07
สมองเธอได้รับการกระทบกระเทือน(หรือเปล่า) 2
ปานรดารีบเดินไปหยิบของที่เธอลืมอย่างเร่งรีบเพราะความห่วงวาดจันทร์แต่สิ่งที่คิดกับสิ่งที่เป็นมันไม่ใช่อย่างนั้นอยู่อยู่เธอก็ได้ยินเสียงร้องที่มั่นใจว่าเป็นเสียงที่เธอคุ้นเคย
“กรี๊ดๆ ๆ ๆ”เสียงกรีดร้องของวาดจันทร์เมื่อเธอรู้สึกตกใจ
วาดจันทร์รู้สึกกังวลที่รอปานรดาเธอกลัวทั้งผู้คนกลัวไปหมดทุกอย่างด้วยความกลัวเธอจึงเข็นรถเข็นตามหาปานรดาทำให้เธอเข็นรถเข็นชนเข้าอย่างจังกับชั้นวางทิชชูเป็นเหตุทำให้ทิชชูล้มลงมากองอยู่กับพื้นอย่างระเนระนาด ผู้คนต่างตกใจกับทิชชูที่ตกลงมาบ้างก็หล่นโดนลูกค้าที่กำลังเดินซื้อของหล่น
ปานรดามั่นใจว่าเสียงที่เธอได้ยินเป็นเสียงวาดจันทร์อย่างแน่นอนเธอจึงรับวิ่งหาเธอซึ่งก็อยู่ช่องถัดไปนี่เอง
“วาดจันทร์ ๆ เธอเป็นอะไรมั้ย”เธอถามวาดจันทร์ในขณะเดียวกันวาดจันทร์เอาแต่ยืนร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้น
“อย่าร้องไห้เลยวาดจันทร์ไม่เป็นไรหรอก”ปานรดาพูดกับวาดจันทร์แต่มืออีกข้างเธอก็รีบเก็บทิชชูขึ้นวางไว้เหมือนเดิมในขณะนั้นก็มีพนักงานมาเก็บทิชชูขึ้นชั้นไม่มีใครต่อว่าเธอเลยสักคน
“ขอโทษด้วยนะคะพอดีเพื่อนฉันได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองทำให้เธอหลงๆ ลืมๆ เป็นบางครั้งค่ะขอโทษด้วยนะคะ”ปานรดาบอกกับพนักงานที่กำลังช่วยกันเก็บทิชชูขึ้นชั้นช่วยกันสองสามคนปานรดาก็ช่วยพนักงานเก็บขึ้นชั้นจนเสร็จด้วยเช่นกัน
“ไม่เป็นไรครับ/ค่ะ”พนักงานต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน
“ให้ข้าช่วยหรือไม่แม่ปานรดา”วาดจันทร์ที่หยุดร้องไห้ถามปานรดา
เมื่อปานรดาได้ยินดังนั้นกลัวว่าถ้าให้เธอช่วยเดี๋ยวจะวุ่นวายอีกเธอเลยบอกปฏิเสธวาดจันทร์ไว้ก่อน
“ไม่เป็นไรหรอกวาดจันทร์นี่ก็ใกล้เสร็จแล้ว”ปานรดายิ้มให้เธอพร้อมกับเก็บทิชชูม้วนสุดท้ายขึ้นชั้นวางอย่างเรียบร้อย
“ข้าขอโทษเจ้าด้วยนะที่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้า”วาดจันทร์ยกมือขึ้นไหว้ปานรดาอย่างอ่อนน้อมจนทำให้ปานรดาอดสงสารเธอไม่ได้
“นี่วาดจันทร์ไม่ต้องไหว้ฉันก็ได้ไม่เป็นไรหรอกทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเราไปจ่ายตังค์กันดีกว่า”ปานรดาจึงต่อคิวจ่ายเงิน เมื่อเธอจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วยความหิวเธอจึงรอกลับไปทำงานกินที่บ้านไม่ไหวเธอจึงพาวาดจันทร์ไปกินข้าวเช้าที่ร้านชาบูแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับซุปเปอร์มาเก็ต
