บทที่ 3 :ดงมาเฟีย (1)

1750 Words
“อันนี้เผื่อคุณต้องการศึกษาเพิ่มเติม” “อะไรเหรอคะ” เมริษาเงยหน้ามองร่างสูงสง่าที่ลุกขึ้นก้าวยาวๆไปหยิบแฟ้มเอกสารสีดำขนาดใหญ่มายื่นให้เธอตรงหน้า หญิงสาวรับมาไว้ก่อนที่จะนิ่วหน้าเพราะน้ำหนักแฟ้มที่มีมากว่าที่เธอคิดเอาไว้ในตอนแรกจนต้องใช้สองมือช่วยประคองรับไว้มาวางบนตักแทน “ประวัติส่วนตัวและประวัติงานของผมคร่าวๆ เผื่อคุณอยากรู้จักตัวตนของผมมากขึ้นหรือเผื่อคุณต้องการจะหาจุดอ่อนที่สามารถทำให้ผมตกหลุมรักคุณได้” “เอ่อ…ค่ะ” เมริษาพยักหน้าเข้าใจแต่ก็มิวายแอบบ่นในใจ ‘แน่ใจนะคะว่านี่เป็นประวัติคร่าวๆ ฉันนึกว่าเป็นเอกสารบันทึกประวัติศาสตร์โลกเสียอีก’ แต่ไม่ว่าจะยังไงเธอก็ต้องก้มหน้าเปิดแฟ้มเอกสารเพื่ออ่านทำความเข้าใจกับข้อมูลข้างในแฟ้ม ดวงตาคู่สวยสำรวจดูเอกสารคร่าวๆก่อนที่มือเล็กจะพลิกกระดาษดูทีละแผ่นๆจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มเจ้าของประวัติกับแฟ้มในมือสลับกันไปมาแล้วเอ่ยถาม “นี่คุณเป็นมนุษย์หรือเป็นเทพกันแน่คะทำไมถึงทำงานมากมายขนาดนี้ งานที่คุณทำมีตั้งแต่ธุรกิจใต้ดินยันบนอากาศ นอกประเทศยันในประเทศ ธุรกิจสีขาวยันสีเทาแล้วแบบนี้คุณเอาเวลาที่ไหนไปพักคะ” คำถามที่เต็มไปด้วยความความทึ่งปนสงสัยของหญิงสาวที่ไม่ได้พูดเกินความเป็นจริงแต่อย่างใดทำให้ฟรานเซสต้องขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างๆเธอพร้อมอธิบายเสียงเรียบ “ผมทำธุรกิจเยอะก็จริงแต่ไม่ได้เข้าไปคลุกคลีกับตัวเองทั้งหมดหรอก งานของผมแค่ศึกษาเอกสารโครงการแล้วตัดสินใจเซ็นอนุมัติงบต่างๆเท่านั้น ชีวิตผมจะอยู่กับการประชุมแล้วก็เอกสารเสียส่วนใหญ่หรือบางครั้งอาจจะต้องลงพื้นที่ไปดูงานบ้างตามวาระต่างๆ” เมริษาพยักหน้าน้อยๆหลังจากได้ฟังคำบอกเล่าของชายหนุ่ม พลางคิดไปว่าต้องเป็นคนเก่งแค่ไหนถึงจะสามารถกุมธุรกิจมากมายบนโลกใบนี้ไว้ในมือได้ ‘คุณเป็นเกย์ที่หล่อ รวยและเก่งมากจริงๆเลยนะคะ คุณฟรานเซส’ “ฟังที่คุณพูดเหมือนจะง่ายเลยนะคะ แต่เท่าที่ฉันดูมันคงไม่ง่ายและฉันเชื่อว่าคุณเองก็คงไม่ค่อยได้พักสักเท่าไหร่ ฉันไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาจํากัดความเรียกคุณดี” เสียงหวานใสบอกด้วยน้ำเสียงจริงใจแววตาที่มองเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างไม่ปิดบังจนฟรานเซสเผลอคลี่ยิ้มบางๆออกมาอย่างเอ็นดูและขำอยู่ในใจ ‘ถ้าคุณรู้ว่าคนอื่นใช้คำจํากัดความเรียกผมยังไง คุณยังจะมองผมด้วยแววตาชื่นชมอยู่หรือเปล่า เมริษา’ “คนส่วนใหญ่เรียกผมว่ามาเฟีย” สีหน้าและแววตาปรับเปลี่ยนเป็นจริงจังปราศจากการล้อเล่นของฟรานเซสขณะพูดทำให้คนฟังถึงกับเผลออ้าปากค้างคำพูดที่กำลังจะเอ่ยชื่นชมเขาอีกครั้งจุกติดอยู่ที่ลำคอ เมริษาค่อยๆกวาดสายตาไปรอบๆห้องเหมือนเพิ่งจะสังเกตเห็นชายฉกรรจ์นับสิบในชุดสูทสีดำยืนอยู่ตามจุดต่างๆของห้อง