถึงคอแห้งเพราะอยากดื่มเอลกอฮอลหากแต่เป็นน้ำเปล่าแทน
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มอันไหนก็ได้”
เมริษาพูดออกไปเพราะไม่อยากให้ให้อีกฝ่ายลำบากใจและเห็นเธอเป็นคนเรื่องมาก ไหนๆก็ไหนๆแล้วเป็นลูกจ้างเหมือนกันก็หัวอกเดียวกันจะมาตำหนิกันเองก็คงใช่เรื่อง
“ขอบคุณค่ะ”
เมริษากล่าวขอบคุณพร้อมกับรับแก้วไวน์ที่นิโคลรินส่งมาให้ก่อนจะยกขึ้นจีบแล้วต้องเลิกคิ้วขึ้นสูงกับรสชาติไวน์ที่ซึมผ่านลิ้นนุ่มนิ่มของเธอ
“รสชาติดีจังเลยนะคะ แล้วคุณนิโคลไม่ดื่มด้วยกันเหรอคะคนอื่นด้วย”
เมริษาชื่นชมรสชาติของไวน์ที่เธอได้ลิ้มลองครั้งแรก เป็นประสบการณ์ใหม่ที่เธอไม่เคยได้รับรู้มาก่อน พร้อมกับเอ่ยถามนิโคลและกับบอดี้การ์ดคนอื่นที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นตามประสาคนมีน้ำใจ แต่ทุกคนกลับพร้อมใจส่ายหน้าปฏิเสธราวกับนัดหมายกันเสียอย่างนั้น
“เชิญตามสบายครับคุณเมริษา ถ้ามีอะไรขาดเหลือบอกผมได้ตลอดเวลาครับ”
“แล้วคุณไม่กลับเข้าห้องทำงานแล้วเหรอคะ”
เมริษาเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่านิโคลออกมาจากห้องทำงานของเจ้านายนานแล้วและไม่มีท่าทีว่าจะกลับเข้าไปในนั้นอีก แล้วเธอก็ได้รับความกระจ่างเมื่ออีกฝ่ายตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ
“ไม่แล้วครับ ท่านสั่งให้ผมออกมาดูแลคุณเผื่อคุณเมริษาต้องการอะไรเพิ่มเติมผมจะได้จัดการให้”
เมริษาพยักหน้าเข้าใจ พลางคิดไปว่าการเป็นแฟนมาเฟียนี่ดีอย่างนี้นี่เอง มีคนคอยทำโน้นนี่ให้จนแทบจะไม่ต้องกระดิกนิ้วทำทุกอย่างด้วยตัวเองเลย
“คุณนิโคลคะ ฉันขอถามอะไรคุณอย่างได้ไหมคะ”
จู่ๆเสียงหวานก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับทำสีหน้าอึดอัดเล็กน้อย
“คุณเมริษามีอะไรจะถามผมเหรอครับ”
นิโคลย้อนถามด้วยความสงสัยขณะที่รินไวน์เติมให้เมริษาราวกับเป็นบริกรส่วนตัวให้กับเธอ เมริษายกแก้วไวน์กรอกเข้าปากดื่มรวดเดียวหมดเพื่อรวบรวมความกล้ากับคำถามที่เธอกำลังจะถามท่ามกลางความอึ้งตกใจของนิโคลไม่คิดว่าเธอจะดื่มหนักขนาดนี้ แต่ก็เลือกสงบปากสงบคำแล้วรินไวน์ต่อ
“ครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณกับคุณฟรานเซส และเห็นการทำงานร่วมกันที่ดูเข้าขากันมากจนฉันคิดว่าพวกคุณสองคนต้องสนิทสนมและรู้ใจกันมากเป็นพิเศษ แล้ว…คุณสองคนกำลังมีอะไรนอกเหนือจากเจ้านายลูกน้องอย่างที่ฉันคิดจริงไหมคะ”
ที่ถามออกไปแบบนั้นเพราะเธอไม่อยากสร้างศัตรู เพราะถ้าหากเธอเข้ามาสนิทสนมกับฟรานเซสในฐานะแฟน…แม้จะเป็นเรื่องงานก็ตามที! แต่หากพวกเขามีอะไรเกินเลยกว่าลูกน้องเจ้านายก็คงต้องมีเรื่องหึงหวงกันบ้างแหละ เพราะฉะนั้นเธอควรจะศึกษาข้อมูลการทำงานของตัวเองให้รอบด้านเพื่อไม่ให้กระทบกับจิตใจใคร
นิโคลมองหน้าเจ้าของคำถามด้วยสายตานิ่งอึ้งไปนิด ปนขบขันเพราะไม่คิดว่าเมริษาจะยิงคำถามมาแบบตรงๆชนิดที่ถ้าเป็นลูกกระสูนเขาก็โดนยิงหัวตายไปเรียบร้อยแล้ว เขาไม่รู้หรอกว่าไปแสดงท่าทางแบบไหนทำให้เธอเข้าใจผิดคิดไปไกลว่าเขากับเจ้านายมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน แต่ที่น่าขบขันกว่าสิ่งอื่นใดคือเธอคิดได้ไงว่าเจ้านายเขาจะเป็นพวกรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกัน แค่นวดเคราประดาบบนใบหน้าหล่อเหลานั้นก็คงไม่มีใครกล้าคิดแล้ว
“ไม่ครับ”
นิโคลเลือกตอบสั้นๆเพราะไม่อยากหลุดขำออกมาต่อหน้าหญิงสาวเขาทำได้เพียงก้มลงรินไวน์ให้กับเธออีกครั้ง
‘ถ้าท่านรู้ว่าแฟนที่ตัวเองเลือกมากับมือคิดว่าท่านเป็นเกย์ อยากรู้จริงจะทำตัวยังไง’
นั่นเป็นสิ่งที่นิโคลคิดในใจจนต้องลอบยิ้มไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับแววตาคู่สวยของหญิงสาวตรงหน้า
“เอ่อ…ฉันขอโทษนะคะที่เข้าใจคุณผิด และต้องขอโทษด้วยที่ถามคำถามเสียมารยาทไปแบบนั้นกับคุณ”
เมริษากล่าวขอโทษอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผิด สีหน้าและแววตารู้สึกผิดจากใจทำให้นิโคลถือโทษโกรธเธอไม่ลง
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ถือ”