“นี่คืออันใดแม่ปานรดา”วาดจันทร์จ้องมองหม้อชาบูอย่างสนใจเพราะเธอไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในชีวิต
“นี่เขาเรียกว่าชาบู กินเถอะฉันหิวแล้วเธอไม่หิวหรือไงกินเลยฉันเลี้ยงเอง”ปานรดาพูดพร้อมกับเอาเนื้อเอาผักเอาเส้นจุ่มลงในหม้ออย่างชำนาญเพราะเธอชอบกินปิ้งย่างและชาบูสุกี้เป็นประจำแต่ส่วนมากเธอจะมากินคนเดียวหรือไม่ก็สั่งไปกินที่ห้อง
“ข้ากินไม่เป็นหรอกแม่ปานรดาข้าไม่เคยกินเลยสักครั้ง”วาดจันทร์นั่งนิ่งไม่กล้าขยับเขยื้อนเพราะเธอกลัวจะสร้างความวุ่นวายเหมือนที่ซุปเปอร์มาเก็ต
“กินอย่างนี้ไงล่ะวาดจันทร์ ทำอย่างนี้นะเธอชอบกินอะไรเธอก็ใช้ตะเกียบคีบแล้วก็เอาจุ่มลงหม้อไงแบบนี้นะพอสุกแล้วเธอก็จิ้มกับน้ำจิ้มที่เธอชอบจิ้มอันไหนก็ได้แต่น้ำจิ้มสุกี้น่าจะเหมาะกับคนหวานๆ อย่างเธอส่วนฉันน่าชอบน้ำจิ้มซีฟูดสุดแซ่บ”ปานรดาพูดไปลวกไปกินไปอย่างน่าเอร็ดอร่อย
“ลองสิวาดจันทร์เอานี่ฉันลวกให้เธอแล้ว”ปานรดายื่นหมึกชิ้นโตให้วาดจันทร์ก่อนที่เธอจะจิ้มน้ำจิ้มแล้วป้อนเข้าปากวาดจันทร์อย่างรวดเร็ว
“ข้ากินเองก็ได้แม่ปานรดาไม่ต้องป้อนข้าก็ได้คนมองใหญ่แล้วหนา”วาดจันทร์มองไปที่ผู้คนที่นั่งโต๊ะข้างๆ ที่ยิ้มให้กับความน่ารักของทั้งคู่
“ไม่เป็นไรหรอกเพื่อนกันอย่าคิดมากเลย”ปานรดายิ้มไปลวกไปกินไปเหมือนคนหิวมาแต่เดือนก่อน ด้วยความเฟรนลี่ของปานรดทำให้วาดจันทร์ลืมคิดมากเรื่องที่บ้านไปเลย
“ทำไมอาหารหารกินที่บ้านเมืองของแปลกพิลึกแต่เหตุใดถึงได้อร่อยเยี่ยงนี้”วาดจันทร์หยิบเนื้อใส่ปากตัวเองหลังจากที่พูดจบ
ปานรดาเห็นวาดจันทร์ใช้มืออาหารในถ้วยที่เธอลวกให้เธออยากให้วาดจันทร์ผ่อนคลายจึงไม่ได้ทักท้วงแล้วปล่อยให้วาดจันทร์ใช้ชีวิตในแบบที่เธอถนัด
ทั้งสองกินชาบูผ่านไปสองชั่วโมงเต็มๆ ทั้งปานรดาและวาดจันทร์อิ่มแทบจะเดินไม่ไหวแล้ว
“เออร์ ๆ ๆ ๆอิ่มจังเลยวาดจันทร์เธออิ่มหรือยังฉันอิ่มมากๆเลย”ปานรดาพูดไปลูบท้องตัวเองไปอย่างไม่ห่วงสวย
“ข้าก็อิ่มมากแล้วล่ะแม่ปานรดาเออร์”วาดจันทร์แอบเรอเบาๆ แม้เธอจะพยายามไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกมาแล้วก็ตามแต่เธออิ่มมากจนเก็บเสียงไม่อยู่จริงๆ ถ้าเป็นที่อโยธยาเธอคงโดนท่านแม่ตำหนิอย่างแน่นอน