ภาพแว๊บแรกที่เกิดขึ้นมาในสมองอันน้อยนิดของเธอคือกลุ่มคนที่ชอบใช้กำลังและตัดสินชีวิตผู้คนด้วยลูกกระสูนปืนที่เธอมักจะได้แสดงเป็นตัวประกอบร่วมในฉากผู้หญิงของมาเฟียบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มาเผชิญหน้ากับมาเฟียตัวจริงเสียงจริงในชีวิตจริงเลยสักครั้ง ถ้าเธอเดาไม่ผิดตรงเอวของชายฉกรรจ์ทุกคนคงมีอาวุธปืนพร้อมลูกกระสูนครบครันแน่ เมริษาเพิ่งตระหนักรับรู้เดี๋ยวนี้เองว่าเธอกำลังมาอยู่ในดงอะไรและที่สำคัญกว่านั้นคือเธอได้ตกลงเซ็นสัญญาเป็นแฟนมาเฟียไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “มาเฟีย!” เมริษาทวนคำเสียงแผ่วลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง นี่เธอทำอะไรลงไป รับงานโดยไม่อ่านประวัติของลูกค้าเสียก่อน ทำไมนะทำไมเธอถึงไม่เฉลียวใจตั้งแต่ทีแรกทั้งที่เขาก็ส่งเอกสารข้อมูลคร่าวๆมาให้ดูก่อนหน้านี้แล้ว เธอปิดหูปิดตารับรู้แต่เพียงว่าเขาหล่อและรวยมากจนลืมคิดถึงเส้นทางการเงินเสียสนิท เมริษาอยากจะกลั้นใจตายไปเสียตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด “ทำไมคุณกลัวผมเหรอ” “ไม่ค่ะ อันที่จริงงานคุณก็ดูไม่เลวร้ายอะไร คงไม่มีเรื่องอะไรที่ฉันต้องกลัวหรอกจริงไหมคะ” เป็นคำตอบของคนฉลาดที่ต้องเอาตัวรอดในสถานการณ์หน้าสิวหน้าขวัญแบบนี้ ใครที่เห็นเธอสวมบนนักแสดงในจอที่ว่าเก่งแล้วก็คงไม่ชื่นชมเธอเท่ากับการแสดงในเวลานี้อย่างแน่นอน เพราะตอนนี้เธอสามารถสวมบทนักแสดงปฏิเสธกับชายหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้มปกปิดความหวัดกลัวที่ก่อเกิดลึกๆขึ้นในใจได้หมดสิ้น ส่วนประโยคในตอนท้ายดูเหมือนจะเป็นคำถามที่ให้กำลังใจตัวเองเสียมากกว่า “ครับ งานผมไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเหมือนอย่างที่ผู้คนจำกัดความให้หรอก ออกจะสนุกด้วยซ้ำไป” ‘การที่มีบอดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลังดูไม่น่ากลัวและคงสนุกมากเลยนะคะ คุณฟรานเซส’ เมริษาถามประชดอยู่ในใจแต่ยังคงระบายยิ้มหวานไม่ให้ถูกจับได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ฟรานเซสพยักหน้าพอใจกับคำตอบและรอยยิ้มหวานๆของเธอ ‘ต้องแบบนี้สิถึงจะร่วมงานกันได้ง่าย’ “ทำไมคุณถึงติดต่อและเลือกให้ฉันเป็นคนสอนความรักให้กับคุณละคะ อันที่จริงยังมีดาราและผู้หญิงสวยๆอีกตั้งมากมายที่พร้อมจะสอนความรักให้กับคุณ” เมริษาหยั่งเชิงถามออกไปเผื่อว่าเธอจะสามารถหลุดรอดออกไปจากดงมาเฟียนี้ได้ ภาวนาให้เขาฉุดคิดถึงผู้หญิงคนอื่นแล้วเกิดเปลี่ยนใจเลิกจ้างเธอแล้วเลือกคนอื่นมาแทน แต่เมื่อได้ฟังคำตอบของอีกฝ่ายเมริษาก็แทบจะลืมหายใจ “ผมเลือกคุณเพราะคุณโดนใจ” คำตอบหนักแน่นของฟรานเซสสร้างความรู้สึกหลากหลายให้กับเมริษา มันคงเป็นคำตอบที่ดีมากหากเขาไม่ใช่มาเฟียแต่ถึงอย่างไรหัวใจเธอก็ยังคงพองโตคับอกขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “หมดคำถามแล้วใช่ไหม ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวทำงานก่อนห้องทำงานผมอยู่ติดห้องนอนถ้าคุณมีอะไรก็เรียกได้ตลอดเวลา ส่วนคุณจะอยู่ในห้องนี้หรือไปนอนในห้องนอนก็ตามใจ ไว้ผมเสร็จงานแล้วจะพาคุณไปหาคุณยาย” ฟรานเซสบอกเสียงเรียบก่อนจะทรงตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแต่ยังไม่ทันจะก้าวเดินเสียงหวานก็เรียกไว้เสียก่อน “เดี๋ยวก่อนค่ะคุณฟรานเซส ห้องนอนของฉันอยู่ห้องไหนคะ“ “ในนี้มีห้องนอนแค่ห้องเดียวคือห้องโน้น ส่วนห้องนั้นเป็นห้องทำงานของผม” ฟรานเซสอธิบายพร้อมชี้ให้ดู ดวงตาคู่สวยมองตามก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังคงไม่หายสงสัยอยู่ดี “หมายความว่าไงคะ ฉันหมายถึงแล้วคุณจะนอนที่ไหนคะ” หญิงสาวเอ่ยถามพลางยิ้มหวานกลบเกลื่อนความเกรงกลัวที่มีต่อเขาในใจ แต่คำตอบที่เธอได้รับกลับมาทำให้เมริษาแทบจะหน้าหงายไปทันที “ห้องนอนมีแค่ห้องเดียวจะให้ผมไปนอนที่ไหนถ้าไม่ใช่ห้องเดียวกับคุณ” ‘ถึงคุณจะเป็นเกย์ แต่มันก็ดูไม่สมควรอยู่ดีนะคะคุณฟรานเซส ฉันจะไม่ยอมนอนห้องเดียวกับคุณเด็ดขาด’ เมริษาคัดค้านหัวชนฝาอยู่ในใจแต่พอจะพูดมันออกมาเสียงของเธอก็กลับเลือนหายไปเสียเฉยๆเมื่อสบสายตาเข้ากับดวงตาคมกริบดุดันคู่นั้น “มีปัญหาอะไร” “ปะ…เปล่าค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ” กัดฟันพูดพร้อมปั้นหน้ายิ้มสุดความสามารถเท่าที่เธอจะทำได้ “ดี! งั้นผมขอตัวทำงานก่อน” ฟรานเซสพยักหน้าพอใจพร้อมกับแอบลอบขำท่าทางของหญิงสาวที่อึดอัดจนต้องระบายออกมาด้วยการกระทืบเท้าทั้งที่ใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธอกำลังไม่พอใจแต่ที่เธอไม่พูดออกมาคงเพราะกลัวสีหน้าดุๆของเขา อันที่จริงเขาไม่ได้อยากจะแกล้งเธอเพียงแต่อยู่ต่อหน้าลูกน้องเป็นสิบก็ต้องเก๊กขรึมไว้ตามแบบฉบับของเขาเท่านั้นเอง “เดี๋ยวก่อนค่ะคุณฟรานเซส…ยายของคุณอยู่ที่ประเทศไทยเหรอคะทำไมคุณถึงบอกว่าจะพาไปหาคุณยาย” เมริษาถามออกไปด้วยความสงสัยทำให้ฟรานเซสต้องขมวดคิ้วขึ้นสูงก่อนที่จะหันมาเผชิญหน้ากับเธออย่างจริงจัง แววตาคมกริบดุดันนั้นดูน่ากลัวจนเมริษาต้องลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่รู้ตัว “ดูเหมือนคุณจะไม่ได้ศึกษาข้อมูลอะไรเกี่ยวกับตัวผมเลยนะครับคุณเมริษา ทั้งที่เลขาของผมส่งข้อมูลของผมไปให้คุณก่อนหน้านี้ในอีเมลล์ ไหนจะข้อมูลเอกสารก่อนที่คุณจะจรดปากกาเซ็นสัญญา และก็ข้อมูลในแฟ้มเอกสารที่คุณกำลังถืออยู่ตอนนี้” คำพูดของเขาทำให้เมริษารู้สึกจุกจนพูดไม่ออก เพราะเขาพูดถูกทุกข้อเลย ข้อมูลในอีเมลล์เธอรับรู้แต่เพียงว่ารูปของเขาหล่อเหลาแค่ไหนไม่ได้สนใจอ่านประวัติของเขาแต่อย่างใด ตอนก่อนเซ็นสัญญาเธอก็อ่านอะไรไม่รู้เรื่องเพราะเขาเป็นต้นเหตุทำให้หัวใจเธอสั่นไหวไม่มีกระจิตกระจายอ่านอะไร ส่วนข้อมูลในแฟ้มตอนนี้เธอก็มัวแต่สนใจธุรกิจมากมายของเขาหากแต่ไม่ได้อ่านประวัติส่วนตัวอะไรของเขาอีกตามเคย ทั้งหมดนี้เป็นความสะเพร่าของเธอแต่เพียงคนเดียว